ในช่วงเวลาที่เหลือของวัน นอกเหนือไปจากเรื่องที่เฮสเทียอยากจูบมากกว่าเดิมแล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ
ตั้งแต่ได้จูบแบบดูดดื่มในห้องน้ำเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เธอก็สงวนท่าทีลงและหันไปจูบแบบเบาๆ หลังตื่นนอนแทน
พอมาตอนนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เฟนเรียร์เรียนหนังสือหรือไปทำอย่างอื่น อาการของเทพตัวเล็กก็จะกำเริบหนักขึ้น โดยที่เธอยังคงเพลิดเพลินไปกับการดูแลจากวาห์น
เพราะรู้ว่าเธอกำลังไม่สบายใจ วาห์นจึงให้การดูแลแบบพิเศษจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน
ทั้งสามนอนด้วยกันทุกครั้งที่ไม่มีคนอื่นมาค้างด้วย วาห์นก็เลยไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไร… จนกระทั่งเฮเทียเปลี่ยนไปใส่ชุดนอนวาบหวิวสีขาวแทน
เธอให้เหตุผลว่าช่วงนี้เฟนเรียร์ยังเปลี่ยนไปใส่แบบเดียวกันเลย เพียงแต่ว่าชุดของเด็กสาวนั้นจะต้องเผื่อช่องสำหรับหางไว้ให้ด้วย
เฟนเรียร์เริ่มชินกับการอยู่กับคนอื่นแล้วและไม่ต้องนอนท่ายากๆ อีก
ตอนนี้เธอสามารถนอนท่าปกติโดยนำอุ้งมือไปหนีบไว้ตรงเข่าแทนขณะใช้แขนของวาห์นแทนหมอน
เฮสเทียเองก็ยังละเมอขึ้นไปนอนบนตัวเขาเหมือนอย่างเคย
วาห์นนั้นเลิกคิดเรื่องนี้นานแล้วและหันมาเพลิดเพลินกับความอบอุ่นที่ทั้งสองมอบให้แทน
ส่วนที่ต่างไปจากเดิมก็คือเฮสเทียจะขยับขึ้นมาอีกนิดและนำศีรษะมาหนุนหมอนใบเดียวกับวาห์น
นั่นทำให้หน้าอกของเธอแนบไปกับแผงอกของเขาแบบใกล้ชิดกันกว่าเดิม
มีช่วงหนึ่งที่วาห์นจะตื่นขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าถูกใครบางคนแอบหอมแก้มและแสร้งทำเป็นหลับต่อแบบเนียนๆ
พอเป็นแบบนั้นอีกหลายครั้ง วาห์นก็สรุปได้ว่าเฮสเทียจงใจแน่นอน
เขาจึงกอดเอวของเธอไว้และทำให้ทั้งสองแนบชิดกันยิ่งกว่าเดิม
ไม่กี่นาทีต่อมา เฮสเทียก็เริ่มจูบใบหน้าและลำคอของเขาโดยไม่ทำอะไรมากไปกว่านั้น
วาห์นปล่อยให้เฮสเทียเล่นอยู่พักหนึ่งก่อนจะใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อทำให้เธอสงบลงและหลับไปในที่สุด
เขาหันหัวกลับมาจูบหน้าผากของเฟนเรียร์ที่ตื่นขึ้นอย่างกระทันหัน ก่อนที่ทั้งสามจะกลับไปนอนต่อ
วาห์นรู้ว่าเฮสเทียกำลังพยายามเปิดใจให้กว้างขึ้นและลดช่องว่างระหว่างพวกเขาลงทีละนิด
เพราะรู้สึกชอบเธออยู่แล้วและให้ความเคารพกับเธอเหมือนเดิม วาห์นจึงไม่คิดห้ามปรามเธอเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อมาถึงตอนเช้า สิ่งแรกที่วาห์นลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นก็คือดวงต้าสีฟ้าแวววาว ตามมาด้วยจูบแรกของวัน
“อรุณสวัสดิ์ เดี๋ยวฉันลงไปทำอาหารเช้าก่อนที่พวกนายจะออกไปข้างนอก โอเคนะ~?”
เฮสเทียไม่รอฟังคำตอบของเขาและเอื้อมมือไปลูบหัวของเฟนเรียร์ก่อนจะคลานลงจากเตียง
เพราะชุดนอนที่ไม่รู้จะสั้นไปไหน วาห์นก็เลยได้เห็นวิวดีๆ ตั้งแต่เช้าก่อนที่เฮสเทียจะยืนขึ้นและเดินออกไปทั้งแบบนั้นเลย
ราวกับพยายามเลียนแบบเฮสเทีย เฟนเรียร์เองก็โน้มหัวลงมาโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ริมฝีปากของวาห์น ทว่าสิ่งที่รอเธออยู่ก็คือฝ่ามือของอีกฝ่าย
“…ต้องตั้งใจเรียนให้มากกว่านี่ก่อนนะ เฟนเรียร์”
เฟนเรียร์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานเธอก็สงบลงพลางพูดพึมพำ
“วันนี้เฟนเรียร์อยากฆ่าเยอะๆ เลย…” วาห์นจูบเธอตรงหน้าผากก่อนที่ทั้งคู่จะลุกจากเตียง
เพราะเฮสเทียเดินออกไปก่อนแล้ว วันนี้วาห์นเลยได้เป็นคนช่วยเด็กสาวสวมเสื้อผ้าหลังจากไม่ได้ทำมานาน
วาห์นสังเกตเห็นว่าร่างกายของเฟนเรียร์นั้นสมชื่อ ‘ไม่มีอายุขัย’ จริงๆ เพราะมันดูไม่เติบโตขึ้นเลยแม้แต่น้อย
หากเส้นผมของเธอเสียหายจากการต่อสู้ ไม่นานมันก็จะซ่อมแซมตัวเองและกลับมายาวเท่ากับของเดิม
เพราะนับวันเฟนเรียร์ยิ่งจะสนใจเรื่องความรักและความสัมพันธ์มากขึ้น วาห์นเลยค่อนข้างเป็นห่วงอนาคตของเธอ แถมยังมีเรื่องของสกิลแฝงนั่นอีก…
—————
ผลงานถูก.ขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
เมื่อลงมาด้านล่าง เฮสเทียก็ยื่นข้าวกล่องขนาดใหญ่ที่ห่อไว้อย่างดีให้กับทั้งสอง
เฮสเทียยังรวมส่วนของริวให้ด้วยซึ่งทำให้วาห์นเผยรอยยิ้มขอบคุณก่อนจะเข้าไปกอดสั้นๆ และเดินพาเฟนเรียร์ออกไปทางประตูหน้า
ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว วาห์นจึงให้เฟนเรียร์เปลี่ยนไปใส่เสื้อคลุมที่ประดับขนสัตว์แม้ว่าเธอจะไม่รู้สึกหนาวเลยก็ตาม
ภาพที่อุ้งเท้าของเด็กสาวเดินย่ำไปกับพื้นหินเย็นๆ นั้นทำให้วาห์นรู้สึกแปลกมาก
เขาเคยทำรองเท้าให้เธอมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ยังไงเฟนเรียร์ก็ไม่ยอมใส่มันอยู่ดี ขนาดเอาของกินมาล่อก็ยังไม่ได้ผลเลย
หลังเจอกับริว วาห์นเห็นว่าเอลฟ์สาวเองก็ใส่ชุดตามปกติที่ไม่ปิดช่วงต้นขาแบบไม่กลัวหนาวไปอีกคน
วาห์นนั้นไม่หนาวแน่นอนเพราะมี ‘เพลิงนิรันดร์’ คอยช่วย แต่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกนักผจญภัยส่วนใหญ่เขาทำยังไงกันนะ?
พอถามเรื่องนี้ออกไป ริวก็ยิ้มให้และเริ่มอธิบายให้ฟัง
“ฉันใช้มานาเพื่อทำให้ร่างกายอุ่นน่ะ ส่วนผ้าคลุมนี่ก็ช่วยกักเก็บความร้อนได้ดีมาก
ถ้าไม่ต้องอยู่ข้างนอกนานเกินล่ะก็สบายหายห่วง”
แม้จะเชื่อคำพูดของเธอ แต่วาห์นก็มอบเสื้อคลุมที่เขาเคยซื้อไว้ให้ไปอีกผืน
ตอนนี้วาห์นเปรียบเสมือนร้านเสื้อผ้าเคลื่อนที่ที่จำหน่ายชุดสำหรับทุกเพศ ทุกวัย หรือแม้กระทั่งทุกเผ่าพันธุ์
อาจฟังดูแปลก แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นสอนให้วาห์นรู้ว่าการมีเสื้อผ้าสำรองไว้เยอะๆ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก
ระบบ ‘ของขวัญ’ ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาใช้ได้แบบวันต่อวัน วาห์นเลยกว้านซื้อเสื้อผ้าจากร้านค้าปกติและนำพวกมันมาเก็บไว้ในช่องเก็บของแทน
ริวนำเสื้อคลุมมาสวมทับด้วยท่าทางดีใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อในขณะที่ทั้งสามเดินทางเข้าสู่ดันเจี้ยน
ปฏิสัมพันธ์ที่ผ่านมาทำให้วาห์นรู้ว่าริวนั้นจะเข้าสู่โหมดเงียบเมื่อรู้สึกดีใจหรือมีความสุข เขาจึงเดินตามไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เฟนเรียร์เองก็ดูเหมือนจะมีความสุขไปกับผ้าคลุมตัวใหม่ทันทีที่เห็นฉากตรงหน้าเช่นกัน
หลายครั้งที่พวกสาวๆ พยายามสอนให้เธอยิ้มแบบเป็นธรรมชาติ แต่อย่างดีสุดที่เธอทำได้ในขณะก็คือยิ้มแหยๆ
นอกเหนือจากสีหน้าตอนโกรธหรือหงุดหงิดแล้ว เฟนเรียร์ต้องพยายามฝึกสีหน้าแบบอื่นๆ ตั้งแต่แรกเริ่มเลย แต่นั่นก็ทำให้พวกสาวๆ ยิ่งรู้สึกเอ็นดูเธอมากกว่าเดิม
เพราะเฟนเรียร์บอกว่า ‘อยากฆ่าเยอะๆ’ วาห์นจึงพาเธอไปยังชั้นที่ 7 ซึ่งมีมอนสเตอร์เกิดออกมายั้วเยี้ยเต็มไปหมด
เฟนเรียร์ฝึกจนถึงจุดที่สามารถ ‘ชะลอ’ อาการหิวก่อนจะส่งสัญญาณบางอย่างเพื่อทำให้คนอื่นรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกหงุดหงิดได้แล้ว
วาห์นรู้ตั้งแต่ได้ยินเธอบอก ‘อยากฆ่าเยอะๆ’ แล้วและเชื่อว่านี่เป็นชั้นที่จะระบายความเครียดของเธอได้ดีที่สุด
เมื่อพวกเขามาถึงเสาผลึกขนาดใหญ่ที่นักผจญภัยตั้งชื่อให้เล่นๆ ว่า ‘แหล่งอาหาร’ เหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังแกะคริสตัลมาทานกันอย่างเอร็ดอร่อยก็หันมามองทันที
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขามาที่นี่ แถมเฟนเรียร์ยังเคยไปยืนแทะเสาผลึกนั่นมาแล้วด้วยซ้ำก่อนที่ริวจะแนะนำให้เธอพอก่อน
เพราะวาห์นเคยสู้กับจักเกอร์นอตมาแล้ว เขาเลยรู้ว่าเธอคงเป็นห่วงเรื่องนั้นและบอกให้เฟนเรียร์หันไปสวาปามพวกมอนสเตอร์แทน
(TL: ทำลายส่วนของดันเจี้ยน = จักเกอร์นอตเกิด)
ค่าสถานะของเฟนเรียร์อาจเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ทว่าทักษะและศักยภาพในการต่อสู้ของเธอนั้นผิดกับตอนแรกแบบลิบลับ
นอกเหนือจากการเสริมพลังด้วยสกิลที่มีอยู่ ประสาทสัมผัสและการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของเฟนเรียร์นั้นเรียกได้ว่าชั้นหนึ่ง
เด็กสาวพยายามฝึกอย่างหนักทุกครั้งที่ลงดันเจี้ยนซึ่งไม่ต่างจากตอนที่ตั้งใจเรียนหนังสือ
เธอยังได้พัฒนานิสัยแบบใหม่โดยการคาบซากของศัตรูหายากหรือไม่ก็คริสตัลของพวกมันกลับมาให้วาห์นด้วย
นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตะหงิดๆ แต่เขาก็กล่าวชมเชยและพูดให้กำลังใจเพื่อให้เธอพยายามต่อไป
ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอร์สเรียน ‘แยกแยะการฆ่า’ นั้นก็คือโคลอี้นั่นเอง
เธอสละเวลามาสอนเฟนเรียร์เป็นการส่วนตัวเลยว่าอะไรที่ควรเก็บแบบเป็นซาก อะไรที่ฆ่าได้ และอะไรที่ ‘ฆ่าไม่ได้’
ศัตรูที่เฟนเรียร์เคยเจอนั้นมีแต่มอนสเตอร์ล้วนๆ หลายคนเลยเริ่มกลัวว่าเด็กสาวอาจเผลอไปฆ่าคนแบบไม่คิดอะไรมาก
เนื่องจากเธอเคยเป็นมอนสเตอร์มาก่อน นี่จึงเป็นเรื่องที่ตรงประเด็นและมีโอกาสเกิดขึ้นสูง
มีครั้งหนึ่งที่เฟนเรียร์เกือบจะเขมือบชายขี้เมาใน ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ ไปแล้ว
สาเหตุเกิดจากการที่ลูกค้าคนดังกล่าวจู่ๆ ก็เข้ามาจับหางของเธอเล่นทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
ตอนนั้นเฟนเรียร์เพิ่งจะผ่านคอร์ส ‘รักงวนสงวนตัว’ มาหมาดๆ เธอก็เลยเลือดขึ้นหน้าและคิดจะ ‘ลงโทษ’ ชายคนนั้นแบบสถานหนัก
โชคดีที่วาห์นรีบเข้ามาสงบเธอลงก่อนจะส่งให้มิลานจัดการปลอบต่อ
ชายคนนั้นหัวเราะเฮฮาโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเฉียดตายแค่ไหน สุดท้ายเขาก็โดนมามามีอาอัดจนน่วมและถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาในร้านอีก
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้วาห์นต้องพาเฟนเรียร์เข้าไปในดันเจี้ยนและปล่อยให้เธอสังหารมอนสเตอร์จนถึงเช้าวันถัดมา
เขาห่วงว่าเธอจะเป็นโรคกลัวผู้ชายคนอื่นไปเลย โดยเฉพาะเมื่อพวกสาวๆ หลายคนที่เฟนเรียร์รู้จักก็เป็นโรคนี้กันทั้งนั้น
วาห์นพยายามแก้ปัญหาด้วยการชักชวนผู้ชายเข้าแฟมิเลีย ทว่าแม้แต่คนรู้จักกันอย่างเวลฟ์ก็ยังบอกปฏิเสธเลย
พอถามเหตุผลที่ปฏิเสธ เวลฟ์ก็บอกไปตามตรง
“ฉันไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนอยากเข้าแฟมิเลียที่มีแต่ผู้หญิงของนายหรอกนะ
ถ้ามีคู่อื่นอยู่ด้วยก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้มันมีแค่นายใช่ไหมล่ะ?
บอกตามตรง แค่นึกภาพตามก็รู้สึกอึดอัดแล้วว่ะเพื่อน”
พอนึกถึงเรื่องนั้นแล้ววาห์นก็ต้องส่ายหัวแรงๆ ขณะเฝ้ามองเฟนเรียร์ตามล้างผลาญมอนสเตอร์ต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่แสงจากตาของเธอไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย
เนื่องจากต้องสู้กับศัตรูเป็นกลุ่ม เฟนเรียร์เลยใช้ [ดวงจันทร์ร่ำไห้] และทำให้สัญลักษณ์ดวงจันทร์สีแดงปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเธอ
วาห์นเห็นว่าเด็กสาวใกล้จะเข้าสู่สถานะบ้าคลั่งเต็มทีแล้ว เขาก็เลยพยายามเข้ามาหยุดและสงบเธอลง
เมื่อสัมผัสได้ว่าเขากำลังเข้ามาใกล้ เฟนเรียร์ก็ตะโกนขึ้นทันที
“ไม่เอา เฟนเรียร์จะฆ่าอีก!”
เฟนเรียร์กระโจนใส่มอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ตัวและฉีกมันเป็นชิ้นๆ ก่อนที่เขาจะรั้งไว้ทัน
วาห์นขมวดคิ้วและเฝ้ามองเฟนเรียร์ที่ชโลมไปด้วยเลือดสดๆ พลางคิดในใจว่าตัวเองตอบสนองช้าไปหน่อย
ตอนนี้ค่าความภักดีของเฟนเรียร์อยู่สูงมากที่ประมาณ 6,132 แต้ม ทว่ามันกลับลดลงกว่าหนึ่งร้อยแต้มทันทีที่เขาพยายามหยุดเธอ
พอหยุดเธอด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้ เขาเลยหันไปใช้พลังเขตแดนกับพวกมอนสเตอร์แทน
วาห์นผสาน [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] เข้าไปจนมอสเตอร์ทุกตัวที่อยู่ในห้องเริ่มไหม้เกรียมและสลายหายไปจนหมด
ชั้นนี้มีแต่มอนสเตอร์เลเวล 1 ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันทนการโจมตีแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าไม่มีศัตรูหลงเหลือแม้แต่ตัวเดียว เฟนเรียร์ก็เลยเริ่มใช้อุ้งมือทุบพื้นพลางคำรามเสียงดัง
วาห์นเฝ้ามองการกระทำของเธอด้วยความกังวลและยังไม่แน่ใจว่าควรทำยังไงต่อขณะส่งสายตาขอความขอเหลือไปทางริว
ริวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ต้องส่ายหน้าอย่างจนปัญญาเช่นกัน
เมื่อเฟนเรียร์สูญเสียเสียการควบคุมตัวเองไปแล้ว ต่อให้ล่ามอนสเตอร์อีกเป็นขโยงก็เปล่าประโยชน์ หนำซ้ำมันอาจทำให้เธอหงุดหงิดกว่าเดิมด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฟนเรียร์แสดงอาการดังกล่าว ทว่าครั้งนี้มันดูรุนแรงกว่าเมื่อก่อนมาก
วาห์นสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินมาคุกเข่าใกล้กับเฟนเรียร์ที่ยังคงง่วนกับการตกแต่งพื้นต่อไป
เขานำถุงมือ [เต่าทมิฬผู้ปกป้อง] ออกมาสวม, เล็งกำปั้นไปที่พื้น และเริ่มทุบลงไปจนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ มันใหญ่จนถึงขั้นที่กลบรอยเล็บของเฟนเรียร์ไปเลย
เด็กสาวสะดุ้งไปกับพลังโจมตีของวาห์นและหันมามองเขาด้วยดวงตาสีแดงฉาน
“พื้นนี่ทำให้เธอโมโหมากเลยใช่ไหม?” วาห์นพูดพลางยิ้มให้
แม้จะใช้คุณสมบัติสลายแรงกระแทกของถุงมือไปแล้ว แต่วาห์นก็ใส่แรงเยอะมากจนมันสลายได้ไม่หมดและทำให้มีเลือดไหลออกจากฝ่ามือเป็นทาง
เฟนเรียร์รีบตะโกนห้ามทันทีที่เห็นว่าวาห์นเตรียมง้างมืออีกครั้ง
“ไม่! เฟนเรียร์ไม่เกลียดพื้น! วาห์นหยุดเถอะ!”
สัญลักษณ์ดวงจันทร์บนหน้าผากของเฟนเรียร์สลายกลายเป็นอนุภาคเล็กๆ ในขณะที่เธอรีบเข้ามาจับมือของผู้เป็นนายเอาไว้
วาห์นนั่งลงกับพื้นและเริ่มใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อรักษามือขณะหันไปถามเฟนเรียร์
“บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าอะไรทำให้เธอหงุดหงิด?”
สีหน้าของเฟนเรียร์ยังดูไม่ค่อยดีนัก เธอเริ่มกัดฟันและใช้เล็บเขี่ยพื้นหลังจากได้ยินคำถามนั่น
ตอนแรกวาห์นนึกว่าเด็กสาวจะกลับไปใส่อารมณ์กับพื้นอีกครั้ง แต่แล้วเขาก็เห็นว่าเธอกำลังเขียนมันออกมาเป็นตัวหนังสือแทน
เป็นลายมือที่แย่มากๆ แถมเขียนผิดๆ ถูกๆ ด้วย แต่อย่างน้อยเขาก็พออ่านมันออก
‘เฟนนเรียร์ไม่ชอบเวฬาวาห์นไม่อญู่นานนาน’
พออ่านจบ วาห์นก็หรี่ตาพลางนึกถึงสิ่งที่เธอเขียน
หลังจากวิวัฒนาการกลายเป็นร่างปัจจุบันแล้ว เธอกับวาห์นก็แทบจะตัวติดกันตลอด
ช่วงที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนานสุดก็เป็นจะเป็นตอนที่เขาไปค้างกับเฮเฟสตัส แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้นานอะไรเลย
พอนึกย้อนกลับไปอีกหน่อย วาห์นก็นึกถึงตอนที่ปล่อยเฟนเรียร์ไว้กับเอวาเป็นเวลา 12 ปีภายในลูกแก้ว…
เนื่องจากยังคิดอ่านได้ไม่ดีนัก เฟนเรียร์คงนึกว่าเขาอาจจะหายไปแบบนั้นอีก
การถูกสอนให้รักษาท่าทีและระงับความโกรธคงทำให้เฟนเรียร์เก็บกดทุกอย่างเอาไว้จนถึงจุดวิกฤติ
ในสายตาของวาห์น ท่าทางหงุดหงิดของเธอในตอนนี้กลับดูเศร้าลงไปถนัดตา
ชายหนุ่มถอนหายใจและดึงอ่างอาบน้ำออกมาจากช่องเก็บของ
“เฟนเรียร์ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ตกลงไหม?
ฉันอาจต้องออกไปข้างนอกบ้าง แต่ก็จะกลับมาหาเธอแน่นอน
ฉันจะไม่ทอดทิ้งเธอแบบตอนนั้นอีกแล้ว…”
วาห์นหันไปทางริวและเริ่มพูดต่อ
“และนอกจากฉันแล้ว คนอื่นๆ ก็จะมาอยู่ช่วยดูแลเธอด้วย
รู้ใช่ไหมว่าทุกคนมองว่าเธอน่ารักและเอ็นดูเธอมาก?”
คิ้วของเด็กสาวยังคงไม่คลายออกจากกัน แต่ตอนนี้วาห์นรู้ว่าเธอไม่เศร้าแบบเมื่อกี้นี้แล้ว
เฟนเรียร์หันหน้าไปหาริวบ้าง และสิ่งที่เธอได้กลับมาก็คือรอยยิ้มจริงใจของเอลฟ์สาว
คราวนี้สีหน้าเศร้าๆ ก็เริ่มผ่อนคลายลงและถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มก่อนที่เธอจะโดดลงไปในอ่างอาบน้ำของวาห์น
“วาห์นดีกับเฟนเรียร์ที่สุดเลย~! อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ ตลอดไปแล้วก็ตลอดไปอีก!”