สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 22.2

ตอนที่ 22.2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 22.2 เหตุวุ่นวายในโรงน้ำชา แผนการของแต่ละฝ่าย (2)
บทที่ 22 เหตุวุ่นวายในโรงน้ำชา แผนการของแต่ละฝ่าย (2)
โดย
Ink Stone_Romance
ตู้ฉางหมิงแข็งใจเดินขึ้นไปด้านหน้า ยกมือคำนับ “ท่านกั๋วกง เหมือนกับ…เป็นเพียงอุบัติเหตุขอรับ!”

“อุบัติเหตุหรือ?” หลัวเสียงกระแอมในคอเบาๆ เดินขึ้นมาด้านหน้า “ตอนนี้ผู้บริสุทธิ์ น้องห้าของข้านอนตายที่นี่ ศาลาว่าการพระนครของเจ้าจะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุแล้วเรื่องนี้จะจบเหรอ? เจ้าคิดว่าตระกูลหลัวของข้าคืออะไรกัน? จะทำส่งเดชอย่างนี้ก็ได้งั้นหรือ?”

ตู้ฉางหมิงรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายๆ แน่ จึงนำคำพูดที่ฮั่วชิงเอ๋อร์พูดเมื่อครู่มาอธิบายอีกรอบ “ท่านหญิงฮั่วพูดเช่นนี้ หากท่านกั๋วกงรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องการตรวจสอบขั้นถัดไป ข้าน้อยก็มิมีข้อเห็นส่วนตัว และจะนำตัวท่านหญิงฮั่วกลับไป”

หลัวเหว่ยเบ้ปากไม่พูด

ทว่าสาวใช้ของฮั่วชิงเอ๋อร์ ซู่จิ่นกลับร้อนรนไปหมด รีบก้าวออกมาจากฝูงชน กางแขนออกบังฮั่วชิงเอ๋อร์เอาไว้ พูดเสียงดัง “ใครกล้าแตะต้องท่านหญิงของข้า? ชายผู้นั้นมีเจตนาไม่ดีเอง ตายไปก็สมน้ำหน้า!”

“ต่ำช้า!” หลัวเสียงเห็นแก่หน้าของทุกคนจึงทนไม่ออกมือ ได้แต่จ้องเขม็งด้วยสายตาแข็งกร้าวไปที่ฮั่วชิงเอ๋อร์ “เจตนาไม่ดีอะไรกัน? คนตระกูลหลัวตระกูลฮั่วของพวกเจ้าเลี้ยงดูหรืออย่างไรกัน? นิสัยของน้องห้าข้าทุกคนรู้ดี ฮั่วชิงเอ๋อร์เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นสาวงามใต้หล้าหรืออย่างไรกัน? จะแต่งเรื่องก็แต่งให้มันสมจริงหน่อย ชีวิตคนใหญ่หลวงนักเจ้าอย่าปัดไปหน่อยเลย!”

ฮั่วชิงเอ๋อร์เริ่มได้สติหลังจากที่ตกใจเมื่อครู่ ได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วเดินขึ้นไปด้านหน้า “ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ แล้วตระกูลหลัวของท่านเป็นเช่นไร? ข้าพูดชัดเจนแล้ว เมื่อครู่เขามารุ่มร่ามกับข้าก่อน ส่วน…”

นางเหลือบไปมองชายที่นอนจมกองเลือดแวบหนึ่งก็รู้สึกใจฝ่อไปบ้าง เว้นวรรคครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเสียงแข็ง “ข้าก็ไม่คิดว่าเขาจะตกลงมา ใครจะไปรู้ว่าเขาจะไม่ได้เรื่องเช่นนี้?”

“เจ้า…” หลัวเสียงโกรธตาลุกวาว

ตู้ฉางหมิงเห็นเช่นนั้นก็รีบเดินขึ้นมาแทรกระหว่างทั้งสอง ก่อนเอ่ยกับหลัวเหว่ย “ท่านกั๋วกง ท่านจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”

“ฆ่าคนมาทดแทน ชีวิตของคนตระกูลหลัวมิใช่ผักปลา ข้าต้องการความยุติธรรม” หลัวเหว่ยเอ่ยทิ้งไว้และสะบัดเสื้อออกไป

ผู้ติดตามของเขาก็เคลื่อนศพของหลัวส่วงออกไปด้วย

ฉู่สวินหยางเผยอยิ้ม เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มมองไปที่ตู้ฉางหมิง

ตู้ฉางหมิงรู้สึกกดดันขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็เก็บความรู้สึกเดินขึ้นไปยังผู้ติดตามพวกนั้น และรุดฝีเท้าไปคำนับตรงเงาหลังของหลัวเหว่ย “ท่านกั๋วกง ในเมื่อท่านอยากได้ความยุติธรรม เช่นนั้นศพของคุณชายห้ายังมิสามารถเอาไปได้ในตอนนี้ ข้าน้อยต้องนำเขากลับไปตรวจสอบที่ศาลาว่าการพระนคร”

ตระกูลสหายกษัตริย์ ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้น

สีหน้าของหลัวเหว่ยเย็นเยียบ เมื่อหลัวเสียงเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยเสียงแข็ง “น้องห้าของข้าก็ตายไปแล้ว พวกเจ้ายังจะดูหมิ่นอีกหรือ? พวกเราไป!”

หากสถานการณ์อื่นตู้ฉางหมิงคงจะทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่นานแล้ว แต่แม้จวนหลัวกั๋วกงจะมีอำนาจมาก แต่อีกฝ่ายตระกูลฮั่วก็ไม่ใช่ตระกูลที่ไม่มีชื่อไม่มีแซ่อะไร อีกทั้งยังมีฉู่สวินหยางยืนอยู่ข้างๆ

เขายกมือรั้งไว้ แต่กลับไม่ได้ประนีประนอมแต่อย่างใด “ขออภัยขอรับคุณชายสาม ศพนี้ท่านไม่อาจนำไปได้”

หลัวเหว่ยหันกลับมามอง ดวงตานั้นแหลมคมเสียจนจะทิ่มแทงร่างของเขาให้เป็นรู

ตู้ฉางหมิงในใจร้องโอดครวญไม่หยุด แต่สีหน้ากลับนิ่งขรึม สงบนิ่ง ก่อนเอ่ยกับขุนนางที่อยู่ข้างๆ “เชิญท่านหญิงฮั่วกลับไปสืบสวนที่ศาลาว่าการพระนครด้วยขอรับ”

คนของศาลาว่าการกำลังเดินขึ้นจะไปนำตัว

ซู่จิ่นร้อนรน ตะโกนแผดเสียง “ใครกล้าแตะท่านหญิงของข้า!”

ยังพูดไม่ทันจบก็โดนคนของศาลาว่าการผลักออก

“ไม่ต้องให้พวกเจ้ามาจับ ข้าเดินเองได้!” ฮั่วชิงเอ๋อร์ถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อหลบมือของพวกนั้นก่อนตวาด

นางมองออกว่าตระกูลหลัวจะเอาเรื่องนี้มาอ้าง

คนของศาลาว่าการหันไปส่งสายตาให้ตู้ฉางหมิง เมื่อเห็นตู้ฉางหมิงพยักหน้าจึงถอยออกเล็กน้อย “เชิญขอรับท่านหญิงฮั่ว!”

ฮั่วชิงเอ๋อร์กระแอมเบาๆ และเดินไป

ซู่จิ่นน้ำตาคลอเบ้าจะตามไป แต่กลับโดนคนพวกนั้นส่งสายตาขู่จนไม่กล้าก้าวออกไปต่อ

หลัวเหว่ยเห็นตู้ฉางหมิงพาตัวฮั่วชิงเอ๋อร์ไป เขายังยืนหยัดจะเอาตัวหลัวส่วงต่อก็คงไม่ได้แล้ว เขาจึงลังเลอยู่พักหนึ่งไม่ได้พูดอะไร และหันตัวกลับไป

ฉู่สวินหยางไม่ได้แบกหน้าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเพียงคนดูเหมือนกับคนอื่นๆ

ตู้ฉางหมิงมองนางแวบหนึ่งก็โบกมือให้สัญญาณพาฮั่วชิงเอ๋อร์ออกไป

ซู่จิ่นรีบย่ำเท้ายิกเตรียมจะตามไป แต่กลับโดนชิงเถิงรั้งไว้และเอ่ยเตือน “ทำไมยังไม่รีบกลับไปบอกคุณชายและฮูหยินตระกูลเจ้าอีก!”

“ใช่!” ซู่จิ่นนึกขึ้นได้ รีบเช็ดน้ำตาวิ่งออกไปจากฝูงชนตรงนั้น

กลุ่มคนที่มาออกันค่อยๆ แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง เหลือเพียงแม่หญิงที่อยู่กับฮั่วชิงเอ๋อร์ก่อนหน้านี้ท่าทีอ่อนแอเสียจนถูกสาวใช้ประคองชิดกับไม้ตรงประตูเรือนมีสุข

“เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?” เจิ้งเยียนถอนหายใจยาวๆ

“ใช่น่ะสิ ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้?” ฉู่สวินหยางยิ้ม หันกลับไปมองนางด้วยสายตาที่มีนัยอะไรบางอย่าง

เวลาที่นางยิ้มจริงใจมักจะเป็นรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ ไม่มีนัยยะอื่นซ่อนอยู่

แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งนางยิ้มร่าเริงเช่นนี้ เจิ้งเยียนก็ยิ่งรู้สึกว่ากำลังโดนคนอ่านความคิดของตนออก รู้สึกใจฝ่อขึ้นมา

นางหลบสายตาไป ขณะที่กำลังกัดปากลังเลว่าจะพูดอะไรอยู่นั้น รถม้าคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ข้างนาง เป็นเฉี่ยนลวี่และเจี๋ยหงลงมาจากรถ พลันเปิดรถม้าออก “ท่านหญิง ถึงเวลาไปแล้วเจ้าค่ะ!”

“อืม!” ฉู่สวินหยางพยักหน้า และขึ้นรถไปโดยไม่หันมามองพวกเจิ้งเยียนอีก

เมื่อมองรถม้าที่องค์รักษ์วังบูรพาจนลับตาไปแล้ว เจิ้งเยียนก็ยืนมองนิ่งอยู่ที่เดิมพักใหญ่แล้วจึงหันกลับมาคุยกับคนอื่นไม่กี่ประโยค หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป

รอจนคนพวกนั้นแยกย้ายไป สาวใช้ข้างกายของนางจึงค่อยๆ เอ่ย “ท่านหญิง ท่านว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่? หม่อมฉันเห็นท่านหญิงสวินหยางทำราวกับว่าจะไม่เข้ามายุ่ง หากนางไม่ยุ่ง…”

“นางจะต้องยุ่งอย่างแน่นอน!” เจิ้งเยียนเอ่ยเสียงดังฟังชัด เหมือนกับมั่นใจเอาเสียมากๆ

สาวใช้นางนั้นอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เมื่อเหลือบเห็นประกายในดวงตาของนางจึงเงียบไป และหันกลับไปสั่งให้นำรถม้ามารับ

พี่หญิงบอกว่าความสัมพันธ์ของฉู่สวินหยางและฮั่วชิงเอ๋อร์ไม่ธรรมดา คงไม่ผิดจริงๆ หากฮั่วชิงเอ๋อร์ถูกฟ้องร้องคดีฆ่าคน ฉู่สวินหยางจะต้องไม่นั่งอยู่เฉยๆ เป็นแน่ พอถึงตอนนั้นก็มีโอกาสแล้ว

อีกฝ่ายทำร้ายแม่ของนางแล้วถูกส่งไปทรมานที่สุสานประจำตระกูล หลังจากนั้นก็เป็นอิสระเหรอ? อะไรมันจะง่ายขนาดนั้นกันเชียว?

เจิ้งเยียนคิดด้วยความโกรธแค้น และรถม้าก็พาถึงพอดี สาวใช้จึงพยุงนางขึ้นรถและออกไป

———————————–

บนรถม้า

เหยียนหลิงจวินจับมือของฉู่สวินหยางไว้แน่น

ฉู่สวินหยางคลานจากข้างโต๊ะไปนั่งใกล้ๆ เขามากกว่าเดิม ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เงยหน้ามองเขา

เหยียนหลิงจวินก้มหน้ามองนางแวบหนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะหลุดขำ “ข้าถามให้เจ้าแล้ว เจิ้งเยียนเป็นคนนัดท่านหญิงตระกูลพวกนั้นออกมา แม่หญิงพวกนั้นก็ไปมาหาสู่กันตลอด นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

“เจิ้งเยียน?” ฉู่สวินหยางเบ้ปาก จู่ๆ ก็คิดอะไรได้ ดวงตาซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ ก่อนเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “ทายาทหญิงที่เป็นข่าวลือไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่าจะแต่งเข้าจวนอ๋องหนานเหอน่ะหรือ?”

“ก็แค่คำพูดของพวกว่างงาน ฟังๆ ไปก็พอ!” เหยียนหลิงจวินยิ้ม ก้มหน้ามองนางหัวเราะในลำคอเสียงแหลมเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “ตั้งแต่ต้นจนจบจวนอ๋องหนานเหอไม่ได้ตอบโต้เรื่องนี้แม้แต่น้อย หากสองตระกูลมีเจตนานี้จริง คงไม่ต้องปิดบังเสียขนาดนี้หรอก จริงหรือไม่?”

“แม้ตระกูลเจิ้งจะมีอิทธิพลมากในราชสำนัก แต่ที่จริงอำนาจในมือทั้งหมดฝ่าบาทได้ยึดคืนไปแล้ว พูดอย่างจริงจังหน่อยก็คือมีประโยชน์ให้ใช้ได้ไม่มากนัก” ฉู่สวินหยางพยักหน้าเห็นด้วย คิดไปคิดมาก็ถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่

“แล้วเจ้าว่า ข่าวเช่นนี้ใครเป็นคนแพร่ออกไป?”

“เจ้าว่าใครล่ะ?” เหยียนหลิงจวินยิ้ม ถามกลับ

ฉู่สวินหยางเบ้ปาก ได้แต่ยิ้มไม่ตอบ แต่คิดไปไกลมาก

ตอนนี้จวนอ๋องหนานเหอกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แม้อำนาจของจวนผิงกั๋วกงจะมีจำกัด แต่หากกุมไว้ในมือได้ก็ได้กำไรไม่น้อย ตามนิสัยของฉู่ฉีเหยียน เขาไม่ใช่ว่าจะทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้…

เพียงแค่ตามที่ฉู่สวินหยางเข้าใจ เขาเป็นคนใจกว้าง ก็มีแต่ตระกูลเจิ้ง คงจะไม่คุ้มกับการที่เอาเรื่องสมรสเรื่องใหญ่ของตนไปแลกหรอกระมัง

ความคิดที่ไปไกลของนางถูกดึงกลับ ฉู่สวินหยางชักมือจากเหยียนหลิงจวินกลับมา หยิบกาน้ำชารินชาให้เขา ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ตระกูลหลัวเสียคุณชายที่มีอนาคตไกลเจ้าหนึ่่ง แม้จะเป็นแผนการของเจิ้งเยียน แต่ตามกำลังของนางก็คงมิอาจทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ได้สำเร็จ ทางเจ้ามีข่าวคราวบ้างหรือไม่? ช่วงนี้นาง…ได้เจอคนที่น่าสงสัยหรือไม่?”

“เจ้าไม่ค่อยได้ไปสุงสิงกับวงการแม่หญิงพวกนั้น คงจะไม่รู้…” เหยียนหลิงจวินยิ้มอย่างมีนัย “ท่านหญิงเจิ้งนี้กับคุณหญิงสามตระกูลหลัวสนิทกันยิ่งนัก ได้ยินว่าทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เยาว์วัย ความสัมพันธ์แนบแน่นไม่น้อย”

——————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน