เฟิงอี้เซวียน!
แคลร์รีบไปที่ต้นตอของเสียง เพราะนางได้ยินความไม่มั่นคงในเสียงของเฟิงอี้เซวียน ซึ่งก็หมายความว่าเฟิงอี้เซวียนได้รับบาดเจ็บ!
ตูม…
มีเสียงระเบิดดังขึ้น แคลร์ก็รีบวิ่งไปและเห็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ แกว่งดาบใหญ่ในมือและโจมตีเฟิงอี้เซวียนอย่างดุเดือด เฟิงอี้เซวียนถอยไปอย่างรวดเร็ว การที่นักเวทย์อย่างเขาต่อสู้โดยตรงนั่นไม่ใช่เรื่องฉลาดมากนัก สีแดงสดที่มุมปากของเฟิงอี้เซวียนแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเสียเปรียบอยู่ในขณะนี้ ผู้หญิงผู้นั้นดูเหมือนจะไม่ได้ต้องการฆ่าเฟิงอี้เซวียนในทันที แต่นางจะ ย่างก้าวตามจนทำให้เฟิงอี้เซวียนลำบาก เฟิงอี้เซวียนจะใช้เวทมนตร์ แต่ดาบที่แหลมคมก็ขัดจังหวะการร่ายคาถาของเขาทำให้เขาต้องถอยหนีอย่างต่อเนื่อง
ผู้หญิงมีเสน่ห์ ผู้นั้นแข็งแรงและรวดเร็วมาก ยิ่งไปกว่านั้นนางโจมตีอย่างต่อเนื่องจึงทำให้เฟิงอี้เซวียนไม่มีเวลาที่จะตอบโต้มีเพียงผู้ที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมายเท่านั้นที่จะเข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าเวทมนตร์จะสามารถเกิดขึ้นได้ในทันทีโดยไม่ต้องร่ายคาถา แต่ผู้ร่ายก็จำเป็นต้องรวบรวมสมาธิ และผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ให้เวลาให้กับเฟิงอี้เซวียนเลยแม้แต่น้อย
ดาบชังหลันปรากฏขึ้นในมือของแคลร์นางบินขึ้นไปด้วยการเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยแล้วป้องกันดาบให้เฟิงอี้เซวียน
เคร้ง…
เสียงการปะทะของอาวุธดังขึ้นในป่า
“แคลร์!” เสียงของเฟิงอี้เซวียนทั้งประหลาดใจและมีความสุข
แคลร์เงียบ ใบหน้าของนางเคร่งขรึมการต่อสู้เพียงดาบแรกดาบเดียวก็ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เลย
หญิงมีเสน่ห์คนนี้มีพลังและรวดเร็วมาก
“เจ้าเป็นใคร?!” ผู้หญิงคนนั้นมองแคลร์อย่างโกรธเคืองและตะโกน เมื่อนางกำลังจะจัดการกับเฟิงอี้เซวียน แต่สาวผมบลอนด์ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้!
แคลร์เงียบแล้วทำเพียงแค่ป้องกันการโจมตีของผู้หญิงคนนั้นอย่างใจเย็น
นางต้องป้องกันไปสักพัก แค่สักพักก็เพียงพอแล้ว เวลาเพียงเล็กน้อยนี้ก็เพียงพอให้เฟิงอี้เซวียนร่ายคาถา! ในฐานะนักเวทย์เฟิงอี้เซวียนยังด้อยกว่าแคลร์เล็กน้อยในแง่ของความแข็งแกร่งและความเร็วแต่พลังเวทย์นั้น…
หญิงที่มีเสน่ห์คนนี้แข็งแกร่ง แต่ยังไม่พอ!
เฟิงอี้เซวียนยืนนิ่งขมวดคิ้ว งอนิ้วขึ้นไปในอากาศและตะโกนว่า “คุกลม!”
ทันใดนั้นอากาศรอบข้างก็เคลื่อนไหวและสร้างกำแพงกั้นรอบตัวผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว แคลร์ก้าวถอยหลัง ผู้หญิงคนนี้จะไล่ตามนาง แต่กลับถูกกระแสลมพัดรอบตัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และผู้หญิงผู้นั้นก็ถูกกักขังไว้ภายในกำแพงอย่างแน่นหนา
แคลร์มองไปที่สายลมที่ดุร้ายแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย ความสามารถของเฟิงอี้เซวียนดีขึ้นอย่างรวดเร็วจริงๆ
มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้น กำลังทำลายกำแพงลมนั้นด้วยดาบ
แคลร์เก็บดาบของนางและมองไปที่เฟิงอี้เซวียน พวกเขาไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
ทันใดนั้น หญิงสาวที่ถูกกักขังอยู่ในนั้นก็ระเบิดความโกรธและทำลายสิ่งกีดขวางที่ทำด้วยลมนั้นด้วยดาบ แต่ก่อนที่นางจะได้สติกลับมา ไฟก็โหมกระหน่ำเข้าไปที่ใบหน้าของนาง! ความร้อนแรงผิดปกติจากเปลวไฟสีทองทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ นางอยากจะหลบ แต่ก็พบว่านางไม่สามารถถอยกลับได้อีกแล้ว
นั่นก็เพราะเฟิงอี้เซวียนใช้คุกลมก่อนหน้านี้อีกครั้งเพื่อกักขังหญิงสาวคนนั้นและเปลวไฟที่รุนแรงไว้ข้างในนั้น
แคลร์และเฟิงอี้เซวียนไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องของนาง
แคลร์ยกมือขึ้นและหอกเปลวไฟสีทองก็ปรากฏขึ้นในมือของนางทันที
“ไป!” มือของแคลร์เหวี่ยงหอกไปที่คุกลมอย่างมั่นคง
หอกเปลวไฟพุ่งไปที่ด้านหน้าของคุกลมและคุกลมก็แยกช่องออกโดยทันที ทำให้หอกเปลวไฟสามารถ เข้าไปข้างในได้อย่างราบรื่น!
ความร่วมมือระหว่างเฟิงอี้เซวียนและแคลร์เป็นไปอย่างราบรื่น นับตั้งแต่ที่แคลร์ป้องกันดาบของผู้หญิงผู้นี้ทั้งหมดใช้เวลาไปเพียงสองนาทีเท่านั้น! ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ
เสียงกรีดร้องดังขึ้นและจากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรอีก มีเพียงเสียงแตกของเปลวไฟบนวัตถุที่กำลังลุกไหม้และอากาศก็เริ่มอบอวลไปด้วยกลิ่นที่แผดเผา ช้าๆ
หลังจากจัดการผู้หญิงคนนั้นแล้วทั้งสองก็มองหน้ากัน
“แคลร์ เจ้ามาที่นี่ทำไม?” เฟิงอี้เซวียนรู้สึกกังวลใจอย่างประหลาด พื้นที่ทดลองนี้อันตรายมาก เขาเพิ่งเจอคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไปล่ะ …
“จุดประสงค์เดียวกับเจ้า” แคลร์หันหน้าไปมองคุกลมและเปลวไฟที่ค่อยๆมอดลงแล้วพูด “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผู้อาวุโสบอกว่าเพิ่งส่งเจ้ามาไม่นาน ทำไมมาได้ไม่นานถึงได้ไปสู้กับคนเช่นนั้นล่ะ?
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอับอายก็ปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของเฟิงอี้เซวียน เขาไม่สามารถพูดได้ว่าหญิงไร้ยางอายคนนั้นต้องการให้เขาไปเป็นคนรับใช้และเด็กหนุ่มคนโปรดของนาง
แคลร์มองการแสดงออกที่ค่อนข้างผิดปกติของเฟิงอี้เซวียนก็เข้าใจและไม่ได้ถามอีกแต่ขมวดคิ้ว “เราไปตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ กันก่อนดีกว่า”
“อืม” เฟิงอี้เซวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาเห็นว่าแคลร์ไม่ได้ตั้งคำถามอีก
“จริงสิ นี่สำหรับเจ้า” แคลร์หยิบแหวนออกมาจากแหวนมิติและส่งให้เฟิงอี้เซวียน
ดวงตาของเฟิงอี้เซวียนเบิกกว้าง เขามองแหวนในมือของแคลร์อย่างตกตะลึง
“ทำไมล่ะ? ไม่เอาหรือ? เช่นนั้นก็ช่างมัน” แคลร์ทำท่าจะเอาแหวนคืน
เฟิงอี้เซวียนคว้าแหวนมาเขากุมมันไว้และรีบพูด “เอาสิ! ทำไมไม่เอาล่ะ!”
“หยดเลือดแสดงความเป็นเจ้าของสิ” แคลร์มองเลือดที่มุมปากของเฟิงอี้เซวียนและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
หลังจากที่เฟิงอี้เซวียนใส่แหวน เขาก็รู้สึกถึงช่องว่างภายในและรู้สึกตกใจ พื้นที่ใหญ่มาก! แคลร์มอบสิ่งที่มีค่าให้เขาจริงๆ! ของล้ำค่าเช่นนี้นางไปเอามาจากไหนกัน? ไม่ว่าอย่างไรหัวใจของเฟิงอี้เซวียนก็ตื้นตันจริง “แคลร์ นี่เจ้าขอข้าแต่งงานหรือ?” เฟิงอี้เซวียนยิ้มขณะแตะแหวนบนนิ้วของเขา
“คืนแหวนมาให้ข้าเลย” แคลร์พูดด้วยใบหน้าเย็นชา
“ข้าหยดเลือดเป็นเจ้าของแล้ว” เฟิงอี้เซวียนพูดพร้อมกับส่ายหัว “ข้าไม่สามารถสละกรรมสิทธิ์ของข้าได้ เว้นแต่เจ้าจะฆ่าข้า”
พลั่ก…
วินาทีต่อมาเฟิงอี้เซวียนก็นั่งยองๆ บนพื้นเขาคร่ำครวญและกุมใบหน้าของเขา กำปั้นของแคลร์โดนเบ้าตาของเฟิงอี้เซวียนอย่างจัง แคลร์ไม่สนใจเฟิงอี้เซวียนที่เจ็บปวดแล้วขมวดคิ้ว
“มีใครบางคนกำลังมา” แคลร์กระซิบแล้วมองไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง
เฟิงอี้เซวียนก็สังเกตเห็นและยืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขามองไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
แคลร์ขยิบตาให้เฟิงอี้เซวียน และทั้งสองก็เดินไปด้านข้างเงียบๆ โดยซ่อนลมหายใจไว้ซึ่งเป็นทักษะที่ทั้งแคลร์และเฟิงอี้เซวียนถนัด
ทั้งสองไม่ได้ไปไหนไกล แต่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่และมองดูเงียบๆ จะเลือกสามีให้ลูกสาว แล้วมีย่าจะวิ่งเร็วขนาดนั้นไปทำไม” เสียงนั้นเต็มไปด้วยการบ่นและรำคาญ
“เจ้าจะไปรู้อะไร เจ้าเมืองจะเลือกสามีให้ลูกสาว แต่ลูกชายของเจ้าเมืองเป็นชายหนุ่มรูปงาม มีย่าอยากไปดูชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นเร็วๆ ไงล่ะ” อีกเสียงหนึ่งพูด
“จึ๊ๆ นางก็ทำได้แค่ดูไม่ใช่หรือ นางคิดว่าลูกชายของเจ้าเมืองจะถูกใจนางเหมือนคนทั่วไปที่นางไล่ตามหรือ?” เสียงแรกดังขึ้นอีกครั้ง
“ก็จริง” เสียงหยาบกร้าวเย็นชา ทันใดนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย “กลิ่นไหม้มาจากไหน?”
“หืม?”
ร่างของชายสามคนค่อยๆ เข้าสู่สายตาของแคลร์และเฟิงอี้เซวียน พวกเขาทั้งสามคนแต่งกายเหมือนกัน ทุกคนมีรูปร่างกำยำสวมชุดสีฟ้าทั้งหมดและพวกเขาก็มีดาบขนาดใหญ่อยู่ที่หลัง พวกเขาดูคล้ายกับผู้หญิงคนนั้นเล็กน้อย สามคนนี้กับผู้หญิงทรงเสน่ห์ที่ตายไปแล้วเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือไม่? พวกเขาเป็นนักรบทั้งหมดเลย
“นั่นคืออะไร” ชายร่างกำยำที่เดินอยู่ข้างหน้าพบกองศพบนพื้นเป็นคนแรก
“นั่นคือดาบของมีย่า!” ชายตาคมอีกคนที่อยู่ข้างๆ ก็อุทานออกมา เขาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและก้มลงหยิบดาบที่พื้น
ทันใดนั้นการแสดงออกของชายทั้งสามก็เปลี่ยนไป พวกเขามองไปที่กองซากศพที่ไหม้เกรียมบนพื้นและดวงตาของพวกเขาก็ลึกล้ำอย่างไม่น่าเชื่อ ศพในกองไฟที่อยู่บนพื้นนั่นใช่น้องสาวของพวกเขาไม่?
“พี่ใหญ่! นี่ นี่คือมีย่า?!” เสียงของชายที่ถือดาบสั่นไหว
แคลร์และเฟิงอี้เซวียนมองหน้ากันและค่อยๆ ถอยออกไปในระยะไกลช้าๆ พวกเขาไม่ควรอยู่ที่นี่
ขณะที่แคลร์และเฟิงอี้เซวียนกำลังเคลื่อนตัวออกไป ผู้นำก็เงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วและหันไปมองทางขวา นั่นคือภาพลวงตาของเขาหรือไม่? ดูเหมือนจะมีใครบางคนอยู่ตรงนั้น แต่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้นและเขาก็ถูกดึงกลับมาด้วยเสียงคำรามของน้องชายในทันที
“พี่ใหญ่ เป็นมีย่าจริงๆ มีย่า…อ๊าก! มันเกิดขึ้นได้ยังไง! ใครกันที่ฆ่ามีย่า!” เสียงที่เสียดแทงหัวใจดังไปไกลถึงแคลร์และเฟิงอี้เซวียน ทั้งสองจึงรีบออกไปเร็วขึ้น
“ที่นี่คือที่ไหน?” เฟิงอี้เซวียนเช็ดเลือดที่แห้งออกจากมุมปากของเขาอย่างไม่ไยดี เขาขมวดคิ้วและพึมพำ “ความแข็งแกร่งของชายสามคนนั้นสูงกว่าผู้หญิงคนนั้นอีก ถ้าเจ้าไม่ปรากฏตัวในเวลานั้น วันนี้ข้าคงตายอยู่ที่นี่ ตาแก่นั่นไม่บอกเลยว่าที่นี่คือที่ไหน!”
“ท่านลมบอกเพียงว่าสถานที่แห่งนี้ต้องอาศัยพละกำลังในการต่อสู้ผู้อ่อนแอจะเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง” แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคำพูดของท่านลมเทียนกัง ที่จริงอยู่ที่ไหนก็พึ่งความแข็งแกร่งไม่ใช่หรือ? ดูเหมือนท่านลมจะมีความหมายอื่นนะ หรือท่านจะบอกว่า ที่นี่ไม่มีกฎและระเบียบ ดินแดนแห่งนี้คือดินแดนอิสระงั้นหรือ?
“แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ช่างน่าอึดอัดจริงๆ” เฟิงอี้เซวียนเงยหน้าขึ้นและมองไปบนท้องฟ้า แต่เดิมเขาคิดว่าเมื่อเขาทำลายผนึกและบรรลุขั้น ที่เก้าของสายลมเทียนกังแล้ว เขาจะเป็นคนที่มีพลัง แต่เมื่อเขามาที่นี่ เขาเกือบจะพ่ายแพ้แล้ว!
“ท่านลมบอกว่าหากจะกลับไป พวกเราต้องไปที่ภูเขาที่สูงที่สุด ที่นั่นมีเวทย์เคลื่อนย้ายอยู่” แคลร์มองไปข้างหน้าและหรี่ตา ดินแดนนี้มีภูเขาสูงตระหง่านอยู่ตรงนั้นจริงๆ
…………………………………………………………………………..