หลังจากกิจจากลับมาที่ห้องนอน คุกเข่าลงบนพื้นดังตึ้ง เหงื่อบนหน้าผากหยดลงมา
เป็นแบบนี้ได้ยังไง?
เขาวิ่งไปที่ตู้หนังสือหยิบหนังสือโบราณที่ได้มาจากหมู่บ้านดารายนทันที พลิกค้นหาทีละหน้า กลัวจะพลาดอะไรไป น่าเสียดายอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ไม่เห็นวิธีการแก้ไขใดสามารถแก้อาการของบุริศร์ได้
เห็นได้ชัดว่าบุริศร์โดนวางยาพิษ!
แต่ยาพิษนั้นกลับไม่ได้วางในเวลาอันสั้น แต่สะสมมาหลายปี
เป็นไปได้อย่างไร?
แด๊ดดี้สุขภาพดีมากมาตลอด โดยเฉพาะถึงแม้จะถูกวางยา ถึงแม้จะเป็นยาพิษเรื้อรังก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ถูกพบ
หลายปีที่ผ่านมา ข้างกายบุริศร์มีป้อง ไม่มีทางไม่พบว่าเขาถูกพิษอย่างแน่นอน แต่ทำไมถึงไม่พบมัน?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสักครู่เขาจับชีพจร ในใจหวาดกลัวอย่างสยดสยอง
เกรงว่าพิษเข้าไปถึงอวัยวะภายในแล้ว
จะพูดกับหม่ามี้อย่างไร?
จะกล้าพูดกับเธอได้อย่างไร?
ตอนนี้แด๊ดดี้ถูกพิษอะไรก็ไม่รู้ เขาควรทำอย่างไร?
กิจจาคนตัวเล็กไม่มีวิธีใดเลย
แต่ก่อนเจอเรื่องแบบนี้ เขาจะโทรหามิลินเป็นอันดับแรก แต่ตอนนี้เขาทำได้ไหม?
ตอนนี้ไม่แน่ชัดว่ามิลินเป็นมิตรหรือศัตรู หากใช้โอกาสนี้ทำร้ายตระกูลโตเล็ก ทำร้ายแด๊ดดี้ ทำร้ายหม่ามี้จะทำอย่างไร?
กิจจาสับสน
ทางฝั่งของนรมนไม่ใช่ว่าจะไม่สังเกตเห็นอะไร
ใบหน้าบุริศร์เป็นสีหน้าม่วงอย่างไร้ชีวิต ถ้าบอกว่าเป็นอาการเจ็บเส้นประสาทธรรมดาไม่ใช่แน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกายของเขาเย็นสุดๆ ถึงแม้ในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศสามสิบองศา ถึงแม้ตนเองจะเหงื่อแตก แต่บุริศร์ยังคงมีน้ำค้างแข็งที่ริมฝีปากในระหว่างที่หายใจเหมือนเดิม
ใช่แล้ว
น้ำค้างแข็ง
เหมือนกับลมหายใจสีขาวของคนที่จู่ๆ ออกไปข้างนอกในฤดูหนาว
ถึงแม้เธอจะไม่ได้เรียนมา ในเวลานี้ก็รู้ว่าผิดปกติ
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้บุริศร์เหมือนถูกฝันร้ายเล่นงาน คิ้วขมวดแน่น ประหนึ่งกำลังแบกรับความเจ็บปวดมหาศาล กลับดิ้นไม่หลุด
“บุริศร์ บุริศร์คุณได้ยินไหม? ฉันเองนรมน คุณตื่นสิ”
นรมนตะโกนอย่างร้อนใจ แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงเหมือนถูกมัดไว้อีกโลกหนึ่ง ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดจากการผูกมัด
เหมือนกับบุริศร์จะได้ยินเสียงนรมน เขาอยากลืมตา อยากจะออกจากฝันร้าย แต่ไม่สามารถทำได้
ตรงหน้าเขามีแต่ซากศพอยู่ทุกที เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ศพแต่ละกองตรงหน้าเขาปรากฏเป็นฉากโหดเหี้ยมที่สุด
วินาทีนี้เขาถึงตระหนักได้ชัดเจนว่าถูกลอบสังหาร การเข่นฆ่าอย่างทารุณนี้ถึงแม้เขาจะอยู่ในภวังค์แห่งความตายก็สัมผัสถึงความหวาดกลัวและเจ็บปวด
ในอากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือด กลิ่นเหม็นมาก
ทันใดนั้นมีเสียงคำสั่ง ไม่รู้ว่าใครสั่งให้จุดไฟ ในชั่วข้ามคืน ศพเหล่านั้นถูกเผาเรียบ
กลิ่นเหม็นเต็มโพรงจมูก
เขาคิดจะทำอะไร กลับทำไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงมองศพเหล่านั้นกลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นลมพัดมา ผงสีขาวปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้า เหมือนกับวิญญาณที่ผูกอาฆาตต่างคำรามข้างหู สะอื้นไห้ ทำให้คนหวาดกลัว
เพลิงขนาดใหญ่เผาผลาญสามวันสามคืน สุดท้ายถูกทำลายจนเกลี้ยง
มีคนปลูกดอกไม้และต้นไม้บนเถ้ากระดูก
เวลาเหมือนกระสวยทอผ้า ผ่านไปหลายปี ดอกไม้และต้นไม้ตรงนี้เจริญงอกงาม สีแดงสีเขียวสดใส กลับเห็นได้ชัดว่าด้านล่างเป็นกองซากกระดูก
บุริศร์หายใจไม่ออกอย่างทรมาน
คนด้านในเหล่านั้นที่ถูกฆ่า ดูเหมือนเป็นสายเลือดเดียวกับเขา ความเศร้าสุดขีดทำให้เขารับไม่ไหว อ้วกออกมาเป็นเลือดทันที แทบจะเป็นลมไป ก็ได้ยินเสียงคนถอนหายใจเบาๆ : “เกลียดเหรอ?โกรธเหรอ?นี่ควรจะเป็นวงศ์ตระกูลของแก ถูกคนฆ่าซะเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่หญ้าสักเส้นเดียว แกมีชีวิตที่ดีอย่างไม่แยแสแบบนี้ได้ยังไง?ทำได้ยังไง?หรือแกลืมไป?ว่าแกมีสายเลือดของคนตระกูลดารายน แกลืมแล้วจริงเหรอ?ลืมไปแล้วเหรอ?”
เสียงไถ่ถามนั้นเหมือนคำสาปแช่งรบกวนใจเขา ทำให้เขาดิ้นไม่หลุด เหมือนเงาตามตัว
นรมนมองเห็นร่างของบุริศร์กระตุกอย่างรุนแรง เมื่อกำลังคิดจะพูดอะไรเพื่อดึงเขาออกมาจากฝันร้าย ก็เห็นหางตาของเขามีน้ำตาไหลออกมา ทำเอานรมนตื่นตระหนกทันที
บุริศร์เป็นคนอย่างไร?
สติปัญญาของเขา ความแข็งแกร่งของเขาทำให้เขาน้ำตาไหลน้อยมาก
ตอนนี้ไม่รู้ว่าขณะที่ไม่ได้สติต้องเจอกับอะไร คิดไม่ถึงว่าจะร้องไห้?
ตอนนี้นรมนตกใจกลัวจริงๆ มองบุริศร์อย่างใจลอย ในขณะนี้ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ทางฝั่งกิจจายังคงลังเล สับสน ควรจะโทรหามิลินดีไหม?
มิลินเป็นผู้ชำนาญด้านการใช้ยาพิษ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นคนของหมู่บ้านดารายน การศึกษาหนังสือโบราณเล่มนี้เกรงว่าจะสูงกว่าเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างเขา แต่สามารถฝากชีวิตของบุริศร์ไว้ในมือของมิลินได้ไหม?
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มิลินไม่ได้มาเมืองชลธีเพราะเขา งั้นเพราะอะไร?
กิจจาไม่รู้แน่ชัด กลับคิดไม่ออกมาตลอด
เขาเอื้อมมือหยิบยารักษาอาการเจ็บเส้นประสาทของบุริศร์ จากนั้นไปในห้องนรมน
เมื่อนรมนเห็นกิจจากลับมา สีหน้าเคร่งขรึม กดดันขึ้นหลายเท่า
“กิจจา ลูก……”
“หม่ามี้ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย แต่หม่ามี้อย่าตื่นตกใจได้ไหมครับ?”
กิจจาปิดประตูทันที เห็นแววตาของนรมนเคร่งขรึมมากขึ้น
ถึงแม้ในใจจะมีการคาดเดา หัวใจของนรมนยังคงเต้นแรง
“ลูกพูดมาเถอะ”
กิจจาลังเลสักพัก ถึงจะพูดออกมา
“แด๊ดดี้ไม่ได้มีอาการเจ็บเส้นประสาทที่ไม่ซับซ้อนแบบนั้น แต่เหมือนถูกวางยาพิษ”
สิ้นคำ นรมนสีหน้าเปลี่ยนทันที
“ถูกวางยาพิษ? เป็นไปได้ยังไง? ร่างกายของเขามีอาการเจ็บเส้นประสาทไม่สามารถถูกวางยาพิษได้!”
“นี่เป็นจุดที่ผมไม่เข้าใจ ตามหลักแล้วแด๊ดดี้กับอาป้องอยู่ด้วยกันตลอด ถ้าร่างกายของแด็ดดี้ไม่ดี อาป้องควรจะรู้ก่อน แต่อาป้องกลับไม่รู้”
คำพูดของกิจจาทำให้นรมนนิ่งไปสักพัก
“ลูกสงสัยป้อง?”
“เปล่าครับ อาป้องกับแด๊ดดี้สนิทกันเหมือนพี่น้อง ไม่มีทางเพิกเฉยต่ออาการป่วยของแด๊ดดี้แน่นอน ดังนั้นผมจึงสงสัย แด๊ดดี้ถูกวางยาได้ไง?และยาพิษนี้ดูไม่เหมือนกับเพิ่งถูกวาง หม่ามี้ ผมเรียนหมอมาไม่นาน กลัวว่าจะมองไม่ชัดเจน ผมคิดว่าให้อาป้องมาดูดีไหมครับ?”
คำพูดของกิจจาทำให้นรมนใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง
“ลูกมีอะไรก็พูดออกมา พวกเราคือครอบครัว ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าป้องมองออกตั้งแต่แรก คงจะไม่ปล่อยให้บุริศร์กลายเป็นแบบนี้หรอก”
นรมนมองกิจจา สีหน้าเรียบเฉย แต่กิจจารู้ หม่ามี้ฟังความหมายของเขาออก
กิจจาสูดลมหายใจลึกถามว่า: “ช่วงนี้หม่ามี้กับแด๊ดดี้ตามหาคุณครูของผมใช่ไหมครับ?”
คำถามนี้ดังขึ้นมา นรมนกลับแปลกใจ
ใช่
มีบางครั้ง เธอรู้ว่าไม่สามารถเห็นกิจจากับตัวแสบอีกสองคนในบ้านเป็นเด็กน้อยได้
แต่ก่อนเรณุกาบอกว่ากิจจาเหมือนกับตรินท์ ไอคิวอีคิวไม่เท่าบุริศร์ เป็นคนธรรมดา แต่ตอนนี้มองท่าทางของกิจจา นรมนกลับสงสัย
ตรินท์เป็นคนธรรมดาจริงๆ เหรอ?
เป็นลูกของตระกูลโตเล็กเหมือนกัน ยีนเดียวกันจะมีไอคิว210ได้อย่างไร ไอคิวธรรมดาเหรอ?
เกรงว่าตรินท์จะตั้งใจเก็บมันเอาไว้
เพื่อปกป้องตัวเอง หรือเพราะอย่างอื่น ตอนนี้นรมนไม่มีทางพิจารณาได้ แต่เรื่องไอคิวของกิจจา นรมนมั่นใจอย่างยิ่ง
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
ราวกับกิจจาไม่คิดว่านรมนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ อดชะงักงันไม่ได้ จากนั้นจึงถามอย่างสับสน: “ผมสามารถถามได้ไหมว่าคุณครูของผมทำเรื่องอะไรให้แด็ดดี้กับหม่ามี้สนใจแบบนี้?”
“หล่อนเป็นคนประเทศ F ได้รับคำสั่งให้มาฆ่านงลักษณ์คุณป้าของหม่ามี้”
นรมนก็ไม่ปิดบัง
เดิมทีไม่บอกกิจจา ไม่หวังให้เด็กคนนี้แบกรับเยอะเกินไป แต่ตั้งแต่ที่กิจจาเอ่ยปากถาม นรมนก็รู้ว่า กิจจารู้มาบางเรื่อง
แทนที่จะรอให้คนอื่นใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ยุยงความสัมพันธ์ของกิจจาและคนในบ้าน ไม่สู้เล่าเรื่องราวทั้งหมด ให้กิจจาเข้าใจความสัมพันธ์ ให้กิจจามีทางเลือกและประสบการณ์
เดิมคิดว่าต้องปกป้องเขาให้เติบโตอย่างไร้กังวล แต่บึงน้ำของตระกูลโตเล็กลึกเกินไป มืดมนเกินไป อยากรักษาให้เด็กเติบโตอย่างไร้เดียงสา ดูเหมือนจะเป็นความหวังเลื่อนลอย
ก้นบึ้งในหัวใจของนรมนมีความจนปัญญาและความเจ็บปวด
กิจจาไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้ อึ้งไปอีกครั้ง
คุณครูจะฆ่าคุณป้าของหม่ามี้?
เขารู้ความสัมพันธ์ของนงลักษณ์กับนรมน ถึงแม้ปกติเห็นนรมนไม่สนใจ แต่กิจจารู้ สิ่งที่นรมนให้ความสำคัญที่สุดคือครอบครัว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณครูยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเราจริง
งั้นความคิดที่จะให้มิลินมารักษาแด๊ดดี้คงเป็นไปไม่ได้แน่น่อน
กิจจาเสียใจ และทรมาน
ถ้ามิลินมาไม่ได้ บนโลกนี้ยังจะมีใครรักษาแด๊ดดี้ได้อีก?
ความร้ายแรงของพิษนี่รวดเร็วและรุนแรงเกินไป กลัวรอได้ไม่นาน
ความกระวนกระวายของกิจจาอยู่ในสายตาของนรมน และนึกถึงที่เขาถามเรื่องมิลิน นรมนสามารถเดาบางอย่างได้
“ลูกอยากให้มิลินมารักษาแด๊ดดี้ใช่ไหม?”
ถึงแม้จะเป็นข้อสงสัย แต่น้ำเสียงมีความมั่นใจ
กิจจาฟังไม่ออกว่าในคำถามของนรมนมีการตำหนิหรือมีการซักถามมากกว่ากัน จึงกระสับกระส่ายและลุกลี้ลุกลนทันที
“หม่ามี้ ผมเปล่านะ ผม……”
ใบหน้าเล็กๆ ซีดเผือด
นรมนเห็นท่าทางของกิจจา จึงอดจับมือเขาไม่ได้: “หม่ามี้เข้าใจว่าลูกคิดทุกอย่างเพราะหวังดีกับแด๊ดดี้ งั้นบอกเหตุผลที่ลูกต้องการใช้มิลินให้หม่ามี้ฟังหน่อย”
“ผมมองพิษของแด๊ดดี้ไม่ออก ?และผมยิ่งมองไม่ออกว่าแด๊ดดี้โดนวางยาพิษตั้งแต่เมื่อไหร่ เพียงแค่พิษนั้นตอนนี้เริ่มเข้าสู่อวัยวะภายในแล้ว ถ้าช้าต่อไป ผมกลัว……”
กิจจาไม่ได้พูดคำที่เหลือ แต่นรมนกลับหน้าเสีย
เวลากำลังหมดลง?
คำง่ายๆ กลับมีน้ำหนักมาก ทับลงบนหัวใจของนรมนโดยตรง
เธอสั่นไปทั้งตัว ล้มลงบนเก้าอี้อย่างหวั่นกลัวอย่างช่วยไม่ได้ คลื่นความร้อนขับมาจากดวงตา กลับถูกเธอสะกดมันเอาไว้อย่างเด็ดเดี่ยว