ตอนที่ 151 เรื่องรักๆ ใคร่ ๆ (8)
เปิดเทอมได้ไม่เท่าไร ที่นั่งยังไม่ทันร้อน มหาวิทยาลัยก็เริ่มเตรียมกิจกรรมฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อี้เป่ยซีไม่ใช่คนที่ชอบออกกำลังกาย อีกทั้งส่วนใหญ่ก็เป็นกิจกรรมกลุ่ม เธอไม่มีความสนใจในเรื่องนี้ตั้งแต่แรก บางเวลาที่เดินผ่านลานกิจกรรมแล้วเห็นพวกเขาฝึกซ้อมกัน ในใจก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เธอหวังเหลือเกินว่าเรื่องทุกอย่างจะสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง เธอจะได้ระวังกว่านี้ รอบคอบกว่านี้ ใจกว้างกว่านี้ จริงจังกว่านี้ บางทีเธอก็อาจจะมีเพื่อนดีๆ มากมายก็ได้นะ
เธอเดินต่อไปข้างหน้า หันเดินไปทางห้องสมุด
อี้เป่ยซีกำลังดื่มด่ำกับเรื่องราวในหนังสือโดยไม่รู้ว่าข้างกายมีอีกคนเพิ่มขึ้นมา คนที่อยู่ข้างๆ ยิ้มแล้วเข้าไปใกล้ ใกล้ขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งทั้งสองคนตัวติดกัน อี้เป่ยซีจึงพิงตัวไปด้านข้าง พิงอยู่บนไหล่ของเขา ลั่วจื่อหานไม่ได้พูดอะไร มองดูเธอต่อไป
เมื่ออี้เป่ยซีอ่านหนังสือจบ คนในห้องสมุดก็ออกไปจนเกือบหมดแล้ว เธอลุกขึ้นยืนเอาหนังสือไปเก็บที่ชั้นวาง ดึงมือของลั่วจื่อหานออกไป
“ก็ไม่เลวนะ”
“หา?” อี้เป่ยซีงุนงงกับคำพูดที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของลั่วจื่อหาน
จู่ๆ เขาก็เอื้อมมือดึงเธอเข้ามากอด “ต่อไปเธอก็พลิกหน้าหนังสือให้ฉันแบบนี้ดีหรือเปล่า”
“นายไม่ใช่เด็กแล้วนะ อายุเท่าไรแล้ว”
“เพราะว่าหลานสาวเด็กเกินไปแล้ว คุณอาก็เลยทำได้แค่เล่นเกมส์เด็กๆ แบบนี้ ไม่ได้เป็นเด็กสักหน่อย” เขาแนบชิดข้างหูของเธอ “แต่ไม่รู้ว่าหลานสาวจะรับได้หรือเปล่า”
อี้เป่ยซีขยับตัวในอ้อมแขนของเขา ลั่วจื่อหานเปลี่ยนท่าทางที่กอดเมื่อครู่โดยใช้มือข้างหนึ่งโอบเธอไว้ แววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองเดินออกจากมหาวิทยาลัยและมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้า
ทั้งสองคนเลือกของขวัญให้อี้เป่ยเฉินนานมาก ลั่วจื่อหานก็ลากอี้เป่ยซีไปเลือกของแบบพกพาได้สองสามอย่าง คิดที่จะให้พ่อตาแม่ยายของเขา
“นายนี่หน้าไม่อายจริงๆ พ่อตาแม่ยายอะไรกัน”
“หรือว่าไม่ใช่?”
อี้เป่ยซีมองเขางอนๆ เดินกระแทกเท้าไปข้างหน้าสองเท้าก้าว ลั่วจื่อหานเลือกอยู่ครู่หนึ่งจึงเจอของที่ถูกใจ เขาดึงมือของอี้เป่ยซี จู่ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้ง
“เป็นอะไรไป?”
“ฉันกำลังคิดว่าถ้าฉันมีลูกสาวที่น่ารักแบบนี้ ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะทำอะไร ฉันก็จะไม่มีความสุขที่เขาเอาลูกสาวของฉันไปแน่นอน”
“งั้นพวกเราก็มีลูกชายสิ แล้วเอาลูกสาวของบ้านอื่นมา”
ลั่วจื่อหานจูบปากของเธอ แววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้มสดใส “อืม มีลูกชาย”
“นาย นายตั้งใจ”
“เธอพูดเองไม่ใช่เหรอ?” ลั่วจื่อหานมองอี้เป่ยซีด้วยสีหน้าไร้เดียงสา อีกทั้งยังแบมือเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไรเลย อี้เป่ยซีหยิกไหล่ของเขา เมื่อหยิกไม่ลงก็เดินแก้มตุ้บป่องไปข้างหน้าแล้ว
ลั่วจื่อหานเดินตามไป “ลูกสาวก็ดีนะ ลูกสาวเหมือนเธอไง น่ารักมาก”
“ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว”
“โอเค ไม่พูดแล้ว”
วันงานกีฬา ตอนแรกอี้เป่ยซีคิดจะไปอ่านหนังสือต่อ หรือไม่ก็กลับไปทำความสะอาดอพาร์ทเมนต์ที่ปรับปรุงใหม่ ระหว่างทางที่ไปกินอาหารเช้า ก็เจอเยี่ยฉินที่มีท่าทางตื่นตระหนก อีกทั้งสีหน้าก็ซีดขาวเล็กน้อย
“เยี่ยฉิน เธอเป็นอะไรไป?” อี้เป่ยซีวิ่งเหยาะเข้าไปหา เธอส่ายหน้าทำหน้าเป็นปกติ น้ำเสียงก็ไร้เรี่ยวแรงมาก
“แค่ไม่สบายนิดหน่อย ไม่มีอะไร งานกีฬาวันนี้เธอจะไปเข้าร่วมไหม?”
“เธอไปไหม?”
เยี่ยฉินพยักหน้า “เดี๋ยวฉันต้องไปวิ่งผลัดด้วย”
“แต่ว่าสภาพของเธอตอนนี้…”
“ไม่เป็นอะไร จริงๆ นะ ฉันพักสักหน่อยก็หายแล้ว ทุกครั้งที่มีงานกีฬาก็มักจะมีอุบัตุเหตุเล็กๆ น้อยๆ ถ้าฉันไม่ไปก็ไม่ค่อยวางใจ”
อี้เป่ยซีครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “ฉันไปกับเธอเถอะ พอดีว่าวันนี้ก็ไม่มีอะไร ไปเป็นเพื่อนเธอได้ ตอนบ่ายจะได้ไปเชียร์เธอได้ไง”
“โอเค”
“ถ้ายังไงพวกเราไปนั่งพักตรงนั้นก่อนเถอะ”
เยี่ยฉินไม่ขยับ ยิ้ม “อาการไม่ได้แย่ขนาดนั้น ฉันยังอยากกลับไปเอาเอกสารนิดหน่อย เธอไปกินข้าวเช้าก่อนเถอะ พวกเราค่อยไปเจอกันที่สนาม”
อี้เป่ยซียังไม่ค่อยวางใจนัก ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เยี่ยฉินตบๆ หลังมือของเธอ อี้เป่ยซีจึงพยักหน้า เดินไปยังโรงอาหารและหันมามองเป็นระยะๆ เธอกินข้าวเช้าอย่างเร่งรีบ แล้วพุ่งไปยังสนามแข่ง
โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่ในคณะวรรณกรรมรู้จักเธอ แต่เธอกลับรู้จักเพียงไม่กี่คน เธอมองดูแต่ละทีมในสนาม ต้องการจะมองหาว่าเยี่ยฉินอยู่ที่ไหน ในที่สุดก็เห็นเธอที่มุมหนึ่งของโพเดียม
อากาศปลายเดือนกันยายนเย็นลงแล้ว เยี่ยฉินสวมชุดออกกำลังกายบางเบากำลังก้มคุยอะไรบางอย่างกับอาจารย์ที่อยู่ข้างๆ เรือนร่างที่ผอมบางนั้นชวนให้อี้เป่ยซีคิดว่าเยี่ยฉินจะถูกลมพัดปลิวในวินาทีต่อมาหรือเปล่า ราวกับเยี่ยฉินรู้สึกได้ เธอก็มองมาทางอี้เป่ยซี ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร แต่วินาทีต่อมารอยยิ้มกลับแข็งทื่ออยู่บนใบหน้า
เธอมองไปข้างหลังด้วยความสงสัย ‘ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา’ เยี่ยฉินโบกมืออยู่บนเวที เพื่อบอกเธอว่าไม่มีอะไร
เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นก็ราวกับว่าไม่มีคนในสนามแล้ว อี้เป่ยซีตามหลังเยี่ยฉินตลอดเวลา หิ้วกระเป๋าของเธอ เอาน้ำให้ เดินไปดูทุกการแข่งขันในสนาม เยี่ยฉินพูดเล่นกับพวกเขาอย่างสนิทสนมและคุ้นเคย มุ่งเน้นไปที่สิ่งต่างๆ ที่ควรให้ความสนใจในการแข่งขัน สายตาที่ทุกคนมองเธอล้วนมีแต่ความชื่นชอบ
“เยี่ยฉิน เธอไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ?” อี้เป่ยซีมองคนที่อยู่ตรงหน้า รีบเดินเข้าไปประคองเธอท่ามกลางลมที่พัดแรง
“ไม่เป็นไรจริงๆ เป่ยซี ฉันดื่มน้ำร้อนนิดหน่อยก็หายแล้ว” อี้เป่ยซีเม้มปากยื่นน้ำให้เธอ แล้วหลบไปด้านข้างเพื่อรับสาย
“เป่ยซี เธอไม่กลับมาเหรอ?”
อี้เป่ยซีหันไปมองเยี่ยฉินที่ยืนเกาะราวอยู่ “ไม่กลับ เยี่ยฉินไม่สบายนิดหน่อย ฉันจะกลับไปค่ำหน่อย”
“เธออยู่กับเยี่ยฉินเหรอ?”
“ใช่ ทำไมเหรอ?”
“เปล่า ฉันนึกว่า…”
“นายนึกว่าอะไร”
“อากาศเย็นแล้ว เธอใส่เสื้อเยอะๆ หน่อย อย่าทนหนาวล่ะ”
“ฉันรู้แล้ว แค่นี้ก่อนนะ บายๆ”
อี้เป่ยซีเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วเดินไปหาเยี่ยฉิน ผู้ชายคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มอบอุ่นเดินเข้ามาหาพวกเธอสองคน มีเสื้อโค้ทของผู้หญิงพาดอยู่บนแขน
“เมื่อเช้าก็บอกคุณแล้วว่าอากาศเย็นลง ทำไมยังใส่เสื้อน้อยชิ้นแบบนั้นล่ะ” พูดพลางต้องการสวมเสื้อให้เยี่ยฉินด้วยความเป็นห่วง มือของเยี่ยฉินขยับต้องการจะหยุดเขา สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรปล่อยตัวไปตามการกระทำของเขา
“ทำไมหน้าซีดแบบนั้นล่ะ?” เขายื่นมือช่วยจัดผมให้เยี่ยฉิน
“ไม่เป็นอะไร วันนี้ที่บริษัทคุณยุ่งไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมีเวลามาได้”
“งานที่บริษัทไม่สำคัญเท่าคุณหรอก ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ ตอนเที่ยงผมจะมารับคุณ”
“โอเค” เยี่ยฉินมองต่ำแล้วพยักหน้า จนกระทั่งเขาจากไปแล้ว อี้เป่ยซีจึงเข้ามาอีกรอบ ในใจมีความรู้สึกที่ตัวเองก็อธิบายไม่ถูก
“ดูเหมือนเขาก็ดีกับเธอนะ”
เยี่ยฉินยิ้มขมขื่น จู่ๆ ก็รู้สึกว่าโลกหมุนคว้าง หมดสติไปท่ามกลางเสียงอุทานของอี้เป่ยซี
————