สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 18.1

ตอนที่ 18.1

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 18.1 ไล่บี้อย่างไม่ลดละ พลิกสถานการณ์ (1)
บทที่ 18 ไล่บี้อย่างไม่ลดละ พลิกสถานการณ์ (1)
โดย
Ink Stone_Romance
“อย่างไร? หัวหน้ามือปราบตู้ นี่ท่านตะโกนในห้องพิจารณาคดีรึ?” ฉู่สวินหยางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใช้สายตามองอย่างดูแคลน

“เป็นท่านที่ฆ่าคนปิดปาก!” ตู้ฉางหมิงกล่าวอย่างโมโห ความโกรธนั้นพุ่งขึ้นมาที่หน้าผาก บีบนิ้วมือที่กำใต้ชายเสื้อดังกรอดๆ

ฉู่อี้หมินเห็นเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจึงขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ยินดี กดเสียงต่ำกล่าว “เจ้ามีอะไรจะพูดแค่พูดออกมาตรงๆ ก็พอแล้ว ไม่ควรมาโหวกเหวกในห้องพิจารณาคดี!”

ตู้ฉางหมิงกัดฟัน ลังเลไปสักครู่ยังคงสงวนท่าทีไว้ประสานมือกล่าวกับเหยาก่วงไท่ที่อยู่ด้านบน “ใต้เท้า เมื่อวานตอนเที่ยงริมแม่น้ำจ้าวธารเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น สองคนที่ตายในคุกนั้นเป็นพยานที่เห็นเรื่องราวทั้งหมดกับตา แต่ในภายหลังท่านหญิงสวินหยางไปกดดันเพื่อต้องการสอบสวนสองคนนั้นส่วนตัวที่ศาลาว่าการพระนคร ทั้งยังเนื่องด้วยเรื่องนี้จึงเกิดทะเลาะกับใต้เท้ากู้ เวลานี้ใต้เท้ากู้ถูกฆ่า องค์รักษ์สองคนนั้นก็มาฆ่าตัวตายหนีความผิดอย่างบังเอิญ? ใต้เท้าไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกๆ ไปหน่อยหรือ?”

เหยาก่วงไท่ประกายสายตาวาบ ในใจรู้สึกลังเล ทว่าใบหน้ากลับเผยท่าทีหนักแน่น กล่าวด้วยเสียงต่ำ “ดังนั้นเจ้ายังคงสงสัยว่าเรื่องนี้ท่านหญิงสวินหยางเป็นคนทำ?”

“ขอรับ!” ตู้ฉางหมิงกัดฟันตอบ “ใต้เท้ากู้ตั้งไหนแต่ไรก็เป็นคนที่เข้มงวดและถ่อมตน นับครั้งได้ที่จะบาดหมางใจกับใคร เมื่อวานเพราะว่าเรื่องการสอบสวนผู้ต้องหาอย่างส่วนตัว จึงทำให้ท่านหญิงสวินหยางและใต้เท้าเกิดความขัดแย้งกันไปไม่น้อย ทะเลาะจนไม่พอใจกัน!”

“ใช่แล้วขอรับ พวกบ่าวก็เป็นพยานในเรื่องนี้ได้ขอรับ” มือปราบอีกคนก็กล่าวอย่างขุ่นเคือง “เวลานั้นท่านหญิงดึงดันจะสอบสวนผู้ต้องหา แต่ใต้เท้าของพวกเราไม่เห็นด้วย ต่อมาท่านหญิงนำฐานะราชวงศ์มากดดัน ใต้เท้าจึงจำใจต้องตอบรับคำ ในตอนที่นางใช้เครื่องมือลงทัณฑ์ในการไต่สวนสองคนนั้น แม้พวกบ่าวจะถูกไล่ออกไปหมด แต่หลังนางจากไปแล้ว สีหน้าของใต้เท้ากู้ก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ดีเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัด…เห็นได้ชัดว่าถูกคนข่มขู่ขอรับ!”

กู้ฉางเฟิงถูกคนข่มขู่? คำกล่าวขานของกู้ฉางเฟิงจากพวกลูกน้องช่างไม่เลวเลยจริงๆ!

องค์ชายและขุนนางไม่กี่คนที่นั่งข้างๆ ก็เริ่มแลกเปลี่ยนกันผ่านสายตาอย่างเงียบๆ

ฉู่อี้อันคลายมือที่จับถ้วยน้ำชาลงสักพัก กลับมีความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย เงยหน้ากล่าวกับฉู่สวินหยาง “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าวิ่งโร่ไปก่อเรื่องที่ศาลาว่าการพระนครจริงรึ?”

“ข้าไม่ได้ก่อเรื่อง!” ฉู่สวินหยางเบ้ปาก โต้แย้งเสียงเบาด้วยแฝงความไม่มั่นใจ

ฉู่อี้อันขมวดคิ้วขึ้นชั่วครู่

เหยาก่วงไท่ราวกับคิดอะไรบางอย่างออก รีบร้อนกล่าวอ้าง “ตู้ฉางหมิง ตอนที่เรื่องเกิดขึ้นเจ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หรอกหรือ? เจ้าบอกว่าท่านหญิงกับใต้เท้ากู้เกิดความขัดแย้งกัน? แล้วขัดแย้งเรื่องอะไรกันแน่?”

ตู้ฉางหมิงอ้าปากค้าง เพราะว่ามีความกังวลอยู่จึงลังเลที่จะพูดออกมา

แต่กับมือปราบคนอื่นๆ ที่ไม่ตระหนักถึงและไม่ได้คิดอะไรมาก จู่ๆ ก็มีคนกล่าวด้วยเสียงดังขึ้นทันที “ตอนนั้นท่านหญิงสวินหยาง ใช้ศาลเตี้ยลงทัณฑ์ในห้องพิจารณาคดี ทั้งยังตัดขาองครักษ์สองคนของจวนอ๋องฉางซุ่น!”

เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในห้องพิจารณาคดีที่ศาลาว่าการพระนคร สามารถกล่าวได้ว่าเป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง

มุมปากของฉู่สวินหยางยกยิ้มเย็นขึ้น ท่าทางเช่นนี้ราวกับยอมรับโดยปริยาย

ฉู่อี้หมินตบโต๊ะอย่างโมโหไปหนึ่งฉาด “เหลวไหล!”

ฉู่อี้ชิงที่ในมือเล่นจี้หยกวงหนึ่งอยู่ด้านข้างกลับยิ้มกล่าวอย่างเมตตา “สวินหยางยังอายุน้อย เด็กๆ ย่อมไม่รู้จักหนักเบา ไม่ว่าอย่างไรพี่ใหญ่ก็ยังอยู่นี่ พี่รอง ท่านจะโมโหไปไย?”

ฉู่อี้หมินแม้แต่ลูกสาวของตัวเองก็ยังสั่งสอนได้ไม่ดี เวลานี้มีสิทธิ์อันใดจะมาสั่งสอนผู้อื่นเล่า?

ฉู่อี้หมินหน้าเปลี่ยนสี กดความโกรธไว้ภายในใจ เบิกตามองเขาอย่างดุดันไปที

ใบหน้าของฉู่อี้อันกลับยังคงเป็นเหมือนเช่นเคย ไม่ต่อว่าและไม่ซักถามอันใด

จากนั้นก็ได้ยินเสียงฉู่อี้เจี่ยนที่สำลักน้ำชาอย่างไม่หยุดดังมาจากโต๊ะสุดท้าย ยกผ้าเช็ดมุมปาก หัวเราะไปพลางกล่าวไปพลาง “เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าลงมือครั้งนี้โหดเกินไปหน่อยแล้ว บอกท่านอาได้หรือไม่ บ่าวสองคนนั้นล่วงเกินอะไรเจ้า?”

ฉู่สวินหยางชำเลืองมองเขาที่ท่าทีมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น มองผ่านไปด้านข้างไม่พูดอะไรสักคำ

เหยาก่วงไท่เมื่อได้ฟังคำกล่าวหานี้แล้วก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น ใช้ค้อนทุบโต๊ะพลางกล่าว “ท่านหญิงสวินหยาง มือปราบจากศาลาว่าการกล่าวกับท่านเช่นนี้ ท่านล้วนฟังชัดเจนแล้ว เช่นนั้นข้าขอบังอาจถามท่านหนึ่งประโยค ท่านไปทำอะไรที่ศาลาว่าการพระนคร? เรื่องส่วนตัวในห้องพิจารณาคดีนั้นจะยังไม่พูดถึง แต่เหตุใดจึงให้มือปราบทั้งหมดออกไป? หรือว่ายังมีอะไรที่ปิดบังซ่อนเร้นไม่อาจให้ผู้อื่นรู้ได้?”

หากเพื่อที่จะฆ่าคนปิดปาก เหตุผลเช่นนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผลอยู่

“บ่าวหญิงของข้าหายตัวไปอย่างลึกลับ” ฉู่สวินหยางกล่าว ค่อยๆ เบนสายตา มองไปที่เหยาก่วงไท่อย่างไม่สะทกสะท้าน “แล้วเหตุใดข้าต้องไปปรากฏตัวที่ห้องพิจารณาคดีของศาลาว่าการพระนครน่ะหรือ? บ่าวของข้าหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ ข้าจึงไปร้องเรียน ขอให้ใต้เท้ากู้ช่วยตามหาคน คำอธิบายนี้ไม่ทราบว่าใต้เท้าเหยาพอใจหรือยัง?”

เหยาก่วงไท่ขมวดคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ “บ่าวของท่านหญิงหายตัวไป?”

“ใช่!” ฉู่สวินหยางเหลือบตามองไปที่ศพด้านข้าง “หากไม่ใช่เพราะว่าบ่าวของข้าหายไปอย่างไร้สาเหตุ เกรงว่าก็คงไม่มีใครจะสามารถฉวยโอกาสเช่นนี้ได้ ใต้เท้าเหยา เวลานี้ไม่ใช่ว่าเพราะข้าไม่สามารถเรียกตัวชิงหลัวออกมาพิสูจน์ความจริงต่อหน้าทุกคนได้ ดังนั้นท่านจึงยังยืนกรานว่าศพที่มาจากไหนไม่รู้นี้เป็นบ่าวของข้าอย่างนั้นรึ?”

เหยาก่วงไท่หน้าเปลี่ยนสี

ฉู่สวินหยางยังคงกล่าวต่อ “เดิมทีเรื่องนี้ข้าก็ไม่อยากป่าวประกาศออกไป เพียงแต่ในเมื่อใต้เท้าเหยากดดันข้าอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ ข้าก็ไม่จำเป็นจะต้องรักษาน้ำใจผู้อื่นอีกแล้ว ท่านฟังให้ดี บ่าวหญิงของข้านามว่าชิงหลัว จู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นี่เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อวานยามบ่าย หากใต้เท้าเหยายังมีข้อสงสัยสามารถดึงตัวองครักษ์ของจวนข้าหรือจะสอบถามจากกองบัญชาการทหารเมืองเก้าก็ได้ ว่าเมื่อวานตอนบ่ายข้าไปร้องขอพวกเขาให้ช่วยตามหาคนจริงหรือไม่”

เหยาก่วงไท่แม้จะไม่รู้เรื่องราวการหายตัวไปของชิงหลัวทั้งหมด แต่วังบูรพาที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังคนเป็นจำนวนมาก ทั้งด้านกองบัญชาการทหารม้าเมืองเก้าที่เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ เขาก็ล้วนแต่ได้ยินมาบ้าง หากว่านั่นเป็นเพราะตามหาชิงหลัวจริงๆ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็คงต้องพิจารณาดีๆ แล้ว

“เรื่องนี้จะยังคงไม่พูดถึงก่อน เวลานี้ข้าได้รับผิดชอบคำสั่งของฝ่าบาทในการพิจารณาคดีการลอบสังหารของใต้เท้ากู้!” เหยาก่วงไท่ตั้งสติกล่าว “ท่านหญิง ท่านบอกว่าตัวท่านไปศาลาว่าการพระนครเพื่อร้องเรียน เรื่องนี้มีใครสามารถเป็นพยานได้หรือไม่?”

“ข้าเข้าไปยังศาลาว่าการพระนคร ผู้คนก็ต่างจ้องมองอยู่ ใต้เท้าเหยา ไม่ใช่ว่าท่านก็รู้อยู่แล้วหรอกหรือ? ยังต้องการพยานอะไรอีก? หากไม่ใช่เพื่อต้องการร้องเรียน หรือข้าจะไปห้องพิจารณาคดีเพื่อดื่มชากันล่ะ?” ฉู่สวินหยางย้อนถามกลับ

“ท่านหญิง ขอท่านอย่าได้พูดจาเล่นลิ้น ท่านเข้าไปศาลาว่าการเป็นเรื่องจริง แต่ว่าใครสามารถเป็นพยานให้ท่านได้ว่าท่านไปหาใต้เท้ากู้เพื่อขอให้เขาช่วยตามหาบ่าวของท่าน ไม่ใช่ว่าเพื่อจุดประสงค์อื่น?” เหยาก่วงไท่ยิ้มเย็น เผยใบหน้าเย้ยหยัน “ตอนนี้หัวหน้ามือปราบตู้กล่าวต่อหน้าว่าท่านใช้ศาลเตี้ยไต่สวนผู้ต้องหาและยังลอบแก้แค้นที่เกิดความบาดหมางกับใต้เท้ากู้ เรื่องนี้ท่านยอมรับหรือไม่?”

“ข้าไม่ยอมรับ!” ฉู่สวินหยางตอบอย่างหนักแน่น ใช้ใบหน้าราบเรียบมองดูเข้าตรงๆ “ข้าและใต้เท้ากู้แทบจะไม่ค่อยไปมาหาสู่กัน แล้วเหตุใดจะต้องลอบแก้แค้นเล่า?”

ตู้ฉางหมิงขบกรามแน่น เนื่องด้วยอดกลั้นเป็นอย่างมาก ขมับนั้นจึงกระตุกจนมองเห็นได้อยู่รางๆ

กู้ฉางเฟิงนั้นเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อเขา แม้ว่าเพราะการตายของกู้ฉางเฟิงจึงทำให้เขาเกิดความโมโห แต่ก่อนหน้านี้ที่

ฉู่สวินหยางเปิดเผยเรื่องราวเบื้องหลังของกู้ฉางเฟิงนั้นก็น่าขายหน้าอยู่จริงๆ ทั้งยังสามารถทำให้กู้ฉางเฟิงต้องรับโทษได้ พูดได้ว่าแม้ตายไปแล้วชื่อเสียงดีงามก็ยังเก็บไว้ไม่ได้ด้วย

ความลังเลของเขาตกอยู่ในดวงตาของฉู่สวินหยาง นางยิ้มเย็นขึ้นมา “ใต้เท้าเหยา คำพูดของข้านั้นพอที่จะให้ท่านเข้าใจได้หรือยัง? แม้แรงจูงใจก็ยังไม่มี ตอนนี้ก็อาศัยเจ้าที่แม้แต่ศพของผู้หญิงก็แยกแยะไม่ออก ยังจะมากล่าวหาว่าข้าคิดร้ายกับขุนนางในราชสำนักคนหนึ่งงั้นหรือ? หากวันนี้เจ้าไม่สามารถชี้แจงเหตุผลที่เหมาะสมมาให้ข้าได้ ประเดี๋ยวข้าก็จะเข้าวังทันที ขอให้เสด็จปู่คืนความเป็นธรรมให้กับข้า! ท่านน่าจะรู้ ความลำบากในคุกเมื่อคืนวานนั้นข้าคงไม่อาจกล้ำกลืนฝืนทนเก็บไว้ได้หรอก! ”

การกดดันไล่บี้ของฉู่สวินหยางเช่นนี้ ทั้งยังดึงฮ่องเต้ออกมาหนุนหลัง หน้าผากของเหยาก่วงไท่จึงปรากฏเหงื่อเย็นอยู่บ้าง แต่ก็แสร้งทำเป็นทุบค้อนลงบนโต๊ะด้วยความใจเย็น กล่าวกับตู้ฉางหมิง “ตู้ฉางหมิง เมื่อคืนวานในตอนที่เจ้ามาร้องเรียนไม่ใช่กล่าวว่าท่านหญิงสวินหยางและใต้เท้ากู้เกิดความขัดแย้งกันหรอกหรือ มีแรงจูงใจในการฆ่าคนที่แน่ชัดหรือไม่? มิสู้กล่าวตามจริงออกมา?”

ตู้ฉางหมิงนั้นยากที่จะลงจากหลังเสือ ยังคงสองจิตสองใจขบกรามแน่นขนัด

ฉู่อี้อันกวาดสายตาเรียบเย็นมองทีหนึ่ง กล่าวเสียงต่ำ “ในห้องพิจารณาคดี เจ้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆ อย่าได้ปิดบัง!”

ตู้ฉางหมิงพินิจอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดก็กล่าวราวกับตัดสินใจได้ “เมื่อวานท่านหญิงไปที่ศาลาว่าการได้พูดถึงเรื่องบ่าวหญิงหายตัวไปจริงๆ ขอรับ แต่ไม่ได้มาเพื่อร้องเรียน กลับบีบบังคับให้ไต่สวนองครักษ์ทั้งสองคนจากจวนอ๋องฉางซุ่น ทั้งยังใช้เครื่องมือลงทัณฑ์ กล่าวว่า..กล่าวว่าสงสัยว่าเรื่องที่บ่าวของนางหายตัวไปจะเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องฉางซุ่น เวลานั้นใต้เท้าของข้าไม่เห็นด้วยกับการตั้งศาลเตี้ยลงทัณฑ์ ทั้งสองคนจึงเกิดขัดแย้งกันขึ้นมาขอรับ!”

เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไป ตอนนี้ที่ทำได้ก็มีเพียงรักษาชื่อเสียงของใต้เท้ากู้ที่ล่วงลับไปแล้ว พยายามที่จะไม่เอาเรื่องที่เขาไม่เชื่อฟังประสงค์ของฝ่าบาทหลุดออกมา

แท้จริงแล้วตู้ฉางหมิงคนนี้ก็ไม่ได้นับว่าโง่ เมื่อถึงเวลานี้ก็เริ่มกระจ่างขึ้นมาแล้ว ฉู่สวินหยางที่ยอมลดตัวมาประชันฝีปากกับคนต่ำต้อยอย่างพวกเขาในห้องพิจารณาคดี การไล่บี้อย่างไม่ลดละนี้ ท้ายที่สุดจุดประสงค์ก็คือเพื่อที่จะอาศัยชื่อจวนอ๋องฉางซุ่นออกมาจากปากเขาก็เท่านั้น

————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน