สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 48.2

ตอนที่ 48.2

หลี่รุ่ยเสียงไม่อาจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อีกต่อไปแล้ว จึงหันไปกล่าวกับขันทีผู้น้อยที่อยู่ด้านข้าง “ไปบอกกล่าวกับพ่อบ้านเจิงหน่อยเถิด ให้เขาได้ช่วยหาดู”

“เจิงจีน่าจะอยู่ช่วยในงานเลี้ยงด้านนั้นกระมัง?” ฉู่สวินหยางครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวถามกับชิงเถิง

“เจ้าค่ะ!” ชิงเถิงตอบ เข้าใจได้อย่างทันที “อย่างไรก็ให้บ่าวไปดีกว่าเจ้าค่ะ จะได้ไม่เป็นที่ตกใจของฝ่าบาทและแขกคนอื่นๆ จะทำให้ทุกคนเป็นกังวลได้”

ที่นี่อย่างไรก็เป็นวังบูรพา หลี่รุ่ยเสียงจึงมิอาจพูดอะไรได้มาก

อีกทั้งที่เขาออกมาจากงานเลี้ยงก็เพราะพบว่างานเลี้ยงเริ่มแล้ว แต่กลับไร้ร่องรอยของชิ่งเฟย แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีสัญญาณแปลกๆ อันใด แต่เขาก็ไม่อาจประมาทได้…

ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับชิ่งเฟย

ดังนั้นยิ่งเคลื่อนไหวให้เงียบได้มากเท่าไรก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น

มองตามหลังชิงเถิงจากไป สุ่ยอวี้ก็ยังคงร้อนใจจนน้ำตารินไหลออกมา ฉู่สวินหยางหันไปมองทางหลี่รุ่ยเสียงอีกครั้ง “นิสัยของพี่รองนั้นสุขุมเยือกเย็น หากมีเรื่องอันใด ก็มิอาจถึงกับปิดเงียบขนาดนี้ได้หรอก ข้าจะไปดูนางตรงนั้นสักหน่อย ท่านหัวหน้าขันที ท่านก็รีบกลับไปอยู่ข้างกายฝ่าบาทก่อนเสียเถิด!”

หลี่รุ่ยเสียงยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเงียบเชียบพลางกล่าว “ความปลอดภัยของท่านหญิงรองย่อมสำคัญกว่า ให้บ่าวไปกับท่านหญิงด้วยเถิด!”

ฉู่สวินหยางอยากจะปฏิเสธ ทว่าเขากลับส่งยาสร่างเมาในมือให้กับขันทีผู้น้อยข้างกายไปแล้ว “เจ้านำไปให้ฝ่าบาทก่อนเถิด ประเดี๋ยวอีกสักพักพวกเราจะตามไป!”

“ขอรับ ท่านหัวหน้าขันที!” ผู้รับใช้คนนั้นรับคำสั่งก็ยกกล่องยานั้นออกไปก่อน

ฉู่สวินหยางเผยสีหน้าลำบากใจมองดูเขา หลี่ลุ่ยเสียงกลับยังคงท่าทีสบายๆ ไว้ กล่าวด้วยสีหน้าเดิมเช่นเคย

“เชิญท่านหญิงเถิดขอรับ!”

ฉู่สวินหยางเผยรอยยิ้มออกมาอย่างจนใจ ยกฝีเท้าก้าวเดินไปด้านหน้า

สุ่ยอวี้รีบก้าวเดินตามขึ้นไป “ตั้งแต่เช้าท่านหญิงและบ่าวออกมาด้วยกัน หลังจากนั้นบ่าวก็กลับไปค้นหาครั้งหนึ่ง แต่นางไม่ได้กลับมาเจ้าค่ะ!”

“ไม่แน่ว่าเวลานี้ก็อาจจะกลับไปแล้ว มิเช่นนั้นพี่รองจะไปที่ไหนได้อีก?” ฉู่สวินหยางกล่าวอย่างใจลอย ยังคงก้าวเท้าไปต่ออย่างรวดเร็ว

หลี่รุ่ยเสียงเงยหน้าเหลือบมองแผ่นหลังนางเป็นครั้งคราว แววตาที่ราบเรียบไร้คลื่นอย่างทุกครั้งนั้น กลับแฝงด้วยความซับซ้อนอยู่บ้าง

ฉู่สวินหยางใช้หางตาเหลือบมองปฏิกิริยาของเขา กลับไม่ได้สนใจอะไรนัก…

นางไม่กลัวว่าหลี่รุ่ยเสียงจะสามารถคาดเดาอะไรได้ เพียงแค่ไม่ให้เขาจับได้อย่างตรงๆ แม้ว่าจะไปอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ คนผู้นี้ก็มิอาจพูดเหลวไหลอะไรได้

แต่จะว่าไปแล้ว เรื่องครั้งนี้ยังเป็นพวกเขาที่ประเมินฮ่องเต้ต่ำไป ทั้งยังประมาทการเคลื่อนไหวของหลัวอวี่ก่วนด้านนั้น ไม่คาดคิดว่าก่อนว่าฮ่องเต้จะล่วงรู้เรื่องที่หลัวอวี่ก่วนตั้งท้องอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งยังตัดสินใจในทันที ใช้ชิ่งเฟยมาวางแผนเพื่อจะกำจัดซูอี้ออกไป

แม้ว่าซูอี้จะคลี่คลายปัญหาทางเป่ยเจียงให้เขา ท้ายที่สุด…

เขาก็ยังคงไม่อาจหลงเหลือซูอี้ที่เป็น ‘คนสกุลซู’ เอาไว้ได้

เพียงแค่วางแผนผูกหลัวอวี่ก่วนไว้กับซูอี้ คล้อยหลังเมื่อเรื่องราวของหลัวอวี่ก่วนและซูหลินถูกเปิดเผยออกมา เวลานั้นซูอี้ก็จะไม่อาจแก้ตัวได้ ถูกมัดลงกับเรือกบฏลำนั้นของสกุลซูอย่างทันที

ฮ่องเต้อยากที่จะกำจัดเขา นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

แต่ว่าชิ่งเฟยที่ทำการล้มเหลว ก็เป็นการตัดโอกาสทั้งหมดไปเสียสิ้น

หากไม่สามารถส่งหลัวอวี่ก่วนไปกับซูอี้ได้ เช่นนั้นแม้ว่าข่าวที่นางตั้งท้องสายเลือดของสกุลซูรั่วออกมา ที่ตายนั้น…

ก็จะมีเพียงแต่สกุลหลัวเท่านั้น

อีกทั้งหลัวฮองเฮาเพิ่งจะจากไปไม่นาน หากเวลานี้จะลงมือกับสกุลบ้านของนาง ข่าวลือด้านนอกก็คงจะฟังดูไม่ค่อยดีสักเท่าไร

ดังนั้นจึงตัดสินใจลงมืออย่างฉับพลัน ฉู่อี้อันให้คนไปรายงาน ฮ่องเต้ก็ทนไม่ไหวรีบตามมากดเรื่องนี้ไว้อย่างทันที พายเรือตามน้ำจัดการทำให้เป็นเรื่องรักใคร่ชู้สาวของฉู่อี้ชิงแทน

จะว่าไปแล้ว ฉู่อี้ชิงก็นับว่าได้เสียรู้แทนพ่อตัวเองไปครั้งหนึ่งเช่นกัน

แล้วด้านของชิ่งเฟยล่ะ?

นางมีควากล้ามาวางแผนชั่วถึงวังบูรพา แม้ว่าจะตายก็มิผิดแต่อย่างใด

คนกลุ่มนี้รีบเร่งเดินไปยังทิศทางของเรือนจิ่นเซ่อ ผ่านสวนดอกไม้ไปอีกแห่งก็เป็นประตูใหญ่ของเรือนจิ่นเซ่อ ทางเล็กๆฝั่งตรงข้ามนั้นกลับปรากฏร่างของฉู่เยว่ซินเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า

นางเดินช้าเป็นอย่างมาก ระหว่างที่เดินนั้นก็เอาแต่ก้มหน้าหลุบตามองต่ำ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

“ท่านหญิง!” สุ่ยอวี้เห็นนางอยู่ไกลๆ ชั่วขณะนั้นก็ดีใจจนน้ำตาไหล ยกกระโปรงขึ้นรีบวิ่งเข้าไปหา “ท่านไปอยู่ที่ไหนมาเจ้าคะ? ให้บ่าวหาเสียนาน!”

“ข้า…” ฉู่เยว่ซินอยากจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นฉู่สวินหยางและหลี่รุ่ยเสียงที่กำลังเดินเข้ามา จู่ๆ คำพูดก็ชะงักไป

สีหน้าของนางดูไม่ดีเป็นอย่างมาก ภายใต้ความอ่อนแอนั้นยังแฝงด้วยความซีดขาวอยู่รางๆ

“พี่รองไปอยู่ที่ใดมา? สุ่ยอวี้หาท่านไม่พบ ร้อนใจจนร้องไห้ออกมาครั้หนึ่งแล้ว!” ฉู่สวินหยางกล่าว เผยสีหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มส่งให้นาง

ฉู่เยว่ซินมองเห็นเงาในนัยน์ตาที่พร่างพราวของนาง แววตาก็สั่นไหว แฝงไปด้วยท่าทีซับซ้อนอย่างแปลกประหลาด ตะลึงอยู่สักพักจึงพยายามเม้มริมฝีปาก ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ข้ามาเดินเล่นในสวนดอกไม้จนลืมเวลา ตอนนี้…”

ขณะที่นางพูด ก็แสร้งทำเป็นสงบสติอารมณ์มองไปยังงานเลี้ยง “งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้วหรอกหรือ?”

“ใช่แล้ว ฝ่าบาทก็เสด็จมา เวลานี้ท่านพ่อและท่านลุงท่านอาทุกพระองค์ล้วนอยู่ร่วมกันหมดแล้ว!” ฉู่สวินหยางกล่าว เผยยิ้มเล็กน้อย “พวกเราก็ไปที่นั่นเถิด!”

ฉู่เยว่ซินอยากจะตอบรับ แต่ว่านิ้วมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อนั้นกลับสั่นขึ้นมาอย่างรางๆ ลังเลไปชั่วครู่ ท้ายที่สุดกลับกล่าวเสียงต่ำ “ตอนที่เพิ่งจะเดินผ่านสวนดอกไม้…กระโปรงของข้าเปื้อนน้ำ ข้า…ต้องกลับไปเปลี่ยนเสียหน่อย!”

“เช่นนั้นข้าจะรอท่านที่นี่!” ฉู่สวินหยางกล่าว

ฉู่เยว่ซินมองเห็นรอยยิ้มยินดีบนใบหน้าของนาง ก็รู้สึกขมขื่น ทั้งยังสั่นสะท้านอยู่ในใจ แต่ก็ยังคงฝืนยิ้มออกมา

“มาจนถึงประตูใหญ่แล้ว เจ้าก็เข้าไปกับข้าเสียสิ”

ขณะที่พูดก็มองไปทางหลี่รุ่ยเสียงที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ลำบากท่านหัวหน้าขันทีเสียแล้ว อย่างไรก็เข้าไปดื่มชาก่อนแล้วค่อยไปเถิด!”

แววตาของหลี่รุ่ยเสียงนั้นกวาดมองบนร่างของสองพี่น้องไปที กลับรู้ได้อย่างทันที…

ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องนี้ก็ไม่เหลือเส้นทางให้เขาวกกลับอีกแล้ว

ฉู่เยว่ซินหมุนกายพาทั้งสองคนเดินไปยังทางเรือนจิ่นเซ่อ

หลานซีที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินมา ขณะนั้นก็ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง โกยแนบเข้าไปในเรือนอย่างทันที

สุ่ยอวี้ตาดีมองเห็นก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาโดยพลัน “มีขโมย!”

พูดยังไม่ทันจบ หลี่รุ่ยเสียงก็สั่งด้วยสายตากับขันทีผู้น้อยที่อยู่ด้านข้าง ทว่าปฏิกิริยาของชิงเถิงกลับเร็วกว่าเขามาก ยกกระโปรงวิ่งตามเข้าไปติดๆ แล้ว

หลานซีถลาเข้าไปอย่างล้มลุกคลุกคลาน จึงค่อยไปถึงหน้าประตู ด้านหลังชิงเถิงก็ตามมาถึงแล้ว นางจับไหล่หลานซีไว้ก่อนจะเหวี่ยงออกไป จากนั้นก็ใช้เท้าเตะเปิดประตูห้องออก

ด้านหลังมีหลี่รุ่ยเสียงวิ่งตามมาเป็นคนที่สอง อยากจะห้ามไว้แต่ก็ไม่ทันแล้ว

บนเตียงปรากฏร่างคนสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ การกระทำนั้นได้ชะงักลงอย่างกะทันหัน หลัวเสียงหวนสติกลับคืนไม่ทันไปชั่วครู่ ทั้งยังไม่ทันถอนกายออกไป เพียงแต่หันมองไปทางด้านนั้นอย่างไม่รู้ตัว

—————————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน