ตอนที่ 1156
ในช่วงทานมื้อเย็น เหยาซือหยานถือโทรศัพท์วิเศษพลางค้นหาเนื้อหาที่ต้องการ
ทันใดนี้เองที่นางเผยเสียงเบาปนหัวเราะออกมา “ใครช่วยข้าได้บ้าง? ผู้คนเหล่านี้ทำอะไรน่าสนใจเสียจริง”
ลั่วฉวนนั่งทานอาหารไปอย่างเงียบงันเพื่อปิดซ่อนวีรกรรมที่ก่อเอาไว้
เขาใช้นามแฝงส่งข้อความออกไป เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีใครทราบ
“เถ้าแก่ได้ลองเข้าไปชมห้องสนทนาต้นตำรับดูหรือยัง?” เหยาซือหยานหันมองทางลั่วฉวน
“ดูแล้ว” ลั่วฉวนพยักหน้ารับโดยไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้า
“ไม่ทราบเลยว่าคนแรกเป็นใคร ตอนนี้ห้องสนทนาเต็มไปด้วยความคิดเห็นแบบเดียวกันนี้เต็มไปหมด” เหยาซือหยานเปิดแอพพลิเคชั่นอื่นพลางรับชม “เหมือนจะลุกลามไปยังแอพพลิเคชั่นอื่นด้วย”
ลั่วฉวนไม่คิดกล่าวความเห็น ในใจคิดปิดซ่อนมันเอาไว้ “ทานก่อนเถอะ”
หลังจากที่ร้านต้นตำรับปิดทำการ เจียงเฉิงจวินก็ไม่มีทีท่าจะเดินเล่นในเมืองเหมือนเช่นเคย แต่ตรงกลับคฤหาสน์ของตนเอง
“ท่านพ่ออยู่หรือไม่?” เจียงเฉิงจวินเอ่ยถามอย่างอดกลั้นขณะรับผ้าขนหนูจากหญิงรับใช้เพื่อเช็ดคราบฝนตามร่างกาย
“นายท่านอยู่ที่ห้องหนังสือ” หญิงรับใช้ตอบรับอย่างนอบน้อม
ทราบที่อยู่ เจียงเฉิงจวินส่งผ้าขนหนูคืนอีกฝ่าย ฝีเท้าก้าวเดินออกผ่านโถงทางเดินยาวมุ่งสู่ห้องหนังสือ
เขาคิดสอบถามบิดา หรือก็คือเจียงซิ่วหลันให้ทราบแน่ชัด ว่าเพราะเหตุใดจึงให้เขาไปรับการฝึกจากปู้คังเฉียง
“ก็ไม่มีอะไรมาก” เจียงซิ่วหลันวางขวดสไปรท์ลงกับโต๊ะ “พ่อก็แค่อยากสร้างภาระให้เขา”
เจียงเฉิงจวินเผยสีหน้างงงัน
“ฮ่าฮ่า พ่อล้อเล่น” เจียงซิ่วหลันหัวเราะตอบก่อนจะตบไหล่บุตรชาย “ปู้คังเฉียงแข็งแกร่งกว่าพ่อ ได้ฝึกฝนกับเขาย่อมดีกว่าฝึกฝนกับพ่อ”
“นั่นก็จริงขอรับ” เจียงเฉิงจวินพยักหน้ารับ แต่เขาก็ยังคงสงสัย “แต่เหตุใดข้ารู้สึกว่าคำของท่านพ่อเมื่อครู่ไม่คล้ายล้อเล่น?”
ปู้คังเฉียง ด้วยฐานะขุนนางใต้ ยังเป็นผู้บัญชาการกองทัพ แข็งแกร่งยิ่งกว่าเจียงซิ่วหลัน เรื่องนี้ในนครจิ่วเหยาล้วนทราบดี
“ไปได้แล้ว” เจียงซิ่วหลันโบกมือตอบยามได้ยินคำถาม “พ่อยังมีงานอื่นต้องทำ อย่าได้รบกวน อาหารเย็นน่าจะพร้อมแล้ว ลูกไปทานเถอะ”
เจียงเฉิงจวินเบะปากตอบก่อนจะออกจากห้อง เจียงซิ่วหลันตอนนี้ค่อยนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาเพื่อฝากข้อความเอาไว้
“บุตรชายข้ารู้จักข้าดีเกินไปแล้ว ใครพอจะช่วยได้บ้าง?”
หลังทานมื้อเย็น ลั่วฉวนค่อยไปเอนกายพักพิงและไม่คิดอยากเคลื่อนไหวใดอีก
เมื่อตอนช่วงบ่าย เขาไม่ได้นอนกลางวันเพราะต้องการรับชมฉู่หยางถ่ายทอดสดงานประมูล ตอนนี้จึงรู้สึกราวกับพลังงานหมด
“เถ้าแก่ก็ไม่คล้ายหมดเรี่ยวแรงนะ” เหยาซือหยานที่เก็บของกลับขึ้นไปและลงมา นางกล่าวด้วยความกังวลยามเห็นสภาพลั่วฉวน
“ไม่เป็นไร แค่ง่วงไปบ้าง” ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะหาว
เหยาซือหยานทราบเหตุผลแทบในทันที นั่นเป็นเพราะเถ้าแก่ไม่ได้นอนกลางวัน
“งั้นเถ้าแก่อาจต้องขึ้นไปนอนเร็วสักหน่อย” เหยาซือหยานออกความเห็น
ลั่วฉวนส่ายศีรษะตอบกลับ “ยังไม่รีบนอนขนาดนั้น ยังมีอะไรน่าสนใจต้องรับชมก่อน”
เหยาซือหยานครุ่นคิด “เถ้าแก่จะไปร้านกาแฟที่เซ็นน่า?”
“วันนี้ยัง” ลั่วฉวนคร้านจะสนใจเดินชมเซ็นน่าในวันนี้ นอนเอกเขนกรับชมโทรศัพท์วิเศษเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
เหยาซือหยานนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาเตรียมเขียนโครงเรื่องใหม่ของกลอรี่ เพราะจำนวนตอนที่สะสมเอาไว้ ช่วงหลายวันที่ผ่านมาจึงเกียจคร้านจนความคิดตีบตัน
“เถ้าแก่กล่าวไม่ผิด ตราบเท่าที่ยังคงเขียนงาน เช่นนั้นจะยังรักษาสภาพความพร้อมทำงานเอาไว้ได้โดยตลอด” เหยาซือหยานถอนหายใจ ถ้อยคำเต็มไปด้วยความนึกคิดย้อนกลับ
“มันเป็นเหมือนกฎของโลกที่คงอยู่ แม้ไม่รู้ตอนนี้ แต่ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องรู้” ลั่วฉวนไม่คิดต่อต้านกระแสของโลก กิน อยู่ และรอคอยความตายที่เดินทางมาถึงทีละน้อย มันคือสัจจะธรรม
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ พิจารณาจากสีหน้าของนางแล้วน่าจะพร้อมทำงานเต็มที่
เก๋อหลัว เซ็นน่า
ฟ้ามืด แสงตะวันเลือนหาย หมู่ดาวประกายบนฟากฟ้าสว่างสาดส่อง ห้วงดาราจักรฉายแสง สองดวงจันทร์สุกสว่างกำลังประชันแสงต่อกัน
แสงไฟจากถนนสว่างขึ้นเรียบร้อย มันเป็นความสว่างที่กระจายทั่วทั้งเซ็นน่า ยังมีกลิ่นหอมจากดอกไม้ฟุ้งในอากาศ สภาพตอนนี้จึงเหมาะสมกับเป็นงานเทศกาล
“เฮอร์แมน จะออกไปอีกแล้วหรือ?” โจดี้ที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์เงยหน้าขึ้น นางมองเฮอร์แมนที่สวมใส่ชุดเรียบร้อยพลางขมวดคิ้ว
“ทำไมถึงพูดว่าอีกแล้วกันล่ะ?” เฮอร์แมนยิ้มบาง “โจดี้ คุณก็น่าจะรู้…”
“ว่าเป็นงาน ใช่ไหม?” โจดี้กล่าวเสริมโดยไม่รอให้เฮอร์แมนกล่าว
“ถูกต้อง” เฮอร์แมนพยักหน้ารับพลางตรวจสอบไม้เท้าของตน “งานสืบสวนเหตุการณ์ระเบิดยังไม่เสร็จสิ้น ผมเองก็ร้อนใจ”
“ร้อนใจ? ฉันไม่คล้ายเห็นแบบนั้น จำได้ว่าช่วงกลางวันคุณไปโรงโอเปร่ากับเออร์ฮาร์ตด้วยซ้ำ” โจดี้หันสายตากลับมองหนังสือตรงหน้า “แม้คุณเป็นเจ้าของสำนักงานสร้างฝัน แต่หวังว่าจะจำหน้าที่ของคุณได้ขึ้นใจด้วย”
เฮอร์แมนไม่ค่อยชอบความจูจี้ของโจดี้เท่าไหร่ “ผมทราบแล้ว ครั้งนี้จะกลับมาให้ทันเวลา”
เดินออกพ้นประตู เขาค่อยสูดลมหายใจเข้าลึก กลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ที่ประดับในงานเทศกาลไนการ่า รวมเข้ากับแสงไฟระยิบระยับตามท้องถนน มันได้ขับไล่ความมืดยามค่ำคืนจนสิ้น
หลังเดินมาระยะหนึ่ง เขาค่อยโบกรถโดยสารเวทมนตร์ หลังบอกสถานที่ ภาพผ่านหน้าต่างของรถเวทมนตร์ค่อยเคลื่อนตัวไป
เฮอร์แมนมองออกไปนอกหน้าต่าง ความทรงจำเมื่อคืนนี้ที่ร้านกาแฟอดไม่ได้ที่จะย้อนกลับขึ้นมา แสงอันอบอุ่น เถ้าแก่ที่ยังหนุ่ม…
ทุกสิ่งอย่างในร้านคล้ายถูกหมอกบังเอาไว้ หลังเฮอร์แมนกลับไป เขายังตรวจสอบตำราทั้งหลาย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ความ
สำหรับนักสืบ เรื่องราวลึกลับถือเป็นสิ่งกระตุ้นให้ยิ่งอยากค้นหาความลับที่ซุกซ่อนเอาไว้ ต่อให้ทราบว่าอาจต้องเผชิญกับอันตราย พวกเขาก็คิดอยากได้ลองจนถึงที่สุด
เฮอร์แมนทราบว่าตนเองกำลังเดินสู่ความอันตราย แต่เขาไม่คิดเปลี่ยนใจ ความสงสัยเป็นตัวขับเคลื่อนให้เขา
บางทีโรนาผู้นั้นก็เช่นกัน หากไม่ใช่เพราะเขาได้ไปพบร้านแห่งนั้นเข้า…
“ถึงแล้วครับ” เสียงของคนขับช่วยดึงสติเฮอร์แมนกลับคืนความจริง หลังจ่ายค่าโดยสาร เขาค่อยลงจากรถ
ร่างอันคุ้นเคยปรากฏไม่ไกล ดวงตาเขาเผยประกายก่อนจะเร่งรีบตามไป
“ท่านชายโรนา บังเอิญเสียจริง พวกเราพบกันอีกแล้ว” เฮอร์แมนเผยยิ้มกล่าวคำทักทาย
โรนายังคงสวมใส่ชุดยาวสีดำ หมวกทรงสูง และผ้าคลุมพลิ้วไหวกับสายลมจนเกิดเสียงสะพัดไปมาขณะเดินเช่นเคย
ตระหนักพบเห็นเฮอร์แมนที่ตามมา เขาเพียงพยักหน้าตอบรับ
แม้เฮอร์แมนเพียงกล่าวว่ามาหาข่าวคราว แต่โรนาก็ยังคงตั้งระวังอยู่ อย่างไรแล้วสถานะของทั้งสองฝ่ายตอนนี้ก็ไม่ใช่มิตรต่อกัน
หลังเดินผ่านถนนหลายสาย สภาพรอบด้านแปรเปลี่ยนเป็นเงียบเหงา ราวกับเวลาอันยาวนานได้ผันผ่านไป
แสงไฟจากถนนที่ใช้งานมานานค่อนข้างสลัวลง บ้างก็วูบวาบพลางส่องลงที่ถนน
แสงไฟส่องทางบางส่วนของถนนสายนี้ยังขาดหาย เป็นผลให้พื้นที่บางส่วนโดนความมืดยามค่ำคืนเข้าปกคลุม