ซย่าโหวฉิงเทียนเดินทางไปถึงยังที่นัดหมายตรงตามเวลา
หลิวอวี๋เซิงเพียงแค่เห็นหน้าก็รู้ได้ทันทีว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นก็คือซย่าโหวฉิงเทียน ชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่หล่อเหลาสง่างาม ขณะที่เดินเข้ามาราวว่ากับมีแสงเปล่งประกายออกมาจากตัวเขาอย่างไรอย่างนั้น
แม้ว่าจะรู้มาจากหลิวอ้าวกว๋อว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่เมื่อได้มาเห็นด้วยตาของตนเอง ก็ทำให้หลิวอวี๋เซิ้งตกตะลึงไม่น้อย
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงเบื้องหน้านี้ มีรัศมีแห่งการสังหารที่เข้มข้นเป็นอย่างมาก รอบกายเขาราวกับมีคำเขียนกำกับเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ‘มนุษย์อย่าเข้าใกล้’ ดวงตาคู่นั้นคมกริบเยือกเย็น คนธรรมดาไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตากับเขาด้วยซ้ำ
“ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น นับถือ นับถือ!” หลิวอวี๋เซิงเป็นฝ่ายออกหน้ายกยอปอปั้นซย่าโหวฉิงเทียนก่อน
ไหนเลยจะคาดคิดว่าซย่าโหวฉิงเทียนเพียงแค่ชายตามองมายังเขา แล้วเอ่ยเพียงสั้นๆว่า
“ไสหัวไป!” ออกมาเท่านั้น
ท่าทียโสโอหังของซย่าโหวฉิงเทียน ที่ไม่ไว้หน้าตนเองเลยแม้แต่น้อย ทำให้หลิวอวี๋เซิงโมโหโทโสเป็นอย่างมาก
ในใจของหลิวอวี๋เซิงรู้สึกราวกับว่า กำลังถูกลูกน้องที่เป็นเพียงราชาอาวุโสคนหนึ่งเรียกขานว่า
‘ไอ้เวร ไอ้อ่อน มองหาอะไร! ตอนที่ข้าฆ่าคน พวกเจ้ายังดื่มนมแม่อยู่เลย!’
เรื่องที่ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นสังหารหลิวอ้าวหลานนั้น คนสกุลหลิวรู้เรื่องหมดแล้ว
มีคนสังหารผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูล เท่ากับตบหน้าสกุลหลิว นี่เป็นสิ่งที่สกุลหลิวไม่มีวันยอมรับได้
ดังนั้น เมื่อหลิวอวี๋เซิงเอ่ยถึงแผนการว่าต้องการร่วมมือกับสกุลสุ่ยเพื่อเด็ดหัวประมุขถ้ำจื่ออวิ๋นขึ้นมา ยอดฝีมือสกุลหลิวแต่ละคนต่างก็แย่งชิงที่จะเป็นผู้ถูกเลือกเพื่อต้องการเป็นผู้ที่ได้รับชมจุดจบอันน่าอนาถของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นด้วยตาของตัวเองกันทั้งสิ้น
ดังนั้นหลิวอวี๋เซิงเดินทางมายังเมืองลู่ในครั้งนี้ ได้เลือกเฟ้นยอดฝีมือที่ดีที่สุดมาด้วย ตรงกันข้ามกลับส่งนักรบที่ฝีมืออ่อนด้อยย่ำแย่ไปยังเมืองเฮ่อแทน
สำหรับแผนการที่สกุลหลิวร่วมมือกับสกุลสุ่ย นับรบของสกุลหลิวทุกคนต่างก็รู้ดี
เมื่อเห็นซย่าโหวฉิงเทียนใกล้จะตายอยู่แล้ว ยังมีหน้ามาอวดเก่งอยู่ได้ แต่ละคนก็ไม่มีใครยอมรับในตัวเขาเลยสักคน
พูดได้ดี!
เมื่อได้ยินคำสบประมาทจากราชาอาวุโสเหล่านั้น หลิวอวี่เซิงก็ถึงกัยกนิ้วให้
นั่นะสิ!
อายุเพียงแค่ยี่สิบต้นๆ ขนยังมิทันเจริญเติบโตเต็มที่เลย กลับมาทำอวดดีที่นี่ คิดว่าอู๋โยวเป็นสนามเด็กเล่นหรืออย่างไร!
ในขณะที่ราชาอาวุโสผู้นั้นกำลังเอ่ยปากท้าทายซย่าโหวฉิงเทียนต่อไปอยู่นั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็พุ่งตัวเข้ามา
“เจ้าจะทำ…”
ราชาอาวุโสผู้นั้นยังมิทันได้เอ่ยต่อ ทุกคนก็ได้เห็นภาพที่น่าตื่นตระหนกสยองขวัญเป็นอย่างมากเข้าให้ ชายหนุ่มในชุดสีม่วงใช้สองนิ้วบีบลำคอของาชาอาวุโสแล้วหักคอเขาทั้งเป็น
เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า…
นักรบคนอื่นๆที่กำลังร่วมกันนินทาว่าร้ายซย่าโหวฉิงเทียนอย่างสนุกสนานด้วยกันอยู่นั้นเห็นภาพนี้เข้าไปถึงกับขวัญผวาไปตามๆกัน
‘ราชาอาวุโส!’
‘ผู้ที่ถูกฆ่าตายไปเมื่อครู่คือราชาอาวุโสเชียวนะ!’
‘เขากำจัดราชาอาวุโสทั้งคนง่ายดายถึงเพียงนี้?’
อีกทั้งราชาอาวุโสไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะตอบโต้ด้วยซ้ำ! ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นใช้เพียงกระบวนท่าเดียว ตรงกันข้ามราชาอาวุโสเพียงแค่ครึ่งกระบวนท่าก็ยังไม่ทันได้ออกมือด้วยซ้ำก็ตายเสียแล้ว! หากเป็นในเวลาปกตินี่เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
เรื่องราวที่เดิมทีไม่มีทางเป็นไปได้ กลับบังเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาเสียนี่
ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นหักคอราชาอาวุโส ง่ายดายราวกับเด็ดใบไม้อย่างไรอย่างนั้น เขาช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน!
หลิวอวี๋เซิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนด้วยสายตาคาดไม่ถึง แววตาของเขากำลังตื่นตระหนก
เดิมทีเขาคิดว่า ซย่าโหวฉิงเทียนไม่มีทางสำเร็จเทพอาวุโสได้จริง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่พวกชาวบ้านเหล่านั้นจินตนาการขึ้นแล้วเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาเท่าได้! ที่ไหนได้ พบหน้ากันครั้งแรง อีกฝ่ายลงมือเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ผู้คนต้องตื่นตระหนกตกใจได้มากมายถึงเพียงนี้ จึงให้หลิวอวี๋เซิงตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อยเลย
หลิวอวี๋เซิงเองก็เป็นราชาอาวุโส เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่า หากซย่าโหวฉิงเทียนต้องการจะฆ่าตนเองจะง่ายดายเพียงใด
ภายหลังจากที่ได้ประจักษ์ถึงความเ**้ยมโหดดุดันของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว ก็ทำให้หลิวอวี๋เซิงเริ่มกังวลใจ
เกิดซย่าโหวฉิงเทียนรู้ว่าสกุลหลิวและสกุลสุ่ยร่วมมือกันละก็ เขาจะยิ่งแสดงอาการบ้าคลั่งยิ่งกว่านี้หรือไม่นะ?
“ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น ท่านจะทำเกินไปแล้วนะ! พวกเราคือพันธมิตร! แล้วท่านสังหารพวกเดียวกันเองได้อย่างไร!”
จักรพรรอาวุโสคนหนึ่งรวบรวมความกล้ากล่าวขึ้น แต่ร่างกายที่สั่นเทิ้มและน้ำเสียงอันสั่นเทาของเขากำลังเปิดเผยความหวาดกลัวในจิตใจของเขาออกมา
หลังจากที่เด็ดหัวคนไปคนหนึ่งแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก้หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ค่อยเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนนิ้วมือของตนทีละนิ้ว ทีละนิ้ว สุดท้ายก็ขยำผ้าเช็ดหน้านั้นจนแหลกละเอียด
“หากเจ้ามีปัญหา ข้าสามารถส่งเจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนมันได้——”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของซย่าโหวฉิงเทียนก็ทำเอาจักรพรรดิอาวุโสผู้นั้นหวาดกลัวจนตัวสั่น ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายมิได้กำลังล้อเล่น ดังนั้นเขาจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน แล้วโค้งหัวคำนับราวร้อยแปดสิบองศาทันที
“ไม่ๆ! ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น เขาผู้นั้นสมควรตาย เขาไม่ควรพูดจาให้ร้ายท่าน เขาผิดไปแล้ว!”
“หืม? เจ้าคิดเช่นนั้นจริงหรือ?”
“ใช่…” ถูกรัศมีอำนาจของซย่าโหวฉิงเทียนกดดันเข้า ทำเอาจักรพรรอาวุโสฉี่แทบราดทีเดียว
‘แม่เจ้า!’
‘รู้อย่างนี้เขาไม่ควรที่จะมาร่วมวงด้วยตั้งแต่แรก’
‘เขาจะไปเดือดร้อนขอความยุติธรรมแทนคนตายทำไมกัน!’
“เฮอะ——”
ซย่าโหวฉิงเทียนเหลือบมองไปที่หลิวอวี๋เซิง
“ประมุขหลิว ทางที่ดีท่านควรจะปรามคนของท่านเอาไว้บ้าง ข้านั้นนิสัยไม่ดี แต่ว่าข้าก็มีงานอดิเรกที่พิเศษกว่าคนอื่นทั่วไป!”
พูดถึงตรงนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็เงียบลงไปไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ริมฝีปากสีแดงสดราวกับลูกท้อของเขาหยักยิ้มขึ้น รอยยิ้มที่โหดเ**้ยมชั่วร้ายอย่างที่สุด
“ข้าชื่นชอบการฆ่าคน และยังชื่นชอบกลิ่นคาวเลือดอีกด้วย! พวกเจ้าอย่าเพิ่งรีบตายเสียก่อนจะถึงเมืองลู่ละ มิเช่นนั้นคงจะหมดสนุกกันพอดี!”
ซย่าโหวฉิงเทียนพูดจาวกไปวนมาจนหลิวอวี๋เซิงเริ่มสับสน
‘เพราะอะไรเขาถึงรู้สึกว่าคำพูดของซย่าโหวฉิงเทียนมีความนัยแอบแฝง?’
‘หรือว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นรู้ความจริง?’
‘เป็นไปไม่ได้!’
‘เรื่องลับสุดยอดเพียงนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนรึก็ไม่ใช่เทพเซียน ไม่มีทางคาดเดาความจริงได้หรอก’
‘เขาจะต้องกำลังถูกอีกฝ่ายข่มขวัญ ดังนั้นถึงได้คิดอะไรเพ้อเจ้อ’ หลิวอวี๋เซิงปลอบใจตัวเอง
หลังจากนั้นหลิวอวี๋เซิงค่อยยิ้มฝืนๆตอบกลับซย่าโหวฉิงเทียนออกไปพร้อมทั้งรับรองว่า
“ประมุขแห่งจื่ออวิ๋น ขอท่านโปรดวางใจ มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก!”
โดนซย่าโหวฉิงเทียนใช้วิธีการเ**้ยมโหดข่มขู่ไปชุดใหญ่ แล้วยังจะมีใครกล้านินทาเขาได้อีกเล่า!
“ไม่มีก็ดี!”
มองดูชายหนุ่มในชุดสีม่วงเบื้องหน้าที่ทำสีหน้าท่าทางราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเช่นนั้รน หลิวอวี๋เซิงก็แอบกำหมัดแน่น
‘ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้นี้ต้องตายเท่านั้น!’
‘เขาไม่เห็นแก่หน้าตนเองแม้แต่น้อย กล้าสังหารราชาอาวุโสต่อหน้าต่อตาเขาได้ ช่างอวดดีเกินไปแล้ว!’
ทุกคนต่างก็รู้ว่า ยอดฝีมือที่เป็นถึงราชาอาวุโส สำหรับตระกูลๆหนึ่งถือเป็นทรัพยากรบุคคลอันทรงค่าเป็นอย่างมาก แต่ซย่าโหวฉิงเทียนกลับสังหารราชาอาวุโสของสกุลหลิวไปอย่างง่ายดาย เขากำลังท้าทายสกุลหลิว!
แม้ว่าในใจกำลังคลั่งแค้น แต่หลิวอวี๋เซิงก็รู้ดีว่า ตนเองมิไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซย่าโหวฉิงเทียน
แม้ว่าคนของเขาจะมีจำนวนมากกว่า แต่ก็ไม่แน่ว่าชายชุดม่วงตรงหน้าจะเป็นรอง หากการฆ่าคนเพียงคนเดียวกลับต้องแลกกับการสูญเสียกำลังพลของตนเองมากมายเช่นนี้ เขาไม่ใช่คนโง่นี่!
หลิวอวี๋เซิงไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วว่า ขอเพียงเขาเดินทางไปถึเงเมืองเฮ่ออย่างปลอดภัย ที่เหลือก็จะมีคนมารับมือทุกอย่างแทนตนเองแล้ว
รอให้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นและสุ่ยฮั่วอวี่ปะทะกันขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาก็จะนำกำลังสกุลหลิวหลบซ่อนอยู่อีกด้าน มองดูเสือสองตัวต่อสู้กันให้สบาย!
‘เมื่อครู่ประมุขถ้ำจื่ออวิ๋นเพียงแค่ลงมือ ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาคือเทพอาวุโส’
‘ยังหนุ่มยังแน่นก็สำเร็จถึงเทพอาวุโสเสียแล้ว เขานับเป็นคนแรก’
‘ดังนั้น ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น คนผู้นี้เก็บเอาไว้ไม่ได้!’
ต่อให้สุ่ยฮั่วอีสังหารประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นได้ คิดว่าสุ่ยฮั่วอีก็จะต้องลมปราณบอบช้ำอย่างหนักเช่นกัน ถึงตอนนั้นหลิวอวี๋เซิงก็จะได้ฉกฉวยผลประโยชน์ ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถกวาดล้างสกุลสุ่ยในคราวเดียวกันก็เป็นได้