สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 34.1

ตอนที่ 34.1

บทที่ 34 ท่าไม้ตายขัดขวางความรัก! (1)
Ink Stone_Romance
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิหรือไม่ ช่วงนี้ฮ่องเต้ถึงได้สุขภาพไม่ค่อยดีนัก โดยมักจะรู้สึกปวดศีรษะตัวร้อน และถึงแม้อาการป่วยจะไม่ร้ายแรง แต่ด้วยเขาอายุมากและกลัวตายอยู่แล้ว จึงเป็นกังวลมากทีเดียว

หลายวันนี้จึงต้องเรียกเหยียนหลิงจวินเข้าวังมาตรวจชีพจรปกติให้เขาแต่เช้าทุกวันถึงจะวางใจได้

เหยียนหลิงจวินตรวจชีพจรให้เขาอย่างขอไปที พอเรียบร้อยก็รีบพาเชินหลานออกจากวัง สีหน้าฉายแววกลุ้มใจเล็กน้อย

เขาเดินเร็วมาก จนเชินหลานแทบจะต้องวิ่งซอยเท้าถี่ถึงจะตามฝีเท้าเขาทัน

สองนายบ่าวใช้ทางลัดออกจากวัง ตอนที่เดินถึงประตูวังนั้นก็ทันเจอเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ที่กลับจากเข้าเฝ้าตอนเช้ามาก่อน กำลังทักทายกันและเดินออกจากวังอย่างเชื่องช้าพอดี

ในเมื่อเจอกันแล้วก็ต้องทักทายอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพราะช่วงนี้มอบหมายให้เหยียนหลิงจวินเป็นคนตรวจอาการป่วยของฮ่องเต้เพียงคนเดียว นี่ถือเป็นเกียรติอันสูงสุด…

ต้องรู้ว่าฮ่องเต้อายุมากที่มีนิสัยขี้ระแวงนี้เป็นคนที่ไว้ใจใครยากมาก

ขุนนางทั้งราชสำนักต่างเห็นเขาเป็นขุนนางระดับสูงคนโปรดคนใหม่เบื้องหน้าพระพักตร์ ดังนั้นแต่ละคนจึงกระตือรือร้นเป็นพิเศษ

เหยียนหลิงจวินเผลอเงยหน้าขึ้นขณะที่กำลังทักทายอยู่ จึงเห็นหลัวเถิงเดินพูดคุยกับเพื่อนขุนนางหลายคนอย่างสนุกสนานออกมาจากในวังพอดี

หลัวเถิงถือว่ารูปร่างหน้าตาดีมาก เขายังหนุ่มแน่นและหน้าตาหล่อเหลา ถึงแม้จะสวมเครื่องแบบขุนนางเหมือนกับทุกคน แต่ก็ยังสะดุดตามากเป็นพิเศษเวลาที่เดินอยู่ท่ามกลางผู้คน

หากเป็นเมื่อก่อนเหยียนหลิงจวินคงไม่ชายตามองเขาด้วยซ้ำ

แต่หลังจากที่ ‘บังเอิญเจอกัน’ เมื่อวานนั้น ลึกๆ แล้วเขาก็รู้สึกว่าคนคนนี้ต้อง ‘มีเจตนาไม่ดี’ กับฉู่สวินหยางแน่นอน

พอหลัวเถิงปรากฏตัว ประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นของเขาก็เฉียบไวขึ้นจนรู้สึกได้

เดิมทีหลัวเถิงกำลังพูดคุยกับคนอื่น แต่อาจเพราะสายตาที่เขามองมานี้ให้ความรู้สึกคุกคามอย่างรุนแรง จึงรู้สึกได้ทันทีและเงยหน้ามองมาในทันใด

“ใต้เท้าเหยียนหลิง!”

“หลัวซื่อจื่อ!”

ทั้งสองสบตากัน

เวลานั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งคู่ต่างสมบูรณ์แบบจนไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย ทว่ามีแค่สองคนเท่านั้นที่รู้สึกถึงเขม่าควันที่ลอยฟุ้งกระจายไปทั่วโดยไม่รู้ตัว

และความรู้สึกเป็นศัตรูแบบนี้ช่างน่าประหลาดนัก ราวกับเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ดีอยู่แก่ใจและเข้าใจกันและกันเสียเหลือเกิน

หลัวเถิงยกยิ้มมุมปากอย่างสุภาพ แล้วมองเชินหลานที่ถือล่วมยาอยู่ พูดขึ้นว่า “ใต้เท้าเหยียนหลิงเข้าวังมาตรวจพระวรกายของฝ่าบาทหรือ? แล้วทำไมถึงได้รีบร้อนเช่นนี้? จะไปวังบูรพาอีกหรือ?”

หางตาของเหยียนหลิงจวินชี้ขึ้น นัยน์ตากลมโตนั้นยิ้มงามอย่างเยือกเย็นเช่นกัน “ใช่แล้ว ข้างานยุ่ง ท่านหญิงกับคังจวิ้นอ๋องต่างกำลังรออยู่ ขอตัวก่อน”

เขาเอ่ยพลางหันตัวไปอย่างเฉยเมย

ทว่าเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อีกอย่างกะทันหัน จึงหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปเอ่ยพลางยิ้มให้หลัวเถิงที่เอามือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น กล่าวว่า “อ้อ! ใช่แล้ว เมื่อวานข้ามีธุระกะทันหัน ต้องขอบคุณซื่อจื่อด้วยที่ไปส่งท่านหญิง ลำบากท่านแล้ว!”

เดิมทีเมื่อวานพวกเขาสามคนไปวังบูรพาด้วยกัน แต่เย่าสุ่ยตามมาระหว่างทาง บอกว่าจู่ๆ ฮ่องเต้ก็เวียนศีรษะขึ้นมา จึงเรียกตัวเหยียนหลิงจวินเข้าวังไปอีกอย่างกะทันหัน

ดังนั้นที่จะฝังเข็มถอนพิษครั้งสุดท้ายให้คนแซ่ฟางจึงจำเป็นต้องเลื่อนมาเป็นวันนี้

เพียงแต่พอคิดถึงว่าสุดท้ายก็ยังต้องปล่อยให้หลัวเถิงไปวังบูรพากับฉู่สวินหยางด้วยกันสองคน เหยียนหลิงจวินก็ไม่สบายใจเสียจนว้าวุ่นใจไปทั้งคืน ดังนั้นวันนี้รอฮ่องเต้ทรงงานตอนเช้าเสร็จแล้ว พอจัดการเรียบร้อย เขาก็รีบออกจากวังมาทันที

หลัวเถิงฟังคำพูดที่คล้ายจะประกาศความเป็นเจ้าของโดยนัยของเขาแล้วก็เลิกคิ้ว และเดินผ่านไปอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน พอเดินไปไกลมากแล้วก็ถอนหายใจออกมาว่า “หากใต้เท้าเหยียนหลิงไม่เอ่ยถึง ข้าก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ข้าว่างพอดี เมื่อวานท่านหญิงต้อนรับด้วยน้ำชาและของว่างที่วังบูรพา วันนี้ข้าก็ควรไปขอบคุณถึงที่”

เหยียนหลิงจวินมองเขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

คนคนนี้…

ได้คืบจะเอาศอกไปหน่อยหรือเปล่า?

เมื่อก่อนเขาเคยไปส่งนางตั้งหลายครั้งก็แอบไปถึงแค่หน้าประตูเท่านั้น เพียงแต่สองสามวันนี้ได้ไปตรวจอาการ ของคนแซ่ฟางจึงเข้าออกบ่อยๆ ได้สะดวก

เจ้าเด็กตระกูลหลัวนี่โผล่มาจากไหน? ถึงได้บุ่มบ่ามบุกไปถึงที่?

รอยยิ้มบนหน้าของทั้งสองคนต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่คนนอกกลับเห็นว่าค่อนข้างสุภาพอ่อนโยน

หลัวเถิงยิ้มเล็กน้อยว่า “ไปเถอะ! ในเมื่อเจอกันแล้วพวกเราก็ไปด้วยกันเสียเลย ใต้เท้าเหยียนหลิงงานยุ่ง อีกเดี๋ยวหากโดนเรียกตัวเข้าวังกลางทางอีก ข้าจะได้ช่วยบอกท่านจวิ้นอ๋องกับท่านหญิงแทนท่าน ไม่ต้องให้พวกเขารอเปล่า!”

“คิดไม่ถึงว่าหลัวซื่อจื่อพูดจายังมีวาทศิลป์ด้วย!” เหยียนหลิงจวินหัวเราะเยาะ สายตาฉายแววเย็นเยียบอย่างเห็นได้ชัด

ต้องรู้ว่าคนนี้เก่งมากถึงขั้นไม่ว่าเรื่องอะไรก็เชื่อมือได้เลย ดังนั้นโอกาสที่จะต่อปากต่อคำชนะต่อหน้าเขาจึงมีไม่มากนักและยากที่จะกดหัวเขาได้ นานๆ ทีหลัวเถิงจะอารมณ์ดีมากจนหัวเราะออกมาเสียงดัง

ทั้งสองทยอยขึ้นม้า แล้วขี่ม้าจากไปอย่างรีบร้อน

ตลอดทางนั้นพวกเขาเหมือนศัตรูเจอหน้ากันจริงๆ นัยน์ตาแดงก่ำ ไม่พูดไม่จา ถึงขั้นที่ทั้งสองคนไม่พูดคุยกันแม้แต่คำเดียว

ทว่ารอบนี้กลับเดินทางได้อย่างราบรื่น ตอนที่ไปถึงวังบูรพานั้นเจิงจีก็มารออยู่หน้าประตูด้วยตนเองแล้ว

“ใต้เท้าเหยียนหลิง!” พอเห็นบุรุษสองคนขี่ม้าเข้ามา เจิงจีก็รีบก้าวลงบันไดไปต้อนรับอย่างว่องไว เขาเอ่ยทักทายเหยียนหลิงจวินก่อน แล้วค่อยมองหลัวเถิงที่มาด้วยกันข้างๆ ว่า “หลัวซื่อจื่อ นี่ท่าน…ทำไมวันนี้ว่างมาเยือนวังของพวกเราได้ขอรับ?”

“ก่อนหน้านี้ข้าเจอใต้เท้าเหยียนหลิงในวัง จึงถือโอกาสมากับเขาด้วย เมื่อวานท่านหญิงให้การต้อนรับ ข้าว่าจะมาขอบคุณท่านหญิงสักหน่อย!” หลัวเถิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

คนหนุ่มทุกคนล้วนมีปณิธานอันแรงกล้าที่จะแทรกซึมเข้าไปในชนชั้นขุนนางเช่นไร คำพูดและการกระทำของเขาก็สุภาพเรียบร้อยไร้ช่องโหว่เช่นนั้น

เขาพูดไปก็ชะงักไปชั่วครู่แล้วเอ่ยเสริมว่า “ได้ยินว่าพระชายาล้มป่วย เมื่อวานข้าไม่รู้เรื่องจึงเสียมารยาทไปบ้าง หากวันนี้สะดวกจะได้ถามสารทุกข์สุกดิบต่อหน้าพอดี!”

เจิงจียิ้มมุมปาก…

เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลัวเหว่ยกับหลัวฮองเฮานั้นลึกลับซับซ้อน ส่วนความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างฉู่อี้อันกับหลัวฮองเฮาก็เข้ากันไม่ค่อยได้ ถึงแม้จวนหลัวกั๋วกงจะเป็นบ้านแม่ของเขา แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไปมาหาสู่กันอย่างผิวเผิน

อยู่ดีๆ หลัวเถิงกระตือรืนร้นขึ้นมาแบบนี้ เจิงจีก็พอจะเข้าใจสาเหตุได้ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่กระแอมกลบเกลื่อนว่า “ทั้งสองท่านเชิญเข้ามาเถอะ!”

เขาพูดจบก็หันตัวเปิดทางให้ทั้งสองคน

เหยียนหลิงจวินยิ่งเห็นท่าทางไม่รู้ร้อนของหลัวเถิงเช่นนี้ยิ่งโมโห แต่เขาก็เป็นคนแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีประสบการณ์ในการเข้าสังคมชนชั้นขุนนางซีเยว่แล้ว เวลาที่ยิ่งรู้สึกอารมณ์เสีย รอยยิ้มบนหน้าจะยิ่งหล่อเหลางดงามจนทำให้คนหวาดผวา

เหยียนหลิงจวินเดินนำเข้าไปก่อน เขาอมยิ้มเหลือบมองหลัวเถิงและเอ่ยหยอกล้อว่า “หลัวซื่อจื่อมาเยี่ยมไข้จริงหรือ? มาเยี่ยมมือเปล่าเช่นนี้ ท่านคิดว่าเหมาะสมหรือ? จะกลับไปเตรียมของขวัญก่อนแล้วค่อยมาใหม่หรือไม่? จะได้ไม่เสียมารยาทต่อหน้าคนอื่น!”

——————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน