จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 107-4 ฝ่าบาทอย่าเพิ่งกระอักเลือด ทรงอดทนไว้ก่อน!
“พี่มีธุระ ต้องเข้าวังสักครั้ง อีกเดี๋ยวจะกลับมา…”
คิดได้ดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกว่าตนรอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว หลังจากที่บอกลาอวี้เฟยเยียนแล้วก็รีบผลุนผลันออกไปทันที
“เขาเป็นอะไรไป”
หมอเทวดาฮั่วรู้สึกงงงวยเป็นการใหญ่ หรือคำพูดเขาเพียงไม่กี่ประโยคทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนตกใจจนเตลิดไป
หากเป็นเช่นนี้ ขัดขวางบุพเพสันนิวาสอวี้เฟยเยียนให้ขาดสะบั้นลง มิเท่ากับเขากระทำผิดหรือนี่
“ข้าว่า หลินเจียงอ๋องไปเชิญเสด็จฮ่องเต้ให้ทรงออกหน้า”
เหลียนจิ่นมอมยิ้มเล็กน้อย ในใจกลับกำลังขมขื่น
ซย่าโหวฉิงเทียนจะไปเชิญฝ่าบาทมาเป็นแม่สื่อ
จุดนี้ทำให้หมอเทวดาฮั่วพึงพอใจ
เขาเห็นอวี้เฟยเยียนเป็นดั่งลูกสาวตนก็ไม่ปาน ดังนั้นเรื่องนี้หลินเจียงอ๋องจะเอาเปรียบอวี้เฟยเยียนไม่ได้!
ในวังหลวง กำลังเป็นเวลาว่าราชการช่วงเช้าพอดิบพอดี ซย่าโหวจวินอวี่ออกอาการง่วงงุนเพราะเรื่องเมื่อคืนวานทำให้นอนหลับไม่สนิท แม้กระทั่งเหล่าขุนนางพูดอะไรเขายังได้ยินไม่ถนัดด้วยซ้ำไป
ในตอนนั้นเอง ชายในชุดสีม่วงก็จ้ำอ้าวเข้ามาด้วยอาการรีบร้อน
“ฝ่าบาท หลินเจียงอ๋องมาพ่ะย่ะค่ะ!”
มองเห็นสถานการณ์ตรงหน้า เซี่ยงจิ้นก็รีบมารายงานซย่าโหวจวินอวี่ให้ได้รู้ทันที
“ฉิงเทียนมาแล้วหรือ…”
ในที่สุดซย่าโหวจวินอวี่ก็ตาสว่าง เมื่อมองเห็นซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ตรงหน้า จึงรีบเอ่ยถามขึ้นทันที
“เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ”
“เสด็จพี่ ข้าต้องการแต่งงาน!”
คำพูดซย่าโหวฉิงเทียนปลุกให้ฮ่องเต้ตาสว่างเต็มที่
โอ้โห ลูกชายจอมบื้อของข้า ในที่สุดเจ้าก็คิดได้เสียที!
ยอดเยี่ยมไปเลย!
“เลิกประชุม!”
ไม่สนใจเรื่องตรงหน้าอีกต่อไป ซย่าโหวจวินอวี่โบกไม้โบกมือ แล้วลากมือซย่าโหวฉิงเทียนไปที่ห้องทรงอักษร
เหล่าขุนนางทั้งหลายทั้งบุ๋นและบู๊ต่างก็อึ้งกันไปพักใหญ่กว่าจะได้สติ
“หลินเจียงอ๋องจะแต่งงาน”
“กับใครกันเล่า!”
หลังจากเรื่องที่ว่าซย่าโหวฉิงเทียนคือจอมเทวาเปิดเผยออกไป ความนิยมชมชอบในตัวเขาบนแผ่นดินต้าโจวก็เพิ่มสูงขึ้นมากมาย
ก่อนหน้านี้เหล่าขุนนางทั้งหลายที่คิดว่านิสัยซย่าโหวฉิงเทียนโหดเ**้ยมมุทะลุดุดันนั้น ก็เริ่มคาดการณ์ ทั้งเคยมีความคิดว่าจะแนะนำบุตรสาวของตนเองให้เป็นพระชายาแห่งหลินอ๋องดีหรือไม่นะ
เพียงแต่ว่าพวกเขายังมิทันได้ลงมือ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
หรือว่าหลินเจียงอ๋องมีคู่หมายที่ถูกตาต้องใจมานานตั้งนานแล้วนะ
ในเวลานี้ซย่าโหวจวินอวี่ตื่นเต้นจนแทบระงับอาการไม่อยู่ เขาตบไหล่ของซย่าโหวฉิงเทียนอย่างแรง
คิดได้เสียที คิดได้เสียทีนะ!
ข้ารอจนผมแทบจะร่วงหมดหัวอยู่แล้ว!
“ภาพเหล่านั้นที่ข้ามอบให้เจ้า เจ้าดูแล้วหรือยัง”
“ดูแล้ว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนตอบคำถามฮ่องเต้ไปตามความจริง
“รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”
“ดีทีเดียว! เหอหม่านเฉิงมีใส่ใจยิ่งนัก สมควรให้รางวัล!”
ครานี้ทำเอาซย่าโหวจวินอวี่วางใจได้
เห็นทีว่าซย่าโหวฉิงเทียนคงจะพึงพอใจในภาพวาดชุนกงถูขุนเขาสายน้ำของเหอหม่านเฉิงมากถึงมากที่สุดทีเดียว สามารถเปลี่ยนแปลงบุตรชายได้สำเร็จภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ จะต้องให้รางวัล!
“ได้ๆ เจ้าว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น!”
ซย่าโหวจวินอวี่เรียกซย่าโหวฉิงเทียนให้มานั่งลง แล้วยื่นรายงานทางการทหารจากซีเย่ว์ใส่มือเขา
อาณาจักรซีเย่ว์ตกอยู่ในกำมือของซย่าโหวฉิงเทียนกำลังบอบช้ำอย่างหนัก ตอนนี้ต้องมาพบกับกองทัพต้าโจวอีก ผู้คนมากมายจึงยอมละทิ้งการต่อต้าน ศึกสงครามใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
“อวี้จิงเหลยอยู่ระหว่างเดินทางกลับแล้ว รอให้เขากลับมาถึงเมืองหลวง ข้าจะไปสู่ขอนางด้วยตัวเอง เจ้าว่าดีหรือไม่”
“ดี!”
ซย่าโหวฉิงเทียนพึงพอใจยิ่งนัก
แม้ในตอนนี้ยังมิอาจฝึกร่วมกับแมวน้อยได้ แต่การฝึกร่วมและการแต่งงานมิได้ขัดแย้งกันแต่อย่างใด!
หลังจากแต่งงาน ในทุกวันเขาจะได้เห็นอวี้เฟยเยียน ในทุกวันได้นอนหลับพร้อมกับนาง จึงมิต้องเป็นกังวลอีกต่อไปว่าเมื่อตอนที่ปีนกำแพงแอบเข้าจะถูกอวี้จิงเหลยพบเข้า!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็รีบกำชับอีกประโยคว่า
“ยิ่งเร็วยิ่งดี!”
ทำเอาซย่าโหวจวินอวี่ตื้นตันจนน้ำตารื้น
สิ่งที่จำเป็นต้องตระเตรียมเขาได้ตระเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว รอเพียงแค่บุตรชายเปิดใจ ประมุขตระกูลอวี้พยักหน้า รับเจ้าสาวเข้าจวนก็เพียงพอ!
เขารอเช้ารอเย็น แม้กระทั่งในความฝันซย่าโหวจวินอวี่ก็ยังฝันที่จะได้เป็นประธานจัดงานแต่งงานให้กับซย่าโหวฉิงเทียน
มาตอนนี้จู่ๆ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เอ่ยวาจาว่าอยากที่แต่งงาน ทำให้เขาดีใจยิ่งนัก!
“เอ่อ ฉิงเทียนลูก…”
ซย่าโหวจวินอวี่ตบที่หลังมือซย่าโหวฉิงเทียนเบาๆ แล้วเอ่ยกล่าวชี้แนะเขาอย่างลึกซึ้งว่า
“เรื่องบางเรื่อง ไม่จำเป็นต้องแต่งงานก็สามารถทำได้ จริงๆ นะ!”
เด็กโง่ ข้าจะไม่ให้ใครเข้าไปตรวจสอบร่องรอยเลือดแห่งความบริสุทธิ์หรอกน่า ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้แต่อย่างใด!
เมื่อต้องการแล้ว ก็วางใจ กระโจนเข้าหานางได้เลย!
เพราะอย่างไรเสียในด้านความรู้สึกก็ผูกพันถึงเพียงนี้แล้ว จะเหลือก็เพียงแค่พิธีการเท่านั้น
ใช่หรือไม่เล่า!
หากซย่าโหวจวินอวี่ยังกล่าววาจาคลุมเครือเช่นนี้ต่อไปอีกละก็ จะต้องต้อนให้ซย่าโหวฉิงเทียนให้จนมุมอย่างแน่นอน
“เสด็จพี่มีอะไรก็ทรงตรัสออกมาตรงๆ เถิด!”
“ข้าคือเสด็จพ่อของเจ้า คือเสด็จพ่อ!”
ได้ยินคำเรียกขานเช่นนั้น ซย่าโหวจวินอวี่ก็เริ่มอารมณ์คุกรุ่นขึ้นมา เมื่อวานยังเป็นพ่อลูกกันดีๆ อยู่เลย เหตุใดวันนี้ถึงกลายเป็นพี่น้องไปได้!
“คนอื่นเรียกท่านว่า ‘เสด็จพ่อ’ เยอะแล้ว เรียก ‘เสด็จพี่’ มีข้าเพียงคนเดียว”
ฮ่องเต้ถึงกับปวดพระเศียรกับคำอธิบายของซย่าโหวฉิงเทียน
หากรู้เช่นนี้ละก็ไม่ควรฆ่าพวกพี่น้องเขาไปตั้งแต่ตอนนั้น! ไม่น่าเลย! หากว่าพี่น้องพวกนั้นยังอยู่ ในวันนี้ซย่าโหวฉิงเทียนคงใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างไม่ได้!
“ฉิงเทียน เอาเป็นแบบนี้ดีหรือไม่! หากเราอยู่ตามลำพังด้วยกันสองคนไม่มีคนอื่น ข้าคือเสด็จพ่อ”
ซย่าโหวจวินอวี่เริ่มเจรจาต่อรองกับซย่าโหวฉิงเทียน
ขอเพียงแค่ซย่าโหวจวินอวี่รับปากว่าจะตระเตรียมสินสอดทองหมั้นของขวัญแต่งงานให้เร็วที่สุด ซย่าโหวฉิงเทียนจึงจะยอมพยักหน้าและถือว่ารับปากเงื่อนไขของเขา
ซึ่งเรื่องนี้ ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่แทบอยากจะร้องไห้
ที่ลูกที่ไหนกันเจรจาต่อรองกับบิดาเช่นนี้ พ่อก็ลำบากเช่นกันเจ้ารู้บ้างหรือไม่