สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 60.2 องค์รัชทายาทช่างร้ายกาจ! (2)

บทที่ 60.2 องค์รัชทายาทช่างร้ายกาจ! (2)

ทหารส่วนตัวคนนั้นของฉางซือหมิงรีบห้อตะบึงม้ากลับไปยังค่ายด้วยความรวดเร็ว

เขาเป็นคนข้างกายของฉางซือหมิง จึงไม่มีผู้ใดขัดขวางเขาไว้ เพียงแค่เมื่อเห็นเขามีท่าทีราวกับร้อนใจ ก็ทำให้เกิดความโกลาหลและเสียงซุบซิบขึ้นอย่างไม่น้อย ทว่าเขากลับไม่มีเวลามาสนใจ ควบม้าตรงไปยังกระโจมที่ไม่สะดุดตาหลังหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของค่ายอย่างทันที

กระโจมหลังนี้ถูกรายล้อมไปด้วยกระโจมมากมาย มองดูแล้วไม่ค่อยสบายตานัก ทั้งยังดูธรรมดาไม่แปลกอันใด แต่หากเป็นคนที่มีการสังเกตที่เฉียบคมเดินเข้ามาใกล้ก็คงจะค้นพบได้ไม่ยากว่ารอบบริเวณถูกกางกั้นไว้ด้วยตาข่ายที่มองไม่เห็น ทั้งถูกปกปิดอย่างแน่นหนา ยากที่จะบุกทะลวงเข้ามา

คนของฉางซือหมิงเข้ามา ก็ไม่ได้ไปสะกิดโดนกับดักที่กลบซ่อนไว้ของที่นี่ เพียงแต่มีทหารที่เฝ้าอยู่นอกประตูเดินเข้ามาถามเท่านั้น “มีเรื่องอันใด?”

“เกิดเรื่องขึ้นที่สนามรบ เป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างมาก ข้าได้รับคำสั่งให้มากล่าวรายงานกับฝ่าบาท” ทหารผู้นั้นกล่าว พลางพลิกกายลงจากหลังม้า ช่วงเวลาที่กลับมานี้ แม้จะผ่านไปเพียงชั่วครู่ ทว่าเขากลับเหงื่อไหลอาบจนท่วมตัวไปตั้งนานแล้ว รีบยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดอย่างลนลาน แม้จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยากจะพูดออกมา แต่ก็ยังคงฝืนใจกล่าวไปตามจริง

“แม่ทัพฉางถูกคุมตัวเอาไว้!”

ทหารผู้นั้นฟังจบ ก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ รีบเร่งหมุนกายเข้าไปในกระโจม ไม่นานนัก เมื่อออกมาอีกครั้งก็ผงกศีรษะเล็กน้อยให้เขาอยู่ไกลๆ

ทหารผู้นั้นไม่มีเวลาจะมาสนใจอะไรมาก รีบฟื้นคืนท่าทีก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน

ด้านนอกกระโจมนั้น เมื่อมองแล้วดูแสนจะธรรมดา ทว่าด้านในกลับตกแต่งด้วยความประณีตหรูหราเป็นอย่างมาก ทั่วทั้งพื้นปูด้วยพรมขนแกะหนา ดูขาวโพลนสบายตายิ่ง เครื่องเรือนล้วนเป็นชุดไม้หวงฮวาหลีอย่างดี ถูกแกะสลักอย่างงดงาม ทุกรายละเอียดแม้เล็กน้อยก็ล้วนแต่ถูกจัดการอย่างได้มาตรฐาน ทั้งเครื่องตกแต่งที่ถูกจัดวางก็เป็นของคู่บ้านคู่เมืองเช่นกัน

ในกระโจมนั้นถูกแบ่งเป็นห้องด้านนอกและด้านใน ด้านในมีเตียงนุ่มลักษณะเป็นทรงกลมหลังหนึ่ง แขวนด้วยผ้าม่านสีม่วงเข้ม บนเตียงถูกจัดการอย่างสะอาดสะอ้าน ผ้าห่มก็ได้พับเก็บด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย

ด้านนอกมีโต๊ะเขียนหนังสืออยู่ด้านหลัง ที่นั่นปรากฏร่างชายหนุ่มที่มีใบหน้าคมคายกำลังพลิกอ่านจดหมายจำนวนหนึ่งอยู่

เขามีท่าทีผ่อนคลายอยู่บ้าง หยัดร่างครึ่งหนึ่งพิงกับตั่งเอาไว้ มองดูแล้วให้ความรู้สึกเหนื่อยหน่ายอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อมองลึกลงไปก็จะพบว่า เวลานี้เขากำลังอยู่ในท่าทีที่ตั้งอกตั้งใจเป็นอย่างมาก

“หลี่เหวยบอกว่าเกิดเรื่องกับแม่ทัพฉางอย่างนั้นรึ?” ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา เขาก็กล่าวขึ้นมาอย่างเรียบนิ่งโดยไม่ได้หันหน้าไป

“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารผู้นั้นคุกเข่าลงไปข้างเดียว กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายใจ “แม่ทัพฉางไม่ทันระวังจึงถูกคุมตัวเอาไว้ อีกฝ่ายกล่าวว่าฝ่าบาทต้องไปที่นั่นด้วยตนเอง มิเช่นนั้น…เกรงว่าแม่ทัพฉางจะมีอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”

“ถูกคุมตัวเอาไว้?” ชายหนุ่มเมื่อได้ยิน ก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ในน้ำเสียงนั้นดูมีความสนใจเป็นอย่างมาก “ภายใต้กองกำลังนับหมื่น เขายังมีจุดอ่อนอยู่ในมืออีกหรือถึงมาถูกจับได้เช่นนี้? ดูแล้วคงเป็นข้าที่ประเมินฝีมือฉู่ฉีเหยียนต่ำไป!”

“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารผู้นั้นรีบตอบอย่างลนลาน ใบหน้านั้นแดงก่ำ ยิ่งเผยท่าทีน่าละอายอย่างชัดแจ้งให้เห็นออกมา กล่าวอย่างกัดฟัน “ไม่ใช่ซื่อจื่อหนานเหอพ่ะย่ะค่ะ เป็นท่านแม่ทัพที่ประมาทไปชั่วครู่ จึงติดกับดักของท่านหญิงสวินหยางเข้า ถูกนางคุมตัวเอาไว้ เวลานี้ทัพทั้งสองฝ่ายต่างก็หยุดชะงักอยู่ด้านนอกค่าย ไม่ว่าแม่ทัพฉางจะพูดอันใดนางก็ไม่ยอมฟังสักนิด กล่าวเพียงว่าจะต้องเป็นฝ่าบาทเสด็จไปด้วยตนเองเท่านั้น จึงจะปล่อยตัวแม่ทัพพ่ะย่ะค่ะ!”

ไม่ใช่ฉู่ฉีเหยียน? แต่เป็นฉู่สวินหยาง?

ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินฉู่สวินหยางและฉางซือหมิงคุยกันอยู่นอกกระโจม เขาเพียงแค่คิดว่าเด็กสาวคนนี้มีนิสัยกล้าหาญเท่านั้น แต่ถึงขนาดสามารถควบคุมตัวฉางซือหมิงต่อหน้ากองกำลังทหารนับหมื่นเชียวหรือ?

“หื้ม?” มือของชายหนุ่มที่จับพู่กันนั้นสั่นเล็กน้อย เบนสายตาไปมองอย่างสงสัย

ทหารผู้นั้นตกใจ รีบเร่งก้มหน้าลงไป

ชายหนุ่มมองเขาอย่างพินิจ ในแววตานั้นยากที่จะคาดเดาความรู้สึกได้ “นางมิใช่ถูกพิษพันราตรีมิสร่างหรอกรึ?”

สิ่งนั้นไม่ได้มียาที่สามารถถอนพิษได้ จุดนี้แทบที่จะไม่ต้องสงสัย

ทหารผู้นั้นก็มีสีหน้าสับสนอย่างยากที่จะเชื่อ กล่าวออกไปอย่างขมขื่น “ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกนางเล่นละครตบตาเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่ต้นนางก็คงจะเล่นละครเพื่อที่จะใช้โอกาสควบคุมตัวแม่ทัพฉางเอาไว้”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้น ใช้แรงขบริมฝีปาก ไม่ปริปากพูดออกมา

ทหารผู้นั้นรอจนผ่านไปชั่วครู่ ก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจ จึงลองกล่าวหยั่งเชิงออกไป “แม่ทัพฉางถูกคุมตัวเอาไว้ นางกล่าวว่าให้เชิญฝ่าบาทไปพูดคุยด้วยกันต่อหน้าพ่ะย่ะค่ะ”

ชายหนุ่มกระชับคิ้วแน่นอย่างครุ่นคิด สายตานั้นจมดิ่งในห้วงลึกอยู่บ้าง

ครั้งนี้เขาลงไปลาดตระเวนทางเจียงหนาน การดูแลทางค่ายทหารกลับไม่ได้อยู่ในราชโองการของฮ่องเต้ ตัวเขาอยู่ที่นี่ ก็เพราะมั่นใจว่าฉางซือหมิงเป็นคนที่เขาเชื่อถือได้ คงไม่ทำให้ร่องรอยของเขาปรากฏออกไป

และคนที่รู้ถึงการเดินทางครั้งนี้ของเขาจริงๆ ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

เวลานี้เมื่อเรื่องเปิดเผยออกมาอย่างโจ่งแจ้งแล้ว…

เขาไม่กลัวว่าทางซีเยว่จะมีความสามารถทำอะไรเขาได้หรอก เพียงแต่หากข่าวถูกส่งกลับไปยังเมืองหลวง และถูกพวกพี่น้องที่จ้องจะเล่นงานพวกนั้นนำไปแพร่งพรายให้ฮ่องเต้เกิดความแคลงใจ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าได้ไม่คุ้มเสียแล้ว

“องค์ชาย นางกล่าวว่าให้เวลาพระองค์พิจารณาแค่หนึ่งก้านธูปเท่านั้น” ทหารผู้นั้นเห็นเขาเอาแต่ปิดปากเงียบก็กล่าวอย่างกระวนกระวายใจอีก “หากนางต้องการจะลงมือกับแม่ทัพฉางจริงๆ ต้องเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับกองทัพอย่างแน่นอนขอรับ!”

ชายหนุ่มหรี่ตา ยังคงไม่ยอมเปิดปาก

ทหารผู้นั้นคิดย้อนกลับไปถึงคำสั่งที่ฉู่สวินหยางกล่าวก่อนหน้านี้ ก่อนจะพูดเสริมขึ้นมาอย่างคลุมเครือว่า “องค์ชาย บ่าวเห็นว่าท่านหญิงฉู่สวินหยางผู้นั้นเป็นคนที่แข็งกระด้าง กล้าพูดกล้าทำ นางยังพูดว่าดาบของนางนั้นแม้จะเร็วอย่างไร แต่ก็มิอาจให้ผู้อื่นหยิบยืมได้ง่ายๆ พวกเราลงมือจับกุมนางก่อน นางย่อมต้องแค้นเคืองในใจ แม่ทัพฉางกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วจริงๆ ขอรับ!”

ชายหนุ่มเมื่อฟังจบ ท้ายที่สุดกลับเผยท่าทีเย็นเยียบ หลุดปากกล่าวออกมา “นางพูดว่าอะไรนะ?”

“หา?” ทหารผู้นั้นตกใจในท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเขา จึงรีบตั้งสติ ก่อนจะพยายามหวนคิดถึงคำพูดเดิมที่ฉู่สวินหยางกล่าวไว้ “นางกล่าวว่า แม้ว่าดาบเล่มนี้ของนางจะเร็วอย่างไร กลับมิอาจให้ใครหยิบยืมไปอย่างง่ายๆ ยังพูดอีกว่า แม่ทัพฉางไม่คู่ควรพอที่จะให้นางเสียเวลามาสนทนาด้วย จึงต้องการเชิญองค์ชายเสด็จไปขอรับ”

มุมปากของชายหนุ่มตึงขึ้นอย่างเลือนราง งอนิ้วเคาะบนผิวโต๊ะเป็นจังหวะเบาๆ

“องค์ชาย…” เมื่อเห็นว่าเวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ ทหารผู้นั้นก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากกระตุ้นออกมาอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไร สีหน้าของชายหนุ่มจึงได้ค่อยๆ มืดมนลงมา ทั้งยังแฝงเป็นด้วยความเยือกเย็นและช่างดุดัน

นิ้วมือของเขา เดี๋ยวก็หยุด เดี๋ยวก็เคาะลงบนผิวโต๊ะ ท้ายที่สุดก็ไม่ลังเลอีกต่อไป หยัดกายขึ้นจากโต๊ะเขียนหนังสือก็ก้าวเท้ายาวออกไปทันที

หลี่เหวยที่เฝ้าอยู่นอกกระโจมตกตะลึงไปชั่วครู่ รีบเข้าไปหยิบชุดคลุมของเขาออกมา ก่อนจะค่อยๆ ก้าวตามไปคลุมไว้บนไหล่ของเขา พลางออกคำสั่งเสียงดัง “เตรียมม้า!”

ชายหนุ่มปัดมือเขาออก ไล่เลียงนิ้วมือจรดชุดคลุมเข้าด้วยตนเองอย่างรวดเร็ว แล้วพลิกกายขึ้นหลังม้าไป

แม้หลี่เหวยคิดว่าการกระทำครั้งนี้ของเขาไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ก็กลับไม่กล้าพูดมาก เพียงแค่เรียกองค์รักษ์ตามไป คนกลุ่มนี้ก็ได้แต่ตะบึงม้าออกไปจากค่ายด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ไปยังทิศทางที่ทั้งสองทัพเผชิญหน้ากันในสนามรบ

แม้ก่อนหน้านี้จะเสียเวลาไปไม่มาก แต่หลังจากตัดสินใจอย่างแน่วแน่ การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มกลับเปลี่ยนเป็นรวดเร็ว ไม่ยืดยาดอืดอาดแม้แต่น้อย

มองจากที่ไกลๆ ก็เห็นศีรษะของคนเบียดเสียดกันเป็นฉากสีดำอยู่เบื้องหน้า เสื้อเกราะสว่างราวกับหิมะ บวกกับแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาต่างก็ทำให้คนตาลาย

“หลีกไป หลีกออกไปให้หมด!” ทหารส่วนตัวที่ตามกันมาตะโกนออกมาเสียงดัง

ฝูงชนแหวกเปิดทางให้อย่างรู้งาน ชายหนุ่มจึงควบม้าตรงไปยังด้านหน้าของทั้งสองทัพอย่างทันที

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้ากองทัพ ผู้ที่เคยพบเห็นเขาจึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เวลานี้เมื่อพบเห็นคนผู้นี้ห้อตะบึงม้าปรากฏกายขึ้นอย่างสว่างไสว ก็ล้วนแต่อยู่เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก ผ่านไปสักครู่ ผู้ที่ดำรงอยู่ในตำแหน่งสูงไม่กี่คนที่จำเขาได้ จึงค่อยๆ พากันคุกเข่าลงไปเพื่อทำความเคารพ “คารวะองค์รัชทายาท!”

————————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท