ตอนที่ 1617 ตลาดราชันย์
การมามหาพิภพของหลินฮวงหลังแก้วิกฤตในโลกกรวดเพิ่งผ่านมาแค่เก้าเดือน ยังไม่ถึงปีเลย
เวลาส่วนใหญ่ของเขาใช้ไปกับการบ่มเพะ
สําหรับทรัพยากรบ่มเพาะ ส่วนใหญ่มาจากเคียวแห่งความตาย
ตลอดมานี้ ทรัพยากรที่เขาได้รับจากเคียวแห่งความตายผ่านการแลกเปลี่ยนนั้นเพียงพอต่อความต้องการของเขา
ดังนั้น เขาจึงยังไม่เคยติดต่อราชันย์เลย
มันจนกระทั่งเวอชุโอโซพูดถึงทําให้หลินฮวงจําได้ว่าเขาเป็นสมาชิกระดับAของราชย์
จากคนไร้ชื่อในโลกกรวดสู่การเป็นว่าที่จักรพรรดิของราชันย์ ทั้งหมดนี้เพราะเขาผ่าน บททดสอบของราชันย์และกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เขามาถึงมหาพิภพ เขาก็เป็นตัวตนนี้ไป
หลังจบสายกับเวอชุโอโซ หลินฮวงก็หยิบตราตัวตนของราชันย์ออกมา
ตามข้อมูลที่เวอชุโอโซให้ ตอนนี้เขามีความเข้าใจใหม่ต่อราชันย์
ในมหาพิภพ ราชันย์เป็นแค่สาขา ศูนย์ใหญ่ของพวกเขาตั้งอยู่ในจักรวาล
องค์กรใหญ่ทั้งหมดในมหาพิภพรู้ถึงภูมิหลังของราชันย์ แม้จะไม่มั่นใจถึงจุดยืนของรา ชันย์ในจักรวาลพวกเขาก็รู้ว่าสาขาของราชันย์ได้รับการปกป้องโดยจ้าวเทวะมากกว่าหนึ่งคนนั่นคือทั้งหมดที่พวกเขารู้
ในฐานะองค์กรระดับเจ็ดที่มีจ้าวเทวะเป็นคนพิทักษ์ ราชันย์ถือว่าเก็บตัวมากในมหาพิภพ สมาชิกราชันย์แทบจะไม่เคยสร้างปัญหา นอกจากนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จัดหาทรัพยากรให้
นักธุรกิจและโรงประมูลในมหาพิภพชอบทํางานกับราชันย์
แม้กระทั่งองค์กรระดับหกและเจ็ดของเผ่าต่างๆยังสร้างสัมพันธ์กับพวกเขา
เวอชโอโซเสนอให้หลินฮวงไปราชันย์เพราะจํานวนชิ้นส่วนเขตแดนเทพของกิ่งจ้าวเทวะที่เขาต้องการสูงไป เหนือสิ่งอื่นใด หลินฮวงได้เอาอันที่มีทั้งหมดในแดนเทพไปแล้วและปริมาณก็ยังไม่พอ บางทีราชันย์คงเป็นช่องทางเดียวในมหาพิภพที่สามารถให้เขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะกับเขาได้มากพอ
หลินฮวงไม่คิดคว่าสถานะของเขาจะกลายเป็นมีประโยชน์เช่นนี้
เขาใช้ตราราชันย์ และเข้าสู่ระบบตลาดราชันย์อย่างรวดเร็ว
หลังมองรายการสินค้า หลินฮวงก็ป้อนคําค้นหาว่า “เขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะ
วินาทีต่อมา รายชื่อก็เปลี่ยนไปแสดงแค่เขตแดนเทพของกึ่งจ้าวเทวะ
หลินฮวงมองรายชื่อ มีไม่มาก แค่ยี่สิบแปด
จากนั้นเขาก็มองของที่ต้องใช้เพื่อแลก ไม่มีอะไรสามารถแลกได้ด้วยผลึกเทวะ ทั้งหมดต้องการทรัพยากรบ่มเพาะหรืออาวุธถึงเต่า
หลินฮวงรู้สึกหงุดหงิด เคียวแห่งความตายได้แลกสินสงครามทั้งหมดของเขาไปแล้ว นอกจากอาวุธเตที่เหลืออีกสองชิ้น อาวุธกึ่งเต๋ทั้งหมดถูกนไปแลก
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่อาจแลกวัตถุดิบเหล่านี้ได้ด้วย เพราะพวกมันมีไว้สําหรับมอนสเตอร์ของเขาให้เลื่อนจากเทพสูงสุดเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์
แม้เขาจะบอกว่าเขาอยากให้มอนสเตอร์อัญเชิญของเขาเป็นอิสระ เขาก็ยังรู้ว่ามันยากที่จะหาวัตถุดิบหายาก ถ้ามอนสเตอร์ของเขาสะสมเอง พวกมันอาจไม่สามารถรวบรวมวัตถุดิบที่จําเป็นต่อการเลื่อนระดับชนชั้นได้ต่อให้ผ่านไปนับพันปี
เขารู้สึกเสียใจที่ตรวจสอบตลาดราชันย์ช้าไป
อย่างน้อยเขาก็สามารถได้รับเขตแดนเทพชุดนี้ก่อนและจากนั้นก็ค่อยให้เคียวแห่งความตายเอาของที่เหลือไปแลก แบบนั้น เขาจะได้เขตแดนเทพเพิ่มอีกอย่างน้อยยี่สอบแต่เขาจะได้วัตถุดิบหายากน้อยลง
หลังมองดูรายการสักพัก เขาก็รู้สึกหงุดหงิดมาก
แต่ทว่า เขาก็สังเกตเห็นตัวเลือกประมูลด้านบน
“ประมูล?”
หลังครุ่นคิดสักพัก เขาก็จิ้มเข้าไป
มีของมากมายให้ประมูล หลินฮวงตาลายไปชั่วขณะ
แต่ทว่า เขาก็เข้าใจทุกอย่างทันที จากนั้นก็ป้อนคําว่า “อาวุธเต๋”
ก่อนหน้านี้ เขาให้ของที่เก็บมาได้ทั้งหมดกับเคียวแห่งความตาย เขาแค่เก็บอาวุธเตสองชิ้นของเซินอวี่กับเซินเจวี่ยไว้กับหุ่นเชิดถึงจ้าวเทวะของทั้งคู่
เขาเก็บหุ่นเชิดไว้เพื่อเขาจะได้ใช้มันเพื่อปกปิดความสามารถแท้จริงของเขา
สําหรับอาวุธเต๋ เขาไม่ตั้งใจเก็บไว้ใช้เอง
อาวุธเทพของเขาทั้งสี่ตอนนี้เลื่อนเป็นอาวุธเต่ําแล้ว ซึ่งดีพอแล้ว
นอกจากนี้ หนึ่งในอาวุธเต๋คือกระบี่ และอีกชิ้นก็คือชุดเกราะ
หลินฮวงไม่อาจใช้กระบี่ได้ สําหรับชุดเกราะ เขามีชุดเกราะอาวุธเทพอยู่แล้ว
หนึ่งในเหตุผลที่เขาไม่ให้ของเหล่านี้กับเคียวแห่งความตายเพื่อแลกของเพราะมูลค่าของชิ้นอื่นถือว่าพอแล้วที่จะใช้แลกวัตถุดิบที่เขาต้องการ ดังนั้น เขาจึงไม่เร่งขายทั้งหมด อีกเหตุผลเพราะเขากังวลว่าเคียวแห่งความตายจะให้ราคาดีไม่ได้
แต่ทว่า ตอนนี้เขาเข้าถึงช่องทางแลกเปลี่ยนของราชันย์ได้ เขารู้สึกว่าเขาสามารถวางพวกมันลงตลาดได้แล้ว
หลังป้อนคําว่า “อาวุธเต๋” ข้อมูลการประมูลที่เกี่ยวข้องนับร้อยชิ้นก็ปรากฏ พวกมันล้วนเป็นอาวุธเต่ําประเภทต่างๆ
หลินฮวงมองผ่านข้อมูลเหล่านี้ทีละหนึ่ง หลังเลื่อนลงอยู่นาน ในที่สุดเขาก็จับเข้ากับอาวุธเตชิ้นหนึ่ง
ในความเป็นจริง อาวุธเตเป็นแค่คํานิยามทั่วไป อาวุธเต๋ประเภทอาวุธมักเรียกว่าอาวุธเต๋ขณะที่อาวุธเต๋ประเภทเกราะจะมักเรียกว่าเกราะเต่…นอกจากนี้อาวุธเต่ยังแบ่งเป็นหลายระดับมีระดับต่ํากลางและสูง
อาวุธเตระดับต่ํามักถูกจารึกด้วยอักขระเต่หลักเดียวและจะมีไม่เกินสิบอักขระ
อาวุธเต่ระดับกลางจะถูกสลักไว้ทุกที่ตั้งแต่สิบถึงร้อยอักขระ
ในขณะเดียวกัน อาวุธเต่ระดับสูงจะมีตั้งแต่ร้อยถึงพัน
นอกจากนี้ยังมีอาวุธเต่ระดับสูงสุดหยิบมือหนึ่งที่มีอักขระกินพัน เนื่องจากมีจํานวนน้อยพวกมันจึงไม่มีระดับอย่างเป็นทางการ
พูดตามตรง หลินฮวงไม่ต้องคิดเกี่ยวกับมันก็บอกได้ว่าอาวุธเต๋ทั้งสองเป็นระดับต่ํา
ถ้าพวกมันเป็นระดับกลางหรือสูง พวกมันคงไม่ได้มาอยู่ในการครอบครองของเซินอวี่กับเซินเจวี่ย
เขานําเอาทั้งสองออกมาและตรวจสอบพวกมันด้วยจิตเทวะ
กระบี่ถูกสลักด้วยอักขระเต่ําสองอักขระ แต่ทว่า นอกจากอักขระเต๋ ยังมีอักขระเทวะสลักไว้ด้วย
สําหรับุชุดเกราะ มันมีสามอักขระเต๋และก็ยังสลักอักขระเทวะไว้ด้วย
ต้องบอกว่าคุณภาพของพวกมันต่ํากว่าที่หลินฮวงคิดไว้ ท่ามกลางอาวุธเต่ระดับต่ํา พวกมันถือว่าธรรมดา
หลินฮวงตรวจสอบอาวุธเต่สองหรือสามชิ้นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันเพื่อสรุปราคาสุดท้ายที่จะได้จากการประมูล
จากนั้นเขาก็อัปโหลดรูปภาพของอาวุธเต๋ทั้งสอง
เงื่อนไขการแลกเปลี่ยนของเขาระบุว่า จะยอมรับเขตแดนเทพของกิ่งจ้าวเทวะเท่านั้น”
สําหรับราคาเริ่ม หลินฮวงกรอกว่า50เขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะ สําหรับอาวุธเตสองชิ้น
ตัวเลขนี้จริงๆแล้วคือราคาประมูลสุดท้ายที่คนอื่นเสนอเพื่อซื้ออาวุธเต่คุณภาพคล้ายกัน
แม้ราคาตลาดของชิ้นส่วนเขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะกับอาวุธถึงเต๋จะคล้ายกันในมหาพิภพหลินฮวงก็รู้ว่าถ้าวัดจริง อาวุธถึงเต่ําจะมีมูลค่าสูงกว่า เหนือสิ่งอื่นใด อาวุธถึงเฝ้มีความต้องการสูงกว่าขณะที่เขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะมีความต้องการน้อยมาก
ดังนั้น หลินฮวงจึงตั้งไว้ที่ 50 เป็นราคาประมูลเริ่มต้น
สําหรับเวลาประมูล หลินฮวงกรอกว่า “สิบวัน”
เขารู้ว่าผู้ประมูลจะมาตรวจสอบการประมูลของราชันย์แทบทุกวัน ต่อให้ยุ่งและไม่อาจเข้ามาได้หลายวัน พวกเขาก็จะเข้ามาทุกครั้งที่มีเวลา ในความเป็นจริง มันไม่สําคัญหรอกว่าเขา จะกําหนดระยะเวลาประมูลเป็นสิบวันหรือเดือนเพราะคนที่ประมูลจะมักเป็นคนกลุ่มเดิม
สุดท้าย หลินฮวงเขียนข้อความสั้นๆในส่วนหมายเหตุ
*หมายเหตุ : ยอมรับเขตแดนเทพกึ่งจ้าวเทวะทั้งหมดจากทุกเผ่า รวมถึงอันของเผ่าแมลงและหุบเหวไม่จําเป็นต้องชําระล้าง