สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 14.2

ตอนที่ 14.2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 14.2 ท่านหญิงใหญ่บ้าไปแล้วหรือ? (2)
บทที่ 14 ท่านหญิงใหญ่บ้าไปแล้วหรือ? (2)
โดย
Ink Stone_Romance

คนแซ่หลินชนไปเพียงชั่วครู่นั้น สมองพร่าเลือนจวนจะหมดสติ

เจิ้งเหวินคังทนไม่ไหวเข้าไปพยุงนางขึ้นมา แต่สีหน้ากลับเย็นชาไม่พูดแม้แต่คำเดียวเช่นกัน

ตอนแรกพอคนแซ่หลินได้ยินว่าฮูหยินเจิ้งให้คนไปเอาสมุดบัญชีที่ห้องบัญชีก็รู้ว่าเรื่องต้องแดงออกมาแล้ว ดังนั้นถึงได้อ้างว่าป่วยเพื่อถ่วงเวลาไว้ ตอนนี้มาอยู่ที่นี่แล้ว นางรู้ว่าโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำท่าทางอ่อนแอทันที นางคุกเข่าตรงหน้าฮูหยินเจิ้งแล้วเอ่ยทั้งน้ำตาว่า “ท่านแม่ ท่านกั๋วกง[1][2] เรื่องนี้ข้าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าคนเดียวคุมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไหว คนทั้งจวนสองร้อยกว่าคนต้องกินข้าว ร้านขายของพวกนั้นจะมีสักกี่ร้านที่หาเงินได้จริงกัน ข้าปล่อยกู้เงินประทับตรา[3]ออกไปก็เพื่อให้คนทั้งบ้านใช้ชีวิตอยู่ได้ ข้า…”

ประมวลกฎหมายของซีเยว่ลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า การปล่อยเงินกู้ประทับตราต้องถูกลงโทษสถานหนัก และหากทำไม่ดียังต้องโดนเพิ่มโทษอีก

ฮูหยินของจวนกั๋วกงที่น่าเกรงขามเจตนาทำผิดกฎหมาย ถึงแม้ตระกูลเจิ้งจะปกป้องนางไว้ได้ แต่ตระกูลเจิ้งก็ต้องสูญเสียชื่อเสียงไปหมดเพราะเหตุนี้

คนแซ่หลินคิดในใจว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ฮูหยินเจิ้งผลักนางออกไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงช่วยนางปิดบังความผิดเพื่อชื่อเสียงของจวนกั๋วกงเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเท่าไร

เจิ้งตั๋วฟังแล้วยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาด่าทออย่างโมโหว่า “กู้เงินประทับตราหรือ? เจ้ารู้ว่าการกู้เงินประทับตราคืออะไรหรือ? คนโง่ไร้สมอง เจ้าอาจทำลายทั้งจวนกั๋วกงของพวกเรา แต่เจ้าถูกปิดหูปิดตาแล้วยังภูมิใจในตนเองอีก จริงๆ แล้วเจ้า…”

เจิ้งตั๋วโกรธมากจนตอนหลังไม่อาจสรรหาคำพูดร้ายกาจที่จะสามารถระบายความโกรธแค้นในใจของเขาได้

ฉู่เยว่เหยาคุกเข่าอยู่ข้างๆ เสื้อตัวในเปียกเหงื่อจนชื้นไปนานแล้ว แต่กลับกัดริมฝีปากไว้ไม่กล้าพูดสักคำ

คนแซ่หลินรู้สึกเวียนศีรษะ นางฟังแล้วมองเจิ้งตั๋วคล้ายกับสับสน “ท่านกั๋วกง ท่านกำลังพูดอะไร? ข้าไม่เข้าใจ… ข้าเพียงแต่อยากหารายได้จากทางอื่นมาจุนเจือค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ข้า…”

“คนโง่!” เจิ้งตั๋วด่าอีกจนเหนื่อยหอบ เขาเขวี้ยงจดหมายในมือใส่หน้านาง “เจ้าดูเอาเอง!”

คนแซ่หลินรับมาด้วยมือสั่นเทา หลังจากอ่านจบแล้วก็ตกตะลึงไปทั้งตัว แต่ยังยากที่จะเชื่อได้ว่า “…จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? มีคนไปพูดมั่วแล้วแต่งเรื่องขึ้นมาใช่หรือไม่? พอปล่อยเงินนั้นออกไป ท่านหญิงก็กำหนดเวลาที่ควรส่งกำไรให้ข้าไว้ทุกเดือน…”

เจิ้งตั๋วยังอยากด่านางอีก แต่ถึงเวลานี้ก็ไม่มีแรงจะเอ่ยปากแล้ว

คนแซ่หลินมือสั่นหันไปมองฉู่เยว่เหยา เอ่ยเพื่อความแน่ใจว่า “ท่านหญิง เงินนี้…”

ฉู่เยว่เหยาเองก็ว้าวุ่นใจตั้งนานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครถามนางตรงๆ ทว่าพอเวลานี้คนแซ่หลินเอ่ยปาก นางก็ร้องไห้ออกมาทันที แล้วลุกขึ้นมายื่นมือไปจับชายกระโปรงฮูหยินเจิ้งตรงด้านล่างขอบเตียง

“ท่านย่า ท่านอย่าไปฟังหญิงชั่วอย่างฉู่สวินหยางยุแยง ข้าหาเงินกลับมาได้แน่ ข้าไม่เคยคิดจะเสียเงินในบ้านไปเปล่าๆ เพียงแค่เอาเงินไปหมุนชั่วครู่เท่านั้น”

พอคนแซ่หลินได้ฟัง ความหวังสุดท้ายในใจก็มอดดับลง และกระโจนเข้าไปตบนางเหมือนกับบ้าไปแล้วในทันที

ฉู่เยว่เหยาถูกตบจนเลือดกบปาก แต่ก็ไม่กล้าน้อยใจ…

หากเหลยเช่อเฟยกับฉู่ฉีฮุยยังมีชีวิตอยู่ทั้งคู่ นางจะมีความมั่นใจสักแค่ไหนกัน แต่ตอนนี้ทำผิดแล้วไม่มีใครให้พึ่งพิง นางรู้สึกขาดความมั่นใจ แล้วรีบลุกขึ้นมาว่า “ท่านแม่ ท่านฟังข้าพูด…”

“พูดอะไร?” คนแซ่หลินเอ่ยเสียงเข้ม ไม่ให้โอกาสนางพูดแม้แต่น้อย “ส่งกุญแจห้องเก็บของมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ แล้วยังมีตั๋วเงินกับโฉนดที่ดินที่เจ้าเอาไปจากข้า…”

ฉู่เยว่เหยาบอกนางแล้วว่ามีคนที่เหมาะสมช่วยปล่อยเงินกู้ประทับตราให้ได้กำไรได้ นี่เป็นธุรกิจที่ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรเยอะและได้เงินเร็วอีก อีกอย่างฉู่เยว่เหยามาจากวังบูรพาก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร คนแซ่หลินพิจารณาอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดก็ถูกล่อด้วยผลประโยชน์จนทนไม่ไหวและยกตั๋วเงินที่ถือไว้ในมือให้นาง

ฉู่เยว่เหยาก็รักษาสัญญา ภายในเวลาปีกว่าที่ผ่านมานี้เอาผลกำไรมากมายกลับมาให้นางตามกำหนดเวลาทุกเดือน นับวันคนแซ่หลินยิ่งไว้ใจนางมากขึ้น นานวันเข้าแม้แต่สิทธิในการดูแลบ้านก็แบ่งปันกันสองคนระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ จนเวลานี้ฉู่เยว่เหยาก็มีกระทั่งกุญแจห้องเก็บของสำรองอยู่ในมืออีกชุดหนึ่ง

แต่ในจดหมายของฉู่สวินหยางกลับบอกว่าฉู่เยว่เหยาไม่ได้นำเงินพวกนั้นไปปล่อยกู้เงินประทับตราสักนิด แต่เอาเงินไปช่วยเหลือคนอื่นหมด

ในระหว่างที่แม่สามีกับลูกสะใภ้สองคนกำลังแตกคอและโต้เถียงกันนั้นเอง แม่นมคนสนิทข้างกายฮูหยินเจิ้งอีกคนก็เดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย และส่งบันทึกรายการยาวเหยียดชุดหนึ่งถึงมือฮูหยินเจิ้ง กล่าวว่า “ฮูหยิน ข้าตรวจนับของในห้องเก็บของใหม่แล้วเจ้าค่ะ นอกจากพวกของชิ้นใหญ่ด้านนอกที่ยังอยู่ครบแล้ว ด้านในมีทรัพย์สินมีค่าเกินหกส่วนหายไปเจ้าค่ะ”

ฮูหยินเจิ้งสีหน้าเคร่งขรึม

คนแซ่หลินตัวสั่นไปทั้งร่าง จู่ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที…

ฉู่เยว่เหยากล้าไปยุ่งวุ่นวายแม้แต่ของส่วนรวมตามอำเภอใจ ตอนนั้นนางอยากเก็บสะสมเงินออมส่วนตัวจึงให้เงินสินเดิมกับฉู่เยว่เหยาไปหมด เช่นนี้ไม่เสียเงินไปเปล่าๆ ด้วยแล้วหรือ?

รวมทั้งหมดแล้วมากกว่าล้านตำลึง เป็นเงินเก็บทั้งหมดของผู้สืบทอดจวนผิงกั๋วกงหลายคน หากเสียเงินจำนวนนี้พวกเขาจวนกั๋วกงก็เหลือแต่ตัวแล้ว เพราะถึงแม้ยังมีที่นาส่วนตัวและร้านค้าในนามอีกไม่น้อย แต่ก็เหมือนกับที่นางพูดไปก่อนหน้านี้จริงๆ ไม่ได้กำไรสักเท่าไร

พอคิดถึงตรงนี้ตอนนี้คนแซ่หลินก็รู้สึกเวียนศีรษะไปชั่วขณะ

เจิ้งเหวินคังก็ร้อนใจเช่นกัน เขาวิ่งเข้าไปถีบอกฉู่เยว่เหยาและเอ่ยถามด้วยสีหน้าดุร้ายน่ากลัวว่า “เจ้าเอาเงินของตระกูลเจิ้งไปช่วยใคร? พูดมา!”

นางสารเลวนี่เกือบกวาดเอาทรัพย์สินในบ้านตระกูลเจิ้งของพวกเขาไปหมด! พอคิดแบบนี้เจิ้งเหวินคังรู้สึกฝังใจว่าบนศีรษะตนเองเหมือนมีหมอกสีเขียวที่น่าเศร้าปกคลุมอยู่ไปแล้ว

หน้าตาเขาโหดเหี้ยมน่ากลัว นัยน์ตาแดงก่ำทั้งสองข้าง เหมือนอยากจะทำกับฉู่เยว่เหยาแบบเดียวกัน

ฉู่เยว่เหยาถูกเขาถีบเข้าตรงอกจนกระอักเลือดออกมา นางรู้สึกแต่เพียงอวัยวะภายในทั้งหมดราวกับจะฉีกขาด จึงรีบลุกไปกอดขาเขาไว้แน่นว่า “ซื่อจื่ออย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่เคยทำเรื่องที่น่าละอายต่อเจ้า เงินพวกนั้น…เงินพวกนั้น…”

คล้ายกับนางยังมีความกังวล แต่เห็นหน้าตาของคนตระกูลเจิ้งแต่ละคนราวกับจะกินคน ในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางเอ่ยทั้งน้ำตาว่า “ข้าให้พี่ชายใหญ่ยืมไปใช้จ่าย เขาไม่ทำร้ายข้าแน่ เดิมทีกะว่าแค่ยักยอกให้เขาไปใช้ช่วงหนึ่งชั่วคราว ข้า…”

คนตระกูลเจิ้งฟังจบต่างก็จิตใจหดหู่กันโดยพร้อมเพรียง…

ฉู่ฉีฮุยตายไปแล้ว หากฉู่เยว่เหยาให้เงินนี้กับคนอื่นยังไปตามกลับมาได้ แต่ให้เขา? เช่นนั้นก็เท่ากับสูญเงินไปเปล่าๆ ไม่ใช่หรือ?

ฮูหยินเจิ้งหลับตาลงอย่างจงเกลียดจงชัง

เจิ้งเหวินคังลากตัวฉู่เยว่เหยาขึ้นมาจากพื้น แล้วลากตัวนางจะเดินออกไปด้านนอก “ไป เจ้าไปวังบูรพากับข้าเดี๋ยวนี้ ไปเอาเงินกลับมา”

ก่อนหน้านี้ฉู่เยว่เหยาถูกแม่นมหูเตะแรงเกินไป หัวเข่าน่าจะกระแทกแตกไปแล้ว ตอนที่คุกเข่าอยู่เมื่อครู่ก็เจ็บจนชายังไม่มีความรู้สึก ทว่าเวลานี้พอยืนขึ้นมาแข้งขาก็อ่อนยวบ แม้แต่ยืนก็ยืนได้ไม่มั่นคงสักนิด ทั้งยังเหงื่อตกท่วมทั้งตัว

“หยุด!” ฮูหยินเจิ้งตวาดเสียงเย็นเยียบ

“ท่านย่า…” เจิ้งเหวินคังสีหน้าไม่ดีนักกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ฮูหยินเจิ้งทอดมองคนแซ่หลินที่อ่อนแรงอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นเยียบเอ่ย “เจ้าไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้ แล้วไปส่งแม่เจ้าที่ศาลเจ้าประจำตระกูลทันที นางบาดเจ็บอยู่ ส่งนางออกไปรักษาอาการบาดเจ็บชั่วคราว”

“ท่านแม่…” คนแซ่หลินตกใจจนตัวสั่นเทาในทันใด

“ท่านแม่ก็บังเอิญถูกหลอกเช่นกัน…” เจิ้งเหวินคังก็กำลังลังเลและยังไม่ขยับตัว…

ศาลเจ้าประจำตระกูลเป็นสถานที่แบบไหน? สภาพแบบนั้นยังไม่เท่ากับเอาชีวิตแม่ของเขาไปครึ่งหนึ่ง

ทว่าฮูหยินเจิ้งกลับไม่ยอมให้เขาปฏิเสธ นางหันไปเอ่ยกับแม่นมหูโดยตรงว่า “แม่นมหู เจ้าก็ตามไปด้วย ส่งฮูหยินให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมา”

“เจ้าค่ะ ฮูหยิน!” แม่นมหูตอบรับอย่างตรงไปตรงมา แล้วโบกมือสั่งให้หญิงรับใช้อีกสองคนใช้กำลังลากตัวคนแซ่หลินที่ร้องไห้ปานจะขาดใจออกไป

เจิ้งเหวินคังก็ไม่กล้าเถียงฮูหยินเจิ้งอย่างเปิดเผยเช่นกัน เขาทำได้เพียงเดินตามออกไป แต่ก่อนไปไม่วายจ้องมองฉู่เยว่เหยาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

ฉู่เยว่เหยาตัวสั่นเทิ้มไปชั่วขณะ นางล้มนั่งอยู่บนพื้นแล้วก็ยิ่งสั่นสะท้านไปทั้งตัว มองฮูหยินเจิ้งอย่างระวังตัว

ฮูหยินเจิ้งกวาดสายตาผ่านนางไป สีหน้าและนัยน์ตาเรียกได้ว่าเกลียดเข้ากระดูกดำ นางเพียงเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ส่งตัวนางกลับไปที่เรือนของนางเอง แล้วย้ายของของคังเอ๋อร์ออกมาด้วยทีเดียว ถ่ายทอดคำสั่งข้าออกไป ปิดตายเรือนนั้นซะ เหลือหญิงรับใช้ที่มือไม้คล่องแคล่วไว้คอยปรนนิบัตินางแค่สองคนก็พอ ลงโทษคนใกล้ชิดนางให้หมด”

นี่ฮูหยินเจิ้งจะกักบริเวณนางหรือ? แล้วยังลงโทษคนใกล้ตัวนางทุกคน เช่นนั้นนางจะไม่ถูกทรมานจนตายหรือ?

แน่นอนว่าฉู่เยว่เหยารู้ว่าฮูหยินเจิ้งไม่ได้ล้อเล่น นางตื่นตระหนกตกใจมากทั้งพยายามหลบหญิงรับใช้ที่จะเข้ามาลากตัวนางสุดฤทธิ์ทั้งเอ่ยเสียงเย็นเยียบว่า “พวกเจ้าจะกักบริเวณข้ารึ? พวกเจ้ากล้ารึ? ข้าเป็นถึงท่านหญิงแห่งวังบูรพา พวกเจ้านี่ช่างเหิมเกริม แน่นอนว่าท่านพ่อข้าต้องไม่…”

นางยังคงร้องตะโกนเสียงดัง ฮูหยินเจิ้งนวดขมับด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย แล้วโบกมือส่งสัญญาณให้คนรับใช้ลากตัวนางออกไป

จนกระทั่งถึงตอนที่เหลือกันแค่สองแม่ลูกในห้อง เจิ้งตั๋วก็อดที่จะเอ่ยอย่างเคร่งขรึมไม่ได้ว่า “ท่านแม่ ท่านสงสัยว่าหวงจ่างซุนยักยอกเงินพวกนั้นไป…”

“ยังจำเป็นต้องพูดอีกหรือ?” ฮูหยินเอ่ยเสียงเฉยชา “เจ้าก็อย่าได้คิดจะตามเงินพวกนั้นกลับมาเช่นกัน เสียหน้าไม่ว่า แต่คนนอกอย่างพวกเราเข้าไปยุ่งวุ่นวายการต่อสู้กันภายในราชวงศ์ของพวกเขาได้งั้นหรือ? จะโทษก็โทษที่ภรรยาของเจ้าไร้สมอง เชื่อคนง่าย ตอนแรกข้าก็ไม่เห็นด้วยที่คังเอ๋อร์แต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ แต่คนแซ่หลินจะตัดสินใจเองให้ได้ แล้วยังวางแผนเพ้อฝันกับเจิ้งหมิ่นอีก”

เจิ้งหมิ่นที่ฮูหยินเจิ้งพูดถึงคือชายาเอกแซ่เจิ้งของอ๋องหนานเหอ

คนแซ่เจิ้งเป็นลูกสาวที่เกิดจากภรรยาหลวงเช่นฮูหยินเจิ้งแต่ในนาม อันที่จริงแม้แต่คนแซ่เจิ้งเองก็ไม่รู้ว่าความจริงแล้ว…

แม่แท้ๆ ของนางก็คืออนุภรรยาแซ่เฉินที่ท่านเจิ้งรักมากและลือกันไปทั่วว่าถูกฮูหยินเจิ้งวางแผนกำจัดทิ้งอย่างลับๆ ด้วยตัวคนเดียว คนแซ่เฉินเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวยิ่งนัก อีกทั้งนางยังอาศัยว่ามีลูกชายหนุนหลัง จนตระกูลเจิ้งในตอนนั้นเกือบจะเกิดคดีอนุคนโปรดฆาตกรรมภรรยาหลวง ทว่าฮูหยินเจิ้งกลับเป็นคนสุขุมเยือกเย็น นางก็รอจังหวะลงมือและแอบเปรียบเทียบกำลังกับคนแซ่เฉินอย่างลับๆ มาตลอด จนกระทั่งคนแซ่เฉินเห็นนางตั้งครรภ์และใกล้จะคลอดลูก จึงอดรนทนไม่ไหวชิงลงมือก่อน ทำให้ไม่เพียงแต่ลากลูกชายตนเองเข้าไปพัวพันด้วย ทว่าพอตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดโปง ท่านเจิ้งก็เอือมระอาจนถูกทอดทิ้งไว้ในชนบทและปล่อยไปตามยถากรรม

————————————

[1] กง เป็น 1 ใน 6 บรรดาศักดิ์ของขุนนางในราชสำนักจีน อันประกอบไปด้วย อ๋อง กง โหว ป๋อ จื่อ และหนาน โดยกงมีฐานะเทียบเท่ากับตำแหน่งเจ้าพระยาของไทย

[2] กั๋วกง ตำแหน่งบรรดาศักดิ์สูงสุดของชั้นกง อันประกอบด้วย กั๋วกง จวิ้นกง และเซี่ยนกง และเป็นตำแหน่งสูงสุดที่ขุนนางจะได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้

[3] การกู้เงินประทับตรา คือ การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูง โดยเอาเงินต้นและดอกเบี้ยสูงบวกรวมกันแล้วให้ผู้กู้แบ่งผ่อนส่งตามกำหนด และทุกครั้งที่มีการส่งเงินกู้จะมีการประทับตราลงไปในสาส์น

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน