บุริศร์กำลังใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน ทันใดนั้นคอมพิวเตอร์จอดำ จู่ๆ ก็ไม่ทำงาน
จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา
“ประธานบุริศร์ คอมพิวเตอร์ทั้งหมดของบริษัทเป็นอัมพาตแล้ว”
เลขาสีหน้าซีดเผือด
บุริศร์เป็นคนทำไฟร์วอลล์บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดเอง ปกติแล้วไม่มีใครโจมตีได้ มีแต่ตอนที่กานต์เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกโจมตีเข้ามา ก็เป็นบุริศร์ที่แก้ไขเอง
ตอนนี้อินเทอร์เน็ตทั้งบริษัทเป็นอัมพาต เลขาหวังว่าบุริศร์จะรีบแก้ไขโดยเร็ว
บุริศร์สีหน้าบอกบุญไม่รับ
“บริษัทเลี้ยงพวกดูแลอินเทอร์เน็ตเสียข้าวสุกหรือไง ทุกเรื่องก็ต้องมาหาผมหรือไง สั่งพวกเขาแก้ไขไม่ได้ก็ไสหัวไปซะ! บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดไม่เลี้ยงคนใช้ไม่ได้”
บุริศร์สีหน้าแย่ เสียงเย็นเหมือนน้ำแข็ง ถึงกับมีความโมโหอยู่ในน้ำเสียง
เลขาตกใจจนตัวสั่น รีบวิ่งออกไป
กานต์กอดอกมองหน้าจอคอมพิวเตอร์
กล้ารังแกหม่ามี้หรือ
คิดว่าหม่ามี้ของเขารังแกกันได้ง่ายๆ หรือ
กานต์คำนวณเวลา บุริศร์มีฝีมือเหนือกว่าตัวเองมาก เขามีเวลาโจมตีไม่นาน แต่ช่วงนี้อยู่ในค่ายทหาร เขาเรียนรู้เทคนิคของแฮคเกอร์ไม่น้อย ตอนนี้ลองดูบุริศร์มีเวลานานแค่ไหนที่จะจัดการกับไวรัสที่เขาเพิ่งปล่อยเข้าไป
เวลาผ่านไปแต่ละนาที
เลขาวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของบุริศร์อีกครั้ง น้ำเสียงสั่นเครือ “ประธานบุริศร์ แผนกไอทีแจ้งว่าพวกเขาทำไม่ได้ขอลาออกทุกคน ไวรัสครั้งนี้แก้ไขไม่ได้จริงๆ”
บุริศร์ขมวดคิ้ว
“ให้พวกเขาพยายามต่อ แก้ไขได้ผมจะให้โบนัส”
บุริศร์โบกมืออย่างรำคาญ เลขาก็ออกไป แต่ในใจรู้สึกสงสัย ขนาดนี้แล้ว ทำไมประธานบุริศร์ถึงไม่ลงมือเอง
กานต์เห็นไวรัสไม่ถูกโจมตีสักที เวลาผ่านไปเกือบห้านาทีแล้ว ขืนปล่อยไว้อีกสองสามนาที ข้อมูลสำคัญพวกนั้นจะหายไปจริงๆ แล้ว
หรือว่าบุริศร์ไม่อยู่ที่บริษัท
กานต์ขมวดคิ้วนิดๆ รีบเข้าเว็บไซต์ค้นหา
อีกฝ่ายยังคงจัดการกับไวรัส แต่ร่องรอยไม่ใช่ของบุริศร์ เขาลองตรวจดู พบว่าคอมพิวเตอร์ห้องทำงานของบุริศร์เปิดอยู่ เห็นชัดว่าเขากำลังใช้งาน หมายความว่าบุริศร์อยู่ที่บริษัท
แต่ทำไมบุริศร์ไม่กำจัดไวรัสนะ
เขาไม่มีทางไม่รู้ถ้าไม่รีบจัดการบริษัทจะเผชิญกับสถานการณ์อย่างไร
กานต์ครุ่นคิดในหัว
แผนกไอทียังคงพยายามต่อไป แต่ยังคงไม่สำเร็จ ไม่กล้าไปขอให้บุริศร์ช่วย ร้อนใจเหมือนมดในกระทะร้อน
กานต์ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ในเวลาช่วงสุดท้ายกำจัดไวรัสอย่างรวดเร็ว
แผนกไอทีเห็นไวรัสจู่ๆ ก็หายไป ข้อมูลทั้งหมดก็กลับมาปกติ ถอนหายใจโล่งอก แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องดี
“ให้ทุกคนตรวจดูเร็วข้อมูลหายไปบ้างมั้ย”
คนของแผนกไอทีรีบให้ทุกคนตรวจสอบ
บุริศร์เห็นคอมพิวเตอร์ตรงหน้ากลับมาปกติ คิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายออก
เขาโทรไปหาแผนกเลขา
“บอกแผนกไอทีหน่อย พวกเขาทำดีมาก ครั้งนี้แก้ไขไวรัสได้ สิ้นเดือนผมจะให้โบนัสหนึ่งพัน”
แผนกไอทีได้ยินเช่นนี้ ต่างมองหน้ากัน
บุริศร์เป็นยอดฝีมือด้านคอมพิวเตอร์ ทำไมดูไม่ออกว่าพวกเขาไม่ได้กำจัดไวรัสสำเร็จสักหน่อย
กานต์เจาะเข้าไปในระบบภายใน ได้ยินที่บุริศร์โทรไปแจ้งแผนกเลขา หรี่ตาขึ้นมาทันที
มือเล็กๆ ประคองหัว แววตาครุ่นคิด
ธรรศเห็นนรมนอารมณ์ไม่ดี ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร ลองถามกมลดู กมลงอน “แด๊ดดี้ทะเลาะกับหม่ามี้ค่ะ หม่ามี้คงจะโกรธ”
“ทะเลาะงั้นหรือ ทำไมล่ะ”
ธรรศแปลกใจ
“ไม่รู้สิคะ แด๊ดดี้อยู่ๆ ก็ดุขึ้นมา หนูตกใจหมด”
กมลยิ่งพูดยิ่งน้อยใจ ตาโตๆ คู่นั้นกะพริบ ทำให้รู้สึกน่าสงสารเหลือเกิน
ธรรศขมวดคิ้ว กิจจารีบพูด “อาจเป็นเพราะเรื่องบางอย่าง ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณอาสาม ผมเชื่อแด๊ดดี้เดี๋ยวก็หายโกรธ เขารักหม่ามี้มาก ไม่มีทางทำให้หม่ามี้โกรธจริงๆ หรอก”
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นละกัน”
ธรรศไม่พอใจ สายตาอดไม่ได้มองไปทางนรมน เห็นเธอเหม่อลอย ก็รู้สึกสงสาร
“ไม่ได้ เดี๋ยวอาต้องจัดการบุริศร์ซะหน่อย ทำเกินไปแล้ว นรมนลำบากเพื่อเขาขนาดไหน ทำไมยังรังแกได้ คิดว่าบ้านเราไม่มีคนหรือไง”
ธรณีพูดเบาๆ “นายใจเย็นก่อนเถอะ ตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องอะไรเป็นอะไร นายก็รู้ดีนรมนรู้สึกยังไงกับบุริศร์ เกิดทีแรกเรื่องไม่มีอะไร นายเข้าไปยุ่ง เข้าใจผิดไปกันใหญ่ นายก็จะกลายเป็นคนผิดไปด้วย”
“ฉันเป็นห่วงหลานสาวก็ผิดเหรอไง”
ธรรศโมโห
“ไม่ได้บอกว่าผิด แต่สามีภรรยาทะเลาะกัน เดี๋ยวก็ดีกัน นายอย่าเข้าไปยุ่งเลย”
คำพูดนี้ทำให้ธรรศเงียบไป
“แล้วต้องทนเห็นนรมนเสียใจแบบนี้หรือ”
“นายไปทำอะไรอร่อยๆ กินเถอะ ไม่แน่กินสักมื้ออะไรๆ จะดีขึ้น
ธรณีออกความเห็น
ธรรศจึงยอมทำตาม
นรมนไม่รู้ว่าสองพี่น้องตระกูลทวีทรัพย์ธาดาถกเถียงกันเพราะเธอ ตัวเองยังมัวแต่คิดจะทำอย่างไรดีถึงจะทำให้บุริศร์อารมณ์ดีขึ้นหน่อย ทะเลาะกับเขาครั้งแรกในชีวิต ใจรู้สึกเจ็บแปลบๆ
กานต์เดินออกมาจากห้องหนังสือ มองนรมน กระซิบกับเธอ “หม่ามี้ ผมอยากคุยกับหม่ามี้หน่อย”
“อึม ว่าไงจ๊ะ”
นรมนราวกับเพิ่งได้สติ เห็นท่าทางกานต์อยากจะพูดแต่ก็ชะงักไว้ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
กานต์มองนรมน พูดเบาๆ “ผมรู้สึกว่าคุณบุริศร์แปลกๆ ไปครับ”
“เป็นอะไรไป เพราะเขาทะเลาะกับหม่ามี้ ก็เลยแปลกๆ หรือ ลูกอย่าพูดอย่างนี้เลย กานต์ หม่ามี้รู้ว่าลูกปกป้องหม่ามี้ ให้เวลาหน่อย แด๊ดดี้กับหม่ามี้จะดีกัน ลูกไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ”
นรมนคิดว่ากานต์ยังสับสนเพราะเธอทะเลาะกับบุริศร์ รีบพูดให้เขาคลายกังวล
กานต์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่เรื่องที่ทะเลาะกัน หรือว่าหม่ามี้ไม่รู้สึกเหรอคุณบุริศร์จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เมื่อไม่ก่อนไม่ว่าเขาจะโกรธแค่ไหนก็ไม่มีทางทะเลาะกับหม่ามี้ ยิ่งไม่มีทางไม่สนใจสุขภาพของหม่ามี้ เมื่อกี้ผมเพิ่งใช้คอมพิวเตอร์ แฮคข้อมูลบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัด หม่ามี้รู้มั้ย คุณบุริศร์อยู่ที่บริษัท แต่กลับไม่สนใจการโจมตีเลยสักนิด นั่งดูข้อมูลบริษัทเกือบจะหายไปก็ไม่ลงมือทำอะไร ปล่อยให้แผนกไอทีแก้ไข ไม่ว่ายังไง คุณบุริศร์ไม่มีทางไม่สนใจไฟร์วอลล์ของบริษัทใช่มั้ยครับ”
นรมนได้ฟังกานต์บอกว่าแฮคระบบบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดก็อยากจะอบรมเขา แต่เมื่อได้ยินกานต์พูดต่อจากนั้น อดไม่ได้ที่จะอึ้งไป
“ลูกบอกว่าเขาไม่สนใจเลยหรือ”
“ครับ ผมรอตั้งเกือบสิบนาที ตอนที่ข้อมูลใกล้สูญหายก็รีบกำจัดไวรัส ไวรัสที่ผมปล่อยเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับคุณบุริศร์ แต่เขาไม่ควรจะมีทัศนคติแบบนี้ หรือว่าบริษัทเกิดอะไรขึ้น จะล้มละลายหรือครับ ถึงได้ไม่แยแสเลยสักนิด”
ได้ยินกานต์คาดเดาอย่างนี้ นรมนตีหัวเขาแรงๆ
“ลูกพูดบ้าอะไรกัน บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดจะล้มละลายได้ยังไง”
“ผมถึงได้บอกว่ามันแปลกๆ ไงล่ะ”
กานต์ลูบหัวตัวเองพูดน้ำเสียงเซ็ง
นรมนตกอยู่ในภวังค์
ครุ่นคิดให้ดี บุริศร์เหมือนจะไม่สนใจเรื่องสุขภาพเธอจริงๆ แต่คนนั้นก็คือบุริศร์แน่นอน
เดี๋ยวก่อน!
นรมนทันใดนั้นคิดถึงคำพูดของคมทิพย์ เธอเล่าว่าเห็นกับตาบุริศร์พาพรรคพวกมาทำร้ายตระกูลเจริญไชย ทำให้ แม่คมทิพย์ตาย แต่ตอนนั้นนรมนคิดว่าบุริศร์อยู่กับตัวเอง ไม่น่าจะทำเรื่องอย่างนี้
ตอนนี้กานต์ยังบอกบุริศร์ทำตัวแปลกๆ อีก เธอคิดๆ ดูแล้ว แม้ว่าบุริศร์จะหน้าตาเหมือนเดิม แต่สายตาคู่นั้นที่มองเธอไม่มีความรักหลงเหลือเลย
ถ้าจะพูดว่าเขาโกรธเรื่องที่คมทิพย์วางแผนก็จริง แต่ความรู้สึกตลอดแปดปีนี้จู่ๆ ก็หายไป นรมนรู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้
ความคิดไร้สาระแวบเข้ามาในหัวของเธอ จนตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ
“หม่ามี้ เป็นอะไรไปครับ”
กานต์เห็นสีหน้านรมนไม่ค่อยดี รีบถามเธอ
“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่คิดอะไรนิดหน่อย เดี๋ยวหม่ามี้ไปบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัด ลูกกับพี่น้องรออยู่ที่นี่ก่อนนะ”
นรมนพูดพลางลุกขึ้น แต่ถูกกานต์ดึงชายเสื้อไว้
“ผมไปด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ หม่ามี้ไม่เป็นอะไรหรอก”
“ให้ผมไปด้วยนะครับ”
กานต์ดึงดันจะไปให้ได้ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่
นรมนไม่มีทางเลือกอื่น จึงรับปากให้เขาไปด้วย
สองคนบอกกับธรรศจะออกไปข้างนอก ซื้อของนิดหน่อย ธรรศคิดว่านรมนอารมณ์ไม่ค่อยดี ออกไปข้างนอกเดินเล่นหน่อยก็น่าจะดี เขาจึงตอบตกตกลง และยังกำชับให้กานต์ดูแลนรมนให้ดี
กานต์พยักหน้า
นรมนพากานต์ออกจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ขับรถตรงไปที่บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัด
ทุกคนเห็นนรมนกับกานต์มาที่บริษัท ก็ให้ความเคารพ เลขารีบไปเรียนให้บุริศร์ทราบทันที
บุริศร์ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้ห้าม
ตอนที่นรมนกับกานต์มาถึงห้องทำงาน บุริศร์กำลังทำงาน เห็นพวกเขาเข้ามาก็พูดขึ้นโดยไม่เงยหน้ามอง “ผมบอกแล้วไง ผมกินมื้อกลางวันเอง พวกคุณไม่ต้องเอาอาหารมาให้”
นรมนกับกานต์อึ้งอีกครั้ง หันมาสบตากัน
บุริศร์ไม่เคยให้นรมนกับกานต์ทำอาหาร ยิ่งไม่เคยพูดให้นรมนมาส่งอาหาร แต่ตอนนี้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจู่ๆ ก็พูดเรื่องนรมนส่งอาหารให้เขา ยิ่งทำให้นรมนกับกานต์สงสัยมากขึ้น
นรมนพูดโดยไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ “วันนี้ฉันไม่ค่อยสบาย ไม่ได้ทำกับข้าว พอดีผ่านร้านขายขนม เห็นมีเครปมะม่วงน่ากิน เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ เดี๋ยวฉันให้พวกเขาเอามาให้ คุณกินหน่อยสิคะ ตอนเช้าคุณก็ไม่ได้กินอะไรเลย”
“ก็ดี ที่บริษัทยุ่งๆ ผมไม่ออกไปกินข้าวแล้ว เดี๋ยวกินนิดหน่อยก็ได้”
บุริศร์ยังคงไม่เงยหน้า แต่นรมนกับกานต์หน้าถอดสี
ก็ดีอย่างนั้นหรือ
บุริศร์ไม่แพ้มะม่วงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
หรือจะพูดว่าผู้ชายคนนี้แม้แต่ตัวเองแพ้อะไรก็จำไม่ได้งั้นหรือ
นรมนกับกานต์แววตาเคร่งขรึม นรมนถามเสียงเย็น
“คุณไม่ใช่บุริศร์! คุณคือใคร”