Super God Gene – ตอนที่ 2675
จิ้งจอกหญิงถอนหายใจออกมา “เจ้าพูดถูก กรูมั่นคงมากๆ แต่เขาขาดพลังที่จะเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า เขาไม่อาจจะโค่นล้มคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าได้ เขาอาจจะไม่แพ้คนที่อ่อนแอกว่า แต่ในตอนที่เขาต้องพบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง เขาก็ขาดหนทางที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้”
หานเซิ่นมองกรูที่อยู่ในสภาพปางตาย เขากำลังจะปิดชีวิตของคู่ต่อสู้ด้วยกระสุนนัดสุดท้าย เขามีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง และคนอย่างกรูนั้นอาจจะเป็นปัญหากับเขาในอนาคต เขารู้ว่าควรจะปลิดชีวิตของกรูซะเดี๋ยวนี้
แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะได้ทำอะไร เงาของคนๆหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกรู คนๆนั้นมองมาที่หานเซิ่น เขาอุ้มกรูขึ้นมาและเทเลพอร์ตออกไปจากสนามประลอง
หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องคาดเดา เขารู้ว่านั่นคือเวรี่ไฮคนที่พาตัวกรูไปนั้นเป็นคนเดียวกันกับที่ทำพันธสัญญากับกรู
‘น่าเสียดาย’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
“หานเซิ่นเป็นบุคคลที่เก่งกาจสมคำล่ำลือจริงๆ พลังของกระสุนเพียงนัดเดียวนั้นมากพอจะสยบกรูได้อย่างง่ายดาย บอกตามตรงมันควรจะทำให้พวกเรารู้สึกอับอาย” ใครบางคนพูดขึ้นมา
เมื่อหานเซิ่นหันไปมอง เขาก็เห็นว่ามีกลุ่มคนกำลังเดิมเข้ามาหาเขา
“พวกเจ้าต้องการอะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่คนทั้งสี่คน หานเซิ่นเคยเห็นพวกเขาในข้อมูลที่ได้รับ คนที่พูดขึ้นมานั้นเป็นเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ส่วนอีกสามคนที่เหลือคนหนึ่งเป็นเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง และอีกสองคนมาจากเผ่าพันธุ์อื่น แต่ถ้าพวกเขาถูกรับตัวมาในฐานะตัวไหม มันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรูที่หานเซิ่นจะประมาทได้
“เจ้าแข็งแกร่ง แต่พวกเราต้องการอันดับดีๆ ดังนั้นพวกเราต้องขอให้เจ้าออกไปจากหุบเขา” เอ็กซ์ตรีมคิงชายที่เป็นผู้นำพูด
หลังจากนั้นตัวไหมทั้งสี่คนก็เข้ามาล้อมหานเซิ่น
ทางเผ่าเวรี่ไฮไม่เคยบอกว่าการร่วมมือกันระหว่างตัวไหมเป็นสิ่งต้องห้าม และมันก็ไม่ได้มีกฏที่บอกว่าตัวไหมจะต้องต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวเท่านั้น ถ้าการต่อสู้จะเป็นแบบตัวต่อตัวตลอดเวลา มันก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องส่งตัวไหมทั้งสิบสองคนเข้าไปในหุบเขาพร้อมกัน
ทางเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้ต้องการเรียนรู้แค่ประสบการณ์การต่อสู้ของตัวไหมเท่านั้น พวกเราอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในจิตใจของตัวไหมในระหว่างการประลอง เพื่อที่พวกเขาจะได้ตัดสินว่าอะไรที่มีประโยชน์ มันจะช่วยให้คนของเวรี่ไฮตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในอนาคต
“เจ้าจะออกไปอย่างภาคภูมิ หรือว่าเจ้าจะให้พวกข้าส่งเจ้าออกไปในถุงศพ?” มนุษย์ตั๊กแตนพูดขึ้นมา
หานเซิ่นหัวเราะ “คิดว่าจะรังแกข้าได้เพียงเพราะพวกเจ้ามีจำนวนมากกว่าอย่างนั้นหรอ?”
“หานเซิ่น นี่เจ้าไร้เดียงสาพอจะเชื่อว่าพวกเราจะต่อสู้กับเจ้าแบบตัวต่อตัวหรือยังไงกัน?” มนุษย์ตั๊กแตนพูดอย่างดูถูก
เขาและหานเซิ่นมาจากเผ่าพันธุ์เล็กๆด้วยกันทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นกลับเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจักรวาล แม้แต่ในหมู่ของเวรี่ไฮ เขาก็ถือเป็นบุคคลที่มีเกียรติ
มนุษย์ตั๊กแตนคนนี้มีภูมิหลังที่คล้ายคลึงกับหานเซิ่น แต่เขาไม่เคยเป็นจุดสนใจ การขาดชื่อเสียงนั้นทำให้เขารู้สึกเกลียดชังหานซิ่น
“ไม่ใช่แบบนั้น ข้าแค่อยากจะแนะนำพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าต้องการจะรังแกข้า พวกเจ้าสี่คนยังคงไม่พอ พวกเจ้าควรจะไปตามคนอื่นมาเพิ่มอีกก่อนที่จะลองเสี่ยงดวง” หานเซิ่นพูด
“เหลวไหล ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้พวกเราดู! ให้พวกเราดูสิว่าเจ้าเก่งจริงอย่างที่เจ้าเชื่อหรือเปล่า” มนุษย์ตั๊กแตนพูดขณะที่แขนตั๊กแตนสีม่วงแดงฉีกผ่านมิติของอวกาศและตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
มนุษย์ตั๊กแตนคนนั้นมีพลังธาตุอวกาศ ที่ไหนก็ตามที่แขนของมนุษย์ตั๊กแตนเคลื่อนไป รอยยาวจะถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
หานเซิ่นถอยออกไป แต่เขารู้สึกราวกับว่ามิติของอวกาศกำลังแปรปรวน ถึงแม้เขาจะถอยออกไปเป็นพันเมตร แต่มนุษย์ตั๊กแตนคนนั้นก็ไม่ได้อยู่ไกลจากเขามากไปกว่าเดิม
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขามองไปด้านข้างและเห็นเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่งกำลังปลดปล่อยพลังอาณาเขตอยู่ เขาคิดว่ามันคงจะเป็นพลังอาณาเขตที่บิดเบือนมิติรอบๆตัวเขา
ขณะที่แขนตั๊กแตนถูกฟันลงมา หานเซิ่นก็ใช้ปืนคู่รับแขนที่เหมือนกับเคียวของมนุษย์ตั๊กแตนคนนั้น
เคร๊ง!
ด้วยพลังของหานเซิ่น มันควรจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะโต้กลับแขนของมนุษย์ตั๊กแตน แต่เมื่อพวกเขาปะทะกัน หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาล และทำให้เขาโซเซไปด้านหลังหลายก้าว หานเซิ่นรู้สึกเจ็บปวดและปืนคู่ก็เกือบจะหลุดมือของเขาไป
หานเซิ่นมองกลับไปที่มนุษย์ตั๊กแตนและเห็นแสงสีทองประหลาดปกคลุมแขนของอีกฝ่าย จริงๆแล้วแสงสีทองนั้นมาจากครึ่งเทพทั้งสี่คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอ็กซ์ตรีมคิงอีกคนที่กำลังเรืองแสงอย่างสว่างไสวเป็นพิเศษ นั่นจะต้องเป็นพลังอาณาเขตของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนที่หานเซิ่นจะตอบสนอง มันมีลูกธนูลูกหนึ่งตรงเข้ามาหาเขา มันถูกยิงมาจากครึ่งเทพของเผ่าไอจิ ไอจินั้นเป็นเผ่าพันธุ์ของนักธนู พรสวรรค์ในการยิงธนูของพวกเขานั้นโดดเด่นเหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ
หานเซิ่นต้องต่อสู้กับตัวไหมสี่คนพร้อมกัน ซึ่งทำให้เขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แถมครึ่งเทพทั้งสี่คนยังใช้พลังพิเศษของพวกเขาร่วมกัน
มนุษย์ตั๊กแตนมีพลังธาตุอวกาศที่สามารถฉีกอวกาศด้วยแขนตั๊กแตนของเขา ส่วนหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิงสามารถควบคุมมิติของอวกาศ ขณะที่เอ็กซ์ตรีมคิงอีกคนสามารถเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกพ้อง
ส่วนนักธนูจากไอจิถือเป็นตัวเสริมที่ทำให้สิ่งที่ดีอยู่แล้วดียิ่งขึ้นไปอีก เขามีความเชี่ยวชาญในการใช้ธนูที่จะคอยโจมตีหานเซิ่นจากระยะไกล และอาณาเขตของเขาก็สามารถเสริมความเร็วให้กับทั้งสามคน
เนื่องจากมิติอวกาศนั้นบางครั้งจะถูกยืดและในบางครั้งจะหด ระยะห่างระหว่างหานเซิ่นกับคู่ต่อสู้จึงไม่สามารถพึ่งพาได้อีกต่อไป การโจมตีที่เขาจะหลบหลีกได้ ในตอนนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป ระยะที่เขาจะต้องโจมตีใส่ศัตรูก็ถูกทำให้ไกลขึ้นเช่นกัน ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถแตะต้องตัวคู่ต่อสู้ได้
“ถึงแม้หานเซิ่นจะแข็งแกร่ง แต่ตัวไหมคนอื่นก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เขาต้องต่อสู้กับตัวไหมสี่คนพร้อมกัน แม้แต่ข้าที่เป็นเผ่าเวรี่ไฮก็ทำแบบนั้นไม่ได้” หลี่อวี้เจินพูด
หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทไม่ได้กังวลอะไรมากนัก เพราะพวกเธอสัมผัสได้ถึงจิตใจของหานเซิ่น ถึงแม้มันจะดูเหมือนกับว่าหานเซิ่นกำลังตกที่นั่งลำบาก แต่พวกเธอสัมผัสได้ว่าจิตใจของหานเซิ่นยังคงสงบนิ่งและเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ถึงแม้พวกเธอจะไม่รู้ว่าหานเซิ่นไปเอาความมั่นใจเหล่านั้นมาจากไหน แต่พวกเธอก็รู้ว่าสถานการณ์ของหานเซิ่นไม่ได้คับขันอย่างที่ตาเห็น
ธนูอีกลูกพุ่งตรงเข้าไปที่ใบหน้าของหานเซิ่น ขณะที่ดาบแสงตรงเข้ามาที่เอวของเขา แขนของตั๊กแตนและปืนคู่ของมนตราปะทะกันและส่งหานเซิ่นกระเด็นไปด้านหลังหลายร้อยเมตร ทุกวินาทีของการต่อสู้ทำให้หานเซิ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย มันดูเหมือนกับว่าอีกเพียงแค่นิดเดียวทั้งสี่คนก็จะเอาชนะหานเซิ่นได้แล้ว
การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ หานเซิ่นถูกโจมตีด้วยพลังอาณาเขต มีด ดาบแสงและแขนของตั๊กแตน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังป้องกันทุกการโจมตีที่เข้ามาได้อย่างสมบูรณ์
ในตอนแรกตัวไหมทั้งสี่คนดูเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็รู้ตัวว่าความได้เปรียบของพวกเขาเริ่มจะน้อยลงไปเรื่อยๆ มันเหมือนกับว่าพลังอาณาเขตไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาอีกต่อไป
ที่สุดแล้วหานเซิ่นก็สามารถต่อสู้กับพวกเขาทั้งสี่คนพร้อมๆกันได้อย่างง่ายดาย เขาสามารถจะโจมตีและป้องกันได้ดั่งใจ
“พรสวรรค์ของเขาน่ากลัวเกินไปแล้ว” จิ้งจอกผู้หญิงพูด เธอมองดูหานเซิ่นต่อสู้อย่างตกตะลึง ตัวไหมแต่ละคนที่กำลังต่อสู้กับหานเซิ่นอยู่นั้นแข็งแกร่งพอๆกับเธอ แต่หานเซิ่นสามารถต่อสู้กับพวกเขาทั้งสี่คนได้สบายๆ และเขาก็เป็นเพียงแค่ระดับราชันขั้นที่เก้าเท่านั้น