สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 49.2

ตอนที่ 49.2

ในความเป็นจริงแล้วเวลาที่หลี่รุ่ยเสียงออกไปก็ไม่ได้นานมากนัก หลังจากนั้นสักพักเขาก็พาฮ่องเต้และฉู่อี้อันเดินเข้ามาเพียงสองคน ไม่มีใครเดินตามหลังมา

มองดูแล้วถ้าหากไม่ใช่ฉู่สวินหยางและฉู่เยว่ซินที่เป็นคนพบเห็นการณ์นี้เข้า เรื่องนี้ฉู่อี้อันเองก็คงไม่คิดอยากจะยื่นมาเข้ามาเกี่ยวด้วย

สองพ่อลูกสีหน้าไม่สู้ดีเท่าที่ควร พวกเขาสาวเท้าเดินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว

โดยเฉพาะฮ่องเต้ ใบหน้าของเขามืดมน แววตาเย็นชาน่ากลัวราวกับว่าปล่อยมีดออกมาได้ตลอดเวลา

“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท เสด็จพ่อ!” ฉู่สวินหยางก้มลงย่อตัวทำความเคารพ

ฉู่เยว่ซินรีบดึงสติกลับมาแล้วทำความเคารพตาม “ฝ่าบาท เสด็จพ่อ!”

ฮ่องเต้เดินเข้าไปด้านในห้องโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา อีกทั้งยังไม่ปรายตามองพวกนางสองคนเลยด้วยซ้ำ

หลี่รุ่ยเสียงรีบเดินนำหน้าเปิดประตูให้เขา

ในขณะเดียวกันนั้นเองชิ่งเฟยกับหลัวเสียงที่อยู่ด้านในก็ได้ยินเสียงด้านนอกขึ้น เลยรีบหมอบคลานลงไปบนพื้น

เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าสงสัย พวกเขาสองคนเลยตั้งใจนั่งห่างกันเป็นพิเศษ ชิ่งเฟยนั่งคุกเข่าอยู่ทางฝั่งประตู ส่วนหลัวเสียงคุกเข่าอยู่ในห้องระยะห่างจากอีกฝ่ายไปประมาณสองจั้ง[1]ได้

เตียงและผ้าห่มที่อยู่ด้านในห้องถูกจัดให้เป็นเรียบร้อยขึ้นอย่างรีบร้อน แต่มันกลับกลายเป็นเบาะแสสำคัญที่เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดในห้องนี้เลยเสียด้วยซ้ำ

“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท!” ชิ่งเฟยรีบเข้าไปก้มหัวคำนับ กดตัวลงจนร่างกายแนบพื้น

ฮ่องเต้ก้าวเท้าข้ามธรณีประตู เขาใช้พละกำลังไปมาก กว่าจะอดทนกลั้นความรู้สึกนั้นเอาไว้ได้ เขาไม่ได้ข้ามไปในทันที มือที่ไพล่อยู่ด้านหลังลำตัวกำไว้แน่น จนเสียงข้อนิ้วดังกรอบ

หลัวเสียงที่อยู่ด้านหลังไม่ส่งเสียงใดออกมา ตัวของเขาสั่นเทิ้มราวกับลูกเต๋าก็ไม่ปาน

ก่อนหน้านี้ตอนเรื่องของหลัวอวี่ก่วน เขาก็เคยสัมผัสมาแล้วว่าฮ่องเต้โมโหเป็นอย่างไร ตอนนั้นเขาไม่ได้ถูกต่อว่าโดยตรง เขาเลยไม่สนใจรู้ร้อนเท่าไรนัก แต่ครั้งนี้เขาเองก็ตกใจกลัวจนจิตใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปตั้งนานแล้ว

แววตาของฮ่องเต้เย็นยะเยือกเฉียบคมราวกับหิมะ ปรายตามองไปยังแผ่นหลังของทั้งสองคนที่คลานอยู่บนพื้น

สำหรับอารมณ์ของเขา ยังไงชิ่งเฟยก็เข้าใจและรู้จักมันดีกว่าหลัวเสียงอยู่แล้ว นางตกใจจึงร้องไห้โฮออกมาทันที พุ่งตัวเข้าไปพยายามเกาะขาฮ่องเต้เอาไว้แล้วพูดโอดครวญว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกคนอื่นใส่ร้าย ฝ่าบาทต้องทวงคืนความยุติธรรมให้หม่อมฉันด้วยนะเพคะ!”

เลือดโมโหในร่างกายของฮ่องเต้ตีขึ้น จนทำให้เขาเกือบจะตะโกนออกมา…

หากข้าช่วยเจ้า แล้วใครจะช่วยข้าเล่า?

แรงอาฆาตแผ่ซ่านออกมาทั่วทั้งกาย แต่สุดท้ายเขากลับยิ้มเย็นอย่างร้ายกาจ ก้มตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่หลี่รุ่ยเสียงเอามาให้ แล้วค่อยพูดขึ้นช้าๆ ว่า “งั้นรึ? มีคนใส่ร้ายเจ้างั้นรึ? ไหนลองเล่าให้ฟังซิ ใครกัน? ใครหน้าไหนที่มันกล้าทำแบบนี้?”

หากบอกว่าชิ่งเฟยถูกคนใส่ร้ายจริง นั่นก็หมายความว่านางคบชู้ต้องการทรยศหักหลังเขาอย่างเปิดเผยสินะ

แต่เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าตนเองดีเด่อะไร แต่ว่ากันตามตรงแล้ว บนโลกใบนี้มันไม่สมควรมีคนไร้ยางอายแบบนี้อยู่เสียด้วยซ้ำ!

“ฉู่เยว่ซิน นางมารยา เจ้าพูดมาสิ ว่าทำไมเจ้าต้องใส่ร้ายข้าด้วย?” ชิ่งเฟยเห็นรอยยิ้มนั้นของฮ่องเต้ก็รู้สึกกลัวจนเกร็งไปทั้งตัว ขนลุกชัน ชี้หน้าและตะคอกใส่ฉู่เยว่ซินที่ยืนอยู่ด้านนอกทันที

ฉู่เยว่ซินตกใจจนชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง ในขณะที่นางกำลังอ้าปากพูดเข่าก็อ่อนจนขาแทบทรุดลงพื้น

ฮ่องเต้เบนสายตามองตาม

น้ำตาของฉู่เยว่ซินไหลรินออกมาทันที นางเบิกตาโตมองชิ่งเฟยอย่างตกใจ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงราวกับจะเป็นลมได้ทุกเมื่อว่า “พระชายาพูดอะไรอยู่เพคะ? ข้า…ข้าใส่ร้ายท่านเมื่อไรกัน?”

“เจ้าจะไม่ยอมรับงั้นรึ?” ชิ่งเฟยพูดขึ้นอย่างโมโห “ถ้าเจ้าไม่ได้ใช้คนอื่นเอากระดาษมาให้ข้า ข้าจะถูกล่อให้มาที่นี่จนตกหลุมพรางเจ้าได้อย่างไรกัน? ข้าล่ะคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเด็กน้อยอายุแค่นี้ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน ถ้านับตามอายุแล้วข้าเป็นยายของเจ้าเชียวนะ แต่เจ้ากลับใช้วิธีสกปรกแบบนี้ทำลายชื่อเสียงของข้า เจ้ามันบ้าไปแล้วชัดๆ!”

ใบหน้าของฉู่เยว่ซินขาวซีด น้ำตาไหลรินอาบหน้าลงมาไม่หยุด

นางหวาดกลัวจนไม่กล้าสบตามองฮ่องเต้เพื่อพูดอธิบายอะไร จึงเพียงแค่หันกลับไปกระตุกชายเสื้อผ้าของฉู่อี้อันแล้วพูดอย่างเสียใจว่า “เสด็จพ่อ ลูกเป็นคนยังไงท่านก็รู้ ถึงพระชายาชิ่งเฟยจะไม่อยากถูกกล่าวหา แต่นางก็ไม่ควรโทษว่าข้าเป็นคนทำสักหน่อย เสด็จพ่อท่านต้องช่วยออกหน้าแทนข้าด้วยนะเจ้าคะ!”

ท่านหญิงรองแห่งวังบูรพาในสายตาของผู้คนเป็นแบบนี้นั่นแหละ ทั้งขี้ขลาดหวาดกลัว ไม่ค่อยมีตัวตน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่านางจะมีความโกรธแค้นเคืองอะไรกับชิ่งเฟยได้

“เจ้าคิดจะเล่นลิ้นคิดไม่ซื่องั้นรึ? ข้าได้ยินสาวรับใช้สองคนนั้นคาหูเลยว่า เจ้าเป็นคนสั่งแล้วหลอกล่อข้ามายังที่แห่งนี้ แถมยังวางยาข้าอีก!” ชิ่งเฟยแหกปากตะโกน

นางรู้ทั้งรู้ว่าฮ่องเต้ไม่มีทางให้อภัยเรื่องแบบนี้เด็ดขาด แต่นางก็พยายามเอาตัวรอด พยายามพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจ

“สาวใช้อะไรกันเพคะ? ข้าไม่รู้เรื่อง!” ฉู่เยว่ซินกล่าวราวกับว่ากลัวฉู่อี้อันจะไม่เชื่อนาง จึงจับชายเสื้อผ้าเขาเอาไว้แน่นพลางร้องไห้แล้วพูดขึ้นว่า “สาวรับใช้ของข้าถูกฮูหยินใหญ่เรียกตัวไปช่วยจัดงานเลี้ยงตั้งแต่เช้าแล้วเพคะ จะมีสาวรับใช้อีกที่ไหนกัน? พระชายาท่านอย่ากล่าวหากคนอื่นแบบนี้สิเจ้าคะ!”

“เจ้ายังคิดจะตุกติกอีก…” ชิ่งเฟยพูดเสียงเย็นชา ในขณะที่นางกำลังจะพูดต่อ ฉู่อี้อันก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้ามืดมนแล้วพูดว่า “ถ้าเยี่ยงนั้นพระชายาก็ชี้ตัวมาว่าสาวใช้สองคนนั้นของซินเอ๋อร์คือใคร ข้าจะได้เรียกตัวพวกนางมาให้พระชายาชี้ตัวทันที แล้วก็เอากระดาษที่ท่านบอกว่าซินเอ๋อร์เป็นคนนัดให้ท่านมาเจอออกมาด้วย เรื่องส่วนตัวของเสด็จพ่อ ข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่ามันมีเรื่องอื่นอยู่เบื้องหลังจริง เป็นความผิดของซินเอ๋อร์จริง ข้าเองก็จะไม่มีทางปล่อยให้ลอยนวลเช่นกัน!”

เขาพูดพลางก็หันไปพูดกับฉู่สวินหยางว่า “ฉู่สวินหยาง เจ้าไปเรียกสาวรับใช้ของพี่รองให้ไปรอที่เรือนข้างๆ และให้ชิ่งเฟยเป็นคนชี้นางสองคนนั้นด้วยตนเอง!”

ฉู่สวินหยางมองเข้าไปด้านในห้อง ย่อเข่าทำความเคารพแล้วขานตอบ “เจ้าค่ะ!”

พูดจบนางก็เดินออกไป

สีหน้าของชิ่งเฟยเริ่มแสดงความกังวลออกมา น้ำเสียงก็อ่อนแอลงอย่างไม่รู้ตัว “หม่อมฉัน…หม่อมฉัน ตอนนั้นหม่อมฉันถูกคนวางยา เลย…เลยเห็นหน้าสาวรับใช้นั่นไม่ชัดเพคะ!”

ริมฝีปากของฮ่องเต้โค้งเป็นรูปแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นเยาะเย้ย

ชิ่งเฟยตกใจหวาดกลัวขึ้นมาทันที รีบเปลี่ยนน้ำเสียง ชี้ไปยังฉู่เยว่ซินอย่างโมโหแล้วพูดว่า “แต่หม่อมฉันได้ยินชัดเจนเลยนะเพคะ เป็นนางนั่นแหละ ฉู่เยว่ซินนางเป็นคนที่ใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะ!”

“ข้าไม่ได้…” ฉู่เยว่ซินร้องไห้ ตัวของนางสั่นเทิ้มร้องไห้ไม่หยุด ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นคนอ่อนแอที่น่าสงสารเหลือเกิน

นางไม่ได้พยายามจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ตนพ้นผิด นางเพียงหวาดกลัวน้อยเนื้อต่ำใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลไม่ได้

ฉู่สวินหยางขมวดคิ้ว พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโหอย่างเห็นได้ชัด “พระชายาเจ้าคะ ท่านรู้ว่าตัวเองพูดออกมาโดยที่ไม่มีหลักฐานแท้ๆ ท่านบอกว่าพี่รองเป็นคนส่งจดหมายนัดให้ท่านมาพบ แต่ท่านก็ไม่กล้าเอากระดาษแผ่นนั้นออกมา อีกอย่าง…พี่รองของข้าเป็นมิตรกับคนอื่นยิ่งกว่าใคร เท่าที่ข้ารู้นางกับพระชายาไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัวสักครั้งเลยนี่เจ้าคะ? แต่ท่านกลับบอกว่านางเป็นคนใส่ร้ายท่าน? ท่านเองก็น่าจะมีเหตุผลที่น่าเหมาะสมเสียหน่อยนะเพคะ?”

“นางเป็น…” ชิ่งเฟยปริปากขึ้นมากำลังจะเอ่ยพูดขึ้น

ฮ่องเต้สั่งให้นางไปทำธุระให้ แต่ไม่ได้สั่งว่าต้องทำยังไง

แต่มันกลับมีเรื่องเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฮ่องเต้เองก็คิดออกขึ้นมา จู่ๆ ก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้น เลยหันขวับไปมองนางด้วยแววตาเย็นชา

ชิ่งเฟยตกใจอกสั่นขวัญผวา เสียงค้างอยู่ในลำคอ ในใจของนางร้องเรียกไม่หยุด แต่นางไม่กล้าพูดไปมากกว่านี้ เมื่อคิดวิเคราะห์อีกครั้งอย่างดีแล้ว จึงคลานเข้าไปกอดขาของฮ่องเต้เอาไว้แน่น แล้วพูดสะอึกสะอื้นขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันปรนนิบัติท่านมาตั้งหลายปี ท่านไม่เชื่อหม่อมฉันหรือเพคะ? หม่อมฉันสาบานได้เลยว่า หม่อมฉัน…”

“สาบานอะไร?” จู่ๆ ฮ่องเต้ก็พูดแทรกขึ้นด้วยเสียงเย็นชาแล้วเอ่ยถามกลับว่า “สาบานว่าเจ้าไม่เคยทำผิดต่อข้างั้นรึ?”

จับคนร้ายได้คาเตียงแบบนี้!

มันก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์หาความจริงอะไรแล้ว

ชิ่งเฟยถูกใส่ร้ายจนพูดอะไรออกไปก็ไม่มีใครเชื่อ นางอ้าปากจะพูด แต่สุดท้ายเสียงนั่นก็ค้างอยู่ในลำคอ

ฮ่องเต้เองก็คิดว่าวันนี้เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่แสดงสีหน้าอารมณ์ออกมาเยอะเกินไปแล้ว เขาเองก็ไม่มีความอดทนที่จะเสียเวลากับนางต่อแล้วเช่นกัน เขาจึงยืนขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก พลางพูดสั่งการขึ้นว่า “ลุกขึ้นมาเถอะ เตรียมรถกลับวังได้แล้ว! หลี่รุ่ยเสียง เจ้าจัดการเรื่องตรงนี้ต่อแล้วกัน!”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” หลี่รุ่ยเสียงขานรับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

———————————————————

[1] หนึ่งจั้งเท่ากับ 3.33 เมตร

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท