เส้นทางของจิวเสวี่ยเหม่ย
โดย
หุ่นไล่กา
จิวโมไป๋ออกจากบริษัทเนบิวลา เขาทักทายชายหัวล้านก่อนจะโบกรถโดยสารกลับไปที่ร้านอาหารตระกูลจิว เขาเปลี่ยนแผนไม่กลับไปที่เกาะโดดเดี่ยว เพราะอีก 2 วันจะเป็นวันเกิดของจิวเสวี่ยเหม่ย น้องสาวของเขา
เมื่อไปถึงร้านอาหารตระกูลจิว เขาก็ไม่พบใคร เขาถามพนักงานร้าน พวกเขาก็บอกว่าพ่อและแม่ของเขาอยู่ที่บ้าน หลายวันมานี้ทั้งสองไม่ค่อยมาที่ร้าน
จิวโมไป๋เข้าใจว่าทั้งสองกำลังบ่มเพาะพลังอย่างหนัก เขาเดินตรวจสอบร้าน เขาก็พบลุงหาน หัวหน้าเชฟ ที่กำลังทำอาหารอย่างขมักเขม้น เขาไม่ทักอีกฝ่ายเดินผ่านไป
เดินออกจากร้านอาหาร เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองแล้วนึกถึงอดีต จุดเริ่มต้นของความขมขื่นเริ่มจากร้านอาหารแห่งนี้
ถ้าวันนั้นหลานซูเมิ่งไม่มาทานอาหารที่ร้านของเขา และถ้าวันนั้นเขาไม่ปรุงอาหารให้เธอทาน เขาและเธอจะไม่รู้จักกัน เขาจะไม่แอบตกหลุมรักเธอ เซียวหนานจิ้นก็จะไม่ลงมือทำลายครอบครัวของเขา
จิวโมไป๋ถอนสายตาออก ก่อนโบกรถกลับบ้าน สายตาเหม่อมองออกไปนอกรถ ก่อนจะถอนหายใจ
แม้ว่าในตอนนี้อนาคตจะเปลี่ยนไป ครอบครัวของเขายังคงมีความสุขไม่พบเจออันตรายใดๆ แต่จิตมารที่ฝั่งอยู่ในวิญญาณของเขาก็ไม่ลดน้อยลง…
เมื่อไปถึงบ้าน จิวโมไป๋ลงจากรถโดยสารคิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อย เพราะจิตสัมผัสของเขาค้นพบผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งอยู่รอบบ้านของเขา แต่เขาไม่พบจิตมุ่งร้ายใดๆจากคนที่ซุ่มอยู่ เมื่อดูดีๆ เขาพบว่าพวกเขาเป็นนักบวช
จิวโมไป๋ก็เข้าใจ เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบห้องใต้ดินของบ้านไม่พบร่างเจ้าอาวาสหงหมิง เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้ว และส่งศิษย์ของวัดมารักษาความปลอดภัยให้กับครอบครัวของเขาตามสัญญา
จิวโมไป๋เดินเข้าไปในบ้าน จิตสัมผัสของเขาเขาพบว่าพ่อ แม่ และจิวเสวี่ยเหม่ยกำลังฝึกฝนอยู่ในห้องฝึก
ทันทีที่เสียงเปิดประตูหน้าบ้านดังขึ้น จิวเสวี่ยเหม่ยก็หยุดการฝึกวิชาดาบพื้นฐาน ก่อนจะวางดาบไม้ลงและวิ่งออกจากห้องฝึก ผ่านกลางตัวบ้านมาถึงหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว
จิวโมไป๋เดินเข้าบ้านพอดีกับที่ร่างของจิวเสวี่ยเหม่ยกระโดดเข้าอ้อมแขนของจิวโมไป๋
“พี่บ้า! หายไปไหนตั้งหลายวัน ไม่คิดถึงหนูแล้วเหรอ”จิวเสวี่ยเหม่ยกล่าวตัดพ้อ น้ำเสียงสั่นเครือ
จิวโมไป๋ใจอ่อนยวบเขากอดปลอบเด็กสาวเบาๆ เขาอยู่กับน้องสาวของเขาตลอด พบหน้ากันทุกวัน แต่หลังจากย้อนเวลากลับมา เขาต้องยุ่งวุ่นวายกับสถานะการณ์ต่างๆจนไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวเลย
จิวโมไป๋ปลอบจนจิวเสวี่ยเหม่ยยอมปล่อย เสี่ยวหงเลื่อยออกจากแขนเสื้อด้วยความอึดอัด มันมองลงไปยังจิวเสวี่ยเหม่ยด้วยแววตาโกรธเคียง
“ว๊าว! พี่ชายได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่อีกแล้วเหรอ?”จิวเสวี่ยเหม่ยมองเสี่ยวหงด้วยแววตาเป็นประกาย ลืมความโกรธไปจนหมด เธอไม่กลัวงูเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่น
ไม่รอช้าจิวเสวี่ยเหม่ยยื่นมือมาลูบหัวของเสี่ยวหง แต่มันไม่ยอมให้เด็กสาวจับ มันพยายามเลื่อยไปตามร่างของจิวโมไป๋เพื่อหลบหนี
แต่ก็ทำไม่สำเร็จ จิวเสวี่ยเหม่ยวิ่งไปรอบๆจิวโมไป๋ไล่จับเสี่ยวหง ไม่นานมันก็ตกมาอยู่ในมือของเธอ
จิวเสวี่ยเหม่ยวิ่งไปที่ห้องครัว โดยไม่สนใจใยดีจิวโมไป๋ที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปห้องฝึก เขาก็ต้องประหลาดใจ พ่อและแม่ที่อยู่ขั้นที่ 3 เส้นเอ็นปลาย ไม่ถึงครึ่งเดือนพ่อแม่ของเขาก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกอิจฉานิดๆ
รู้สึกว่าเขาไม่ได้รับการถ่ายทอดความสามารถในการบ่มเพาะพลังมาจากครอบครัว
แม้แต่จิวเสวี่ยเหม่ยที่ยังไม่ได้เริ่มบ่มเพาะพลัง แต่พรสวรรค์ในวิถีดาบของเธอก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
จิวโมไป๋ขับไล่ความคิดทั้งหมดไป ก่อนจะเข้าไปหาพ่อและแม่ เขาชี้แนะทั้งสอง จนถึงช่วงเย็น พวกเขาก็ออกจากห้องฝึก และเห็นจิวเสวี่ยเหม่ยและเสี่ยวหงกำลังกินขนมดูTVอย่างมีความสุข
จิวโมไป๋ยิ้มออกมาอีกครั้ง และสาบานว่าจะรักษาครอบครัวของเขาให้มีความสุขตลอดไป
จิวโมไป๋อยู่บ้านชี้แนะการบ่มเพาะพลังให้กับพ่อแม่ และสอนวิชาดาบพื้นฐานให้กับจิวเสวี่ยเหม่ย
เช้าวันสองวันต่อมา
“พี่บ้า! ตื่นเร็วเข้า!”เสียงหวานใสดังขึ้น จิวโมไป๋ค่อยๆลืมตาตื่นก่อนจะบิดตัวเล็กน้อย เขารู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาไม่ได้นอนเต็มอิ่มแบบนี้นานแล้ว
“ตื่นได้แล้ว ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้เป็นวันเกิดของหนู รีบลุกขึ้นมาสอนบ่มเพาะเร็วๆเข้า”จิวเสวี่ยเหม่ยเท้าสะเอว ย่นหน้าไม่พอใจท่าทางเฉื่อยชาของจิวโมไป๋ เสี่ยวหงที่พันไหล่ของเธอก็สั่นหางไปมาตบที่ขาของจิวโมไป๋ พยายามปลุกเขาให้ตื่น
มันทรยศจิวโมไป๋ไปอยู่กับจิวเสวี่ยเหม่ย หลังจากถูกซื้อด้วยขนมเมื่อสองวันก่อน
จิวโมไป๋ลุกขึ้นมาขยี้หัวของเด็กสาวและถาม
“วันนี้ไม่ไปโรงเรียนเหรอ?”
จิวเสวี่ยเหม่ยขยับหัวหลบฝ่ามือของจิวโมไป๋ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“หนูลาหยุดทั้งสัปดาห์แล้ว”
จิวโมไป๋ยักไหล่ ก่อนจะเดินไปล้างหน้า ลงไปห้องฝึกพร้อมกับเด็กสาว พ่อแม่ของเขาอยู่ในห้องฝึกก่อนหน้า พวกเขาบ่มเพาะพลังอย่างขยันขันแข็ง นอกจากเวลานอน พวกเขามักจะอยู่ในห้องฝึก ไม่แปลกเลยที่จะบ่มเพาะพลังรวดเร็วแบบนี้
จิวโมไป๋หยิบโอสถทำลายตำหนักยุทธและโอสถกลั่นตำหนักยุทธออกมา เด็กสาวทานพวกมันอย่างไม่ลังเล เธอเห็นพ่อและแม่ทานพวกมันมาก่อน ทำให้เธอรูปถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี
เห็นใบหน้าเจ็บปวดของเด็กสาว จิวโมไป๋ พ่อและแม่ก็หยุดการฝึกมายืนให้กำลังใจ
ผ่านไป 2 ชั่วโมงจิวเสวี่ยเหม่ยก็สามารถสร้างตำหนักยุทธได้ใหม่
เขาก็เริ่มถ่ายทอดเคล็ดบ่มเพาะพลังถามฟ้า ให้กับเด็กสาวเหมือนกับพ่อแม่ เคล็ดบ่มเพาะพลังถามฟ้า เหมาะกับผู้เริ่มต้นมากกว่าเคล็ดบ่มเพาะพลังอื่นๆ
เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยง พวกเขาก็หยุดฝึกและไปทานอาหาร ช่วงบ่ายพวกเขาไม่ฝึกต่อ ขับรถพากันไปเที่ยวทั้งครอบครัว
เวลาผ่านไปจนถึงดึก พวกเขาก็กลับบ้าน ใบหน้าของจิวเสวี่ยเหม่ยฉีกยิ้มกว้างไม่หุบ
เช้าวันต่อมาพวกเขาก็กลับมาบ่มเพาะพลังอย่างจริงจังอีกครั้ง
จิวโมไป๋คอยแนะนำจิวเสวี่ยเหม่ยอยู่ข้างๆ
ในระหว่างนั้นเอง เสียงกริ่งประตูบ้านก็ดังขึ้น
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสไปตรวจสอบเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะคนที่มาคือ เตี๋ยเสวี่ยเจียวกับเตี๋ยมู่หลง ลุงของเธอ
จิวโมไป่บอกให้ทุกคนหยุดฝึกก่อนที่จะพากันไปที่หน้าบ้าน
“เจียวเจียว!”จิวเสวี่ยเหม่ยพุ่งเข้าไปกอดเตี๋ยเสวี่ยเจียวด้วยความดีใจ
“พี่สาว”เตี๋ยเสวี่ยเจียวกอดตอบนัยน์ตาเปียกชื้น เธอส่งของขวัญให้กับจิวเสวี่ยเหม่ยกล่องใหญ่
พวกเขาพากันไปที่ห้องรับแขก เตี๋ยมู่หลงเดินตามหลานสาวไม่ห่าง
พวกเขาพูดคุยกัน ในตอนนั้นเองเตี๋ยมู่หลงที่กำลังสังเกตจิวเสวี่ยเหม่ยอยู่ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
เพราะเขาสัมผัสได้ว่าเด็กสาวมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา มันแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา เตี๋ยมู่หลงไม่อาจระงับความตื่นเต้นเอาไว้ได้ เขาหันไปหาจิวโมเทียน
“ฉันขอเชิญลูกสาวของคุณเข้าสำนักผีเสื้อดารา คุณจะยินดีที่จะให้เธอเข้าสำนักหรือไม่”
บรรยากาศกลายเป็นเงียบสนิท
“คุณลุง”เตี๋ยเสวี่ยเจียวจับแขนเสื้อของเตี๋ยมู่หลง
“ลูกสาวของฉันคงไม่สะดวกที่จะแยกจากพวกเราไปในตอนนี้”จิวโมเทียนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
จิวโมไป๋เงียบไม่พูดอะไร ในสถานการณ์แบบนี้พ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องเป็นคนพูด
เตี๋ยมู่หลงเห็นว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดเขารีบอธิบาย
“ไม่ต้องกังวล ที่เมืองนี้มีสาขาของสำนักของเราตั้งอยู่ เราไม่ได้จะพาเธอไปที่สำนักหลักโดยตรง เธอยังสามารถอยู่กับครอบครัวได้”
“อ่อ ขอโทษผู้อาวุโสที่พวกเราเข้าใจผิด”บรรยากาศกลับมาดีขึ้น
จิวเสวี่ยเหม่ยตอบรับเข้าไปเป็นศิษย์สาขาสำนักผีเสื้อดาราอย่างไม่ลังเล เตี๋ยเสวี่ยเจียวดีใจมากที่พี่สาวที่เธอนับถือเข้าสำนักของเธอ
จิวโมไป่เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ ด้วยพรสวรรค์ของจิวเสวี่ยเหม่ยไม่นานเธอจะต้องไปที่สำนักหลักอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะต้องแยกจากครอบครัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาเคยเป็นเจ้าสำนัก ทำให้เขารู้ดีว่ากฎของสำนักนั้นเข้มงวดอย่างมาก และเวลาที่ใช้บ่มเพาะพลังและเวลาในการทำภารกิจ ก็ทำให้ศิษย์ของสำนักแทบจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น
ทำให้การจะพบกับครอบครัวสักครั้งนั้นยากมาก หลายปีกว่าจะพบกับครอบครัวสักครั้ง
เวลาผ่านไปจนถึงเย็น
เตี๋ยเสวี่ยเจียวและเตี๋ยมู่หลงก็จากไป พร้อมกับนัดหมายให้จิวเสวี่ยเหม่ยไปรายงานตัวในอีก 2 วัน
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง ทุกคนเข้าห้องเพื่อพักผ่อน จิวโมไป๋มองดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวครุ่นคิดบางอย่าง
ในเวลานั้นเองจิตสัมผัสของเขาก็ค้นพบผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง จิวโมไป๋เพ่งจิตสัมผัสไปตรวจสอบเขาก็พบกับเจ้าอาวาสหงหมิง ที่กำลังยืนนิ่งสงบอยู่บนอาหารสูงห่างจากบ้านของเขาออกไปเล็กน้อย
จิวโมไป๋ออกจากบ้าน ขึ้นไปหาเจ้าอาวาสหงหมิง
เมื่อจิวโมไป๋ขึ้นมา เจ้าอาวาสหงหมิงก็ลืมตามองไปยังร่างของจิวโมไป๋ ก่อนจะยิ้มและกล่าวชื่นชม
“อมิตาพุทธเพียงไม่กี่วัน กรรมดีของโยมก็เพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้ โยมควรออกบวชเพื่อศึกษาพระธรรม เพื่อบำรุงศาสนา”
จิวโมไป๋ยิ้มก่อนจะตอบอย่างสุภาพ
“ขออภัย ผมยังมีห่วงไม่สามารถออกบวชได้จริงๆ”
“อมิตาพุทธ น่าเสียดายๆ”เจ้าอาวาสหงหมิงส่ายหัวอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะหยุดและกล่าวถาม
“โยมเข้าหน่วยมังกรซ่อนแล้วใช่ไหม”
จิวโมไป๋พยักหน้า
เจ้าอาวาสหงหมิงครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะกล่าว
“อาตมากำลังจะไปทำภารกิจบางอย่าง โยมจะไปทำภารกิจกับอาตมาไหม?”
“ภารกิจ?”จิวโมไป๋เลิกคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะชวนเข้าไปทำภารกิจ
เจ้าอาวาสหงหมิงถอนหายใจ ก่อนจะมองไปยังทิศทางหนึ่ง
“อมิตาพุทธ ที่ประเทศเกาะมีเหตุการณ์วิญญาณรุนแรงเกิดขึ้น ผู้คนในหมู่บ้านหลายแห่งอยู่ๆก็หายสาปสูญไม่สามารถติดตามได้ ตอนนี้มียอดผู้สูญหายกว่าสี่พันคนแล้ว”เจ้าอาวาสหงหมิงกล่าวช้าๆ
“รัฐบาลประเทศเกาะเห็นว่าประเทศของเราเป็นประเทศแรกที่ค้นพบ และสามารถกำจัดเหตุการณ์วิญญาณได้ พวกเขาจึงติดต่อกับประเทศของเราเพื่อขอความช่วยเหลือ ให้ส่งผู้บ่มเพาะพลังสายธรรมะไปช่วย”
จิวโมไป๋นึ่งเงียบตกอยู่ในความคิด
เจ้าอาวาสหงหมิงคิดว่าจิวโมไป๋กำลังตัดสินใจ เขาจึงพูดต่อ
“อมิตาพุทธ ไม่ต้องกังวล โยมมีกรรมดีเหนือกว่าผู้บ่มเพาะพลังสายธรรมะทุกคนที่ อาตมาเคยพบเห็น ด้วยกรรมดีของโยม อันตรายจากเหตุการณ์วิญญาณยากที่จะทำอะไรโยมได้”
จิวโมไป๋ไม่ได้ฟังที่เจ้าอาวาสหงหมิงพูดเลย เขากำลังทบทวนความทรงจำที่นึกขึ้นได้ ว่าเหตุการณ์วิญญาณ ที่รัฐบาลประเทศเกาะต้องการให้พวกเขาไปจัดการมันคืออะไร
มันเป็นเหตุการณ์วิญญาณ’หมู่บ้านซ่อนหา’!
—-