แคลร์ขมวดคิ้ว แล้วใช้นิ้วเคาะพื้นโต๊ะอย่างใจจดจ่อ
“หรือว่าจะเป็น…” จู่ๆ เฟล็ปส์ก็พูดขึ้นมา
“หรือว่าจะเป็นอะไร?” แคลร์ขมวดคิ้วและถามอย่างกระตือรือร้น
“หรือว่าจะเป็นการควบคุมจิตใจ” เฟล็ปส์พูดเสียงเข้ม
“เป็นไปไม่ได้หรอก” สีเฉ่าฉีพูด “แผนการที่เงอะงะเช่นนี้ แค่มีพลังเพียงเล็กน้อยก็มองออกว่ามันไม่ปกติ สายตาของผู้ที่ถูกควบคุมจะว่างเปล่า พูดเฉื่อยชา ผู้ที่มีพลังมากหน่อยตรวจสอบดูก็รู้แล้วว่าจิตวิญญาณของคนผู้นี้อยู่ในการควบคุม”
“ไม่แน่หรอก” เฟล็ปส์พูด พร้อมกับแตะที่คางราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“มีข้อยกเว้นอะไรหรือ?” แคลร์เข้าใจดีว่าการควบคุมจิตไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ผู้ควบคุม นอกจากจะพลังจิตแข็งแกร่งมากแล้ว ยังต้องควบคุมคนผู้นั้นให้ไม่เปิดเผยจุดบกพร่องออกมาด้วย เป็นเรื่องที่ยากมากทีเดียว
“มีข่าวลือกันว่ามีสิ่งประดิษฐ์หนึ่ง ที่ควบคุมความคิดจิตใจของคนได้โดยไม่มีความผิดปกติเลยแม้แต่น้อยและไม่มีใครจับได้เลยว่าคนนั้นถูกควบคุมอยู่”เฟล็ปส์ขมวดคิ้วและส่ายหัว“เป็นไปไม่ได้สิ่งประดิษฐ์นี้หายไปกว่าห้าร้อยปีแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะมีอยู่ที่นี่ในตอนนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะตกอยู่ในมือของวิหารแห่งแสง เครื่องควบคุมจิตใจคนนี้ มีเพียงจอมเวทชั้นเซียนจึงจะจัดการมันได้”
“ช่วงที่ผ่านมานี้วิหารแห่งแสงได้ติดต่อกับแม่ของข้าหรือไม่?” แคลร์ถามเสียงทุ้ม
“ไม่มีเพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กห้ามใครเข้าเยี่ยมทั้งนั้นรวมถึงองค์ชายสองและองค์หญิง แล้วก็ดยุกฮิลล์ด้วยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยม”เฟล็ปส์ยืนยัน
“หึ!” แคลร์ส่งเสียงเย็นชาไม่อนุญาตให้เยี่ยม ไม่ได้หมายความว่าจะติดต่อกับแม่ของนางไม่ได้ ตนเองนี่แหละเป็นข้อยกเว้นที่ดีคนหนึ่งเลย
“ท่านนักบุญเราจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ?” เฟล็ปส์ถาม
แคลร์เงียบและลุกขึ้นพูดอย่างเย็นชา “คืนนี้ข้าจะหาไปหาท่านแม่ ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่พวกเจ้ารอข้ากลับมาแล้วค่อยหารือเกี่ยวกับการรับมือกัน”
“ข้าว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้วนะ” เฟล็ปส์ส่ายหัวเล็กน้อย “ตอนนี้สวนกัลโลไม่เพียงแต่สมาชิกของทีมอัศวินแห่งพายุเท่านั้นที่เฝ้าดูอยู่แต่สมาชิกกริฟฟอนก็อยู่ที่นั่นด้วยวิหารแห่งแสงก็ส่งพระคาร์ดินัลท่านหนึ่งมาเฝ้าด้วย ไม่อนุญาตให้ใครติดต่อแม่ของท่านได้เลย”
แคลร์เข้าใจได้ทันทีว่าครั้งนี้วิหารแห่งแสงทำงานหนักจริงๆ
“พรุ่งนี้จะมีการพิจารณาคดีต่อหน้าสาธารณะจึงไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เยี่ยมก่อนข้าเดาว่าสถานที่ที่แม่ของท่านอยู่คงไม่ได้มีแต่ยามที่เฝ้าด้านนอกเท่านั้น ห้องนั้นยังมีการวางเขตกั้นเอาไว้ด้วยผลของการพิจารณาคดีครั้งนี้สำคัญมาก” เฟล็ปส์อธิบาย
“ตระกูลฮิลล์มีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?” แคลร์หรี่ตาลงเล็กน้อยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ตระกูลฮิลล์ไม่น่าจะนิ่งเฉยหรอก
“ท่านนักบุญพ่อของท่านเป็นกังวลมากเขาได้ติดต่อกับขององค์ชายสองอยู่ตลอดแต่ในทางกลับกันดยุกฮิลล์ดูสงบมากและไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแต่ได้ยินมาว่าหลังจากที่แม่ของท่านรับผิดว่าเป็นคนวางยาก็รู้ว่าเรื่องมันไม่ถูกต้อง แล้วจะขอพบแม่ของท่าน คงจะอยากยืนยันว่าแม่ของท่านถูกควบคุมจิตใจหรือไม่ แต่วิหารแห่งแสงคัดค้านอย่างมาก”เฟล็ปส์รวมสถานการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน
“วิหารแห่งแสงดูเหมือนจะไม่มีสิทธิ์คัดค้านเรื่องนี้นะ” แคลร์แค่นหัวเราะ
“โดยปกติแล้วเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะคัดค้านแต่ว่าจักรพรรดิสนับสนุนการคัดค้านของวิหารแห่งแสงบอกคนของสวนกัลโลว่าพบครอบครัวไม่ได้ก่อนการพิจารณาคดี” เฟล็ปส์พูด “คำพูดนี้ พูดจากปากของจักรพรรดิทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว”
“ให้ตายเถอะ!กดดันตระกูลฮิลล์ขนาดนี้ไม่กลัวตระกูลฮิลล์จะก่อกบฏหรือ” สีเฉ่าฉีพูด “ยังไงตระกูลฮิลล์ก็กุมอำนาจทหารนะ”
“จักรพรรดิรู้ว่าขอบเขตอยู่ตรงไหน” สีเฉ่าซื่อมองสีเฉ่าฉีสีเฉ่าฉีหมดคำพูด
“พรุ่งนี้จะพิจารณาคดีต่อหน้าสาธารณะท่านนักบุญ พวกเราจะทำอย่างไรดี?” เฟล็ปส์ถาม
แคลร์เงียบดวงตาของนางดูไม่มั่นใจ
“อาจารย์ของข้าล่ะ” แคลร์ขมวดคิ้วถาม
“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาราอูลพระคาร์ดินัลของวิหารแห่งแสงออกจากเมืองหลวงไปไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” สายข่าวของเฟล็ปส์กว้างขวางมาก
“พวกเราต้องไปช่วยเหลือหรือไม่?” สีเฉ่าฉีถามอย่างตื่นเต้น
“ไม่ต้อง” แคลร์ส่ายหัวเล็กน้อย เรื่องต่างๆ ล้วนไม่คาดคิดแม่ยอมรับว่าวางยาพิษองค์ชายใหญ่สิ่งนี้รบกวนแผนเดิมของนางทั้งหมดท่านปู่มีแผนอะไร?จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรและจะช่วยท่านแม่ได้อย่างไรล่ะ?
“ถ้าพิสูจน์ในที่พิจารณาคดีในที่สาธารณะได้ว่าแม่ของท่านถูกควบคุมจิตใจจึงพูดไปเช่นนั้นและหาหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าองค์ชายใหญ่หรือวิหารแห่งแสงเป็นผู้ที่ควบคุมนาง เรื่องทั้งหมดก็จะพลิกผัน” เฟล็ปส์พูด
“แต่ว่า ถ้ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เรากำลังพูดถึงจริงๆ ล่ะ? มีวิธีกำจัดมันหรือไม่?” แคลร์ขมวดคิ้วถาม
“มีแต่มันเสี่ยงมาก” เฟล็ปส์พูดตามที่รู้มาและตอบทันที “นั่นคือการใช้พลังควบคุมจิตใจแม่ของท่านอีกครั้งหากท่านใช้การควบคุมจิตใจด้วย สองพลังต่อสู้กันภายในจิตใจของแม่ท่านหากท่านชนะก็จะไม่เป็นไรหากอีกฝ่ายชนะ อีกฝ่ายจะก็ไม่เพียงแต่จะควบคุมวิญญาณของแม่ท่านแต่มันจะทำลายวิญญาณของแม่ท่านด้วย ท่านอาจจะเป็นคนเสียเปรียบ”เฟล็ปส์พูดอย่างเสียใจ “ถ้าคลิฟอยู่ที่นี่แม้วิหารจะมีเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์อยู่ก็ไม่ต้องกังวลเพราะจอมเวทชั้นเซียนทำลายเครื่องควบคุมจิตใจนั้นได้” เฟล็ปส์พูดถึงคลิฟอย่างชื่นชม
“ท่านนักบุญอย่าเสี่ยงเลยจะดีที่สุดหากอีกฝ่ายนั้นมีสิ่งประดิษฐ์จริงๆ มันจะไม่ดี” สีเฉ่าซื่อเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น
“ข้าเข้าใจแล้ว” แคลร์พยักหน้าแล้วพูดเบาๆ “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของข้า ก่อนหน้านี้ข้ารับปากพระสันตะปาปาแห่งความมืดไว้แล้ว ว่าจะไม่เอาชีวิตของคนจากวิหารแห่งความมืดมาล้อเล่น”
“ท่านนักบุญ…” เฟล็ปส์อ้าปากจะพูดบางอย่างแคลร์โบกมือไว้ “ไม่ต้องพูดแล้วถ้าข้าต้องการความช่วยเหลือจริงๆข้าจะบอก เวทเคลื่อนย้ายของบิลมีประโยชน์จริงๆ แต่รูปแบบนั้นใช้ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยพลังแห่งแสงไม่ได้ ความมืดแข็งแกร่งเกินไปที่จะถูกเปิดเผยได้ถ้าข้าต้องการ ข้าจะบอกพวกเจ้านะ”
“ลงไปเถอะข้าอยากอยู่เงียบๆ สักพัก” แคลร์ไม่รอให้คนอื่นพูด แล้วก็โบกมือให้ทุกคนลงไป
สองพี่น้องตระกูลสีจะพูดต่อแล้วก็หยุดเฟล็ปส์ส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไป
หลังจากที่ทุกคนออกไปแคลร์ก็นั่งคิดอยู่บนเก้าอี้เงียบๆ
ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยพลังแห่งแสงเป็นไปไม่ได้ที่เทพเจ้าแห่งความมืดจะเสี่ยงลงมาอาจารย์ก็ออกไปกะทันหันท่านแม่ก็รับสารภาพว่าเป็นคนจะฆ่าองค์ชายใหญ่นี่มันบังเอิญเกินไปหรือไม่?
แคลร์คิดถ้าตนเองโผล่ไปที่คฤหาสน์ฮิลล์ตอนนี้มีแต่จะทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลงอย่างน้อยตอนนี้คฤหาสน์ตระกูลฮิลล์และวิหารแห่งแสงก็กำลังสงบสุขแต่ถ้าตนเองไปปรากฎตัวคงไปทำลายความสงบเสียเปล่าๆ
ในใจสับสนไปหมด!
“จี๊บๆ”
“ฮู่ๆ”
ไป๋ตี้และเฮยหยู่นั่งยองๆบนไหล่แคลร์ตะโกน เหมือว่ากำลังปลอบใจแคลร์อยู่
แคลร์ยิ้มลูบเจ้าเด็กทั้งสองลุกขึ้นและออกไปจากห้องนอนกระจกดอกบัวขั้นที่สิบเอ็ด นางมาถึงจุดสูงสุดของขั้นที่สิบอย่างช้าๆ เกือบจะบรรลุขั้นที่สิบเอ็ดแล้ว อาจจะเป็นที่นางได้ไปเข้าใกล้กับความตาย ตอนนี้แคลร์จึงฝึกกระจกดอกบัวไปได้เร็วกว่าเมื่อก่อนมาก
คฤหาสน์ฮิลล์
“ท่านพ่อพรุ่งนี้จะมีการพิจารณาคดีมันจะไม่มีทางเลือกจริงๆหรือ?แคทเธอรีนต้องถูกควบคุมอยู่อย่างแน่นอน ต้องใช่แน่!” ลาเกอร์พูดอย่างกระวนกระวายอยาในห้องหนังสือ
“ข้ารู้อยู่แล้ว” ดยุกพูดอย่างเย็นชา “ข้าเคยบอกหลายครั้งแล้ว เมื่อไหร่เจ้าจะปรับเปลี่ยนนิสัยของเจ้าได้เสียที?”
“ข้าใจเย็นไม่ได้แล้วถ้าแคทเธอรีนถูกตัดสินให้ประหารชีวิตจะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไร?” ลาเกอร์ร้อนใจ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือ?!ถ้าแคทเธอรีนโดนตัดสินไม่เพียงแต่ชีวิตของนาง แต่องค์ชายสองก็จะแย่ไปด้วย ตระกูลฮิลล์ของเราก็จะซวยตามไปด้วย!” ดยุกระงับอารมณ์โกรธในใจของเขาเขาโกรธมากเช่นกันเดิมทีเขาอยากจะนั่งดูการเปลี่ยนแปลง ให้เอเรคไปช่วยองค์ชายใหญ่ ให้จินเหยียนแอบไปช่วยองค์ชายสองไม่ว่าคนใดคนหนึ่งได้ครองบังลังก์ ตนเองก็จะชนะแต่องค์ชายสองทำให้เกิดสถานการณ์บีบบังคับ และคาดไม่ถึงว่าเอเรคจะทรยศต่อตระกูลฮิลล์!
ลาเกอร์กัดฟัน ในใจหงุดหงิดและกังวลในสายตาของท่านพ่อผลประโยชน์ของครอบครัวมาก่อนเสมอหากคราวนี้ไม่ใช่เพราะอนาคตของตะกูลฮิลล์และทายาทแห่งบังลังก์ในอนาคตเขาจะไม่พยายามช่วยเหลือแคทเธอรีนอย่างสุดความสามารถไม่!แคทเธอรีนจะต้องไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย!
“เจ้าไปเถอะข้ารู้วิธีจัดการกับมันข้าจะตัดสินใจเองในระหว่างการพิจารณาคดี” ดยุกโบกมือไล่ให้ลาเกอร์ลงไป
ลาเกอร์อ้าปากกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ดยุกแทรกขึ้น “ข้าบอกให้ออกไปไม่เข้าใจหรือ?” เสียงที่เขาตะคอกออกมาทำให้ลาเกอร์เงียบ ลาเกอร์มองดยุกกอร์ตั้น ขมวดคิ้วแล้วออกไป
หลังจากที่ลาเกอร์ออกไปก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” ดยุกที่โต๊ะอย่างเหนื่อยล้าแล้วพูดเบาๆ
คนที่เข้ามาคืออูมาริ
“นายท่าน” อูมาริเข้ามาในห้อง มองดยุกแล้วพูดอย่างระมัดระวัง
“อูมาริเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง?” ดยุกลูบหน้าผากของตนเอง
“หาคนเจอแล้วครับแต่ว่า ถึงเวลานั้นจะทำลายการควบคุมจิตใจของนายหญิงได้หรือไม่ก็ไม่รู้เลย” อูมาริขมวดคิ้วพูดอย่างเคร่งขรึมวิหารแห่งแสงกล้าที่จะใช้วิธีนี้จะต้องมีอะไรแน่นอน
“จะพยายามอย่างเต็มที่หากไม่ได้ผลก็ต้องใช้แผนที่สอง” ดยุกถอนหายใจ“เมื่อไหร่ลาเกอร์จะเป็นผู้ใหญ่กว่านี้เสียที โตขนาดนี้แล้ว”