หลังจากเดินออกจากห้องจัดงานเลี้ยง เจียงสื้อสื้อยังคงได้ยินการสนทนาของผู้หญิงพวกนั้นดังอยู่ข้างหลัง
มีความสุขไหม?
ได้เจอกับผู้ชายที่รักเธอสม่ำเสมอแบบนี้ แน่นอนว่าเธอต้องมีความสุข
สายตาของเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความสุขที่ซ่อนเอาไว้ไม่อยู่
เหมือนกับว่าเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอถามจิ้นเฟิงเฉินว่า “เอ่อใช่ เฟิงเฉิน คุณทิ้งแขกออกมาแบบนี้ มันไม่ค่อยดีรึเปล่า?”
เพราะยังไงวันนี้ก็เป็นวันของเขา ถ้าออกมาเพราะว่าเธอเหนื่อยแล้ว มันจะเอาแต่ใจเกินไปรึเปล่า
จิ้นเฟิงเฉินกลับยิ้มอย่างไม่สนใจ เขาลูบหลังของเถียนเถียนที่อยู่ในอ้อมแขนและตอบกลับไปเบาๆว่า “มีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าคุณอีก?”
ประโยคที่เรียบง่ายแต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ทำให้หัวใจของเจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะเต้นเร็วขึ้น เธอยิ้มอ่อนๆ
ถึงแม้ว่าจะแต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว แต่ความรู้สึกที่จิ้นเฟิงเฉินมอบให้เธอมันช่างเหมือนกับตอนที่รักกันใหม่ๆเสมอ
ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดทาง แม้แต่ความเหนื่อยล้าก็ยังถูกขับไล่ออกไปหมด
กลับไปถึงบ้าน เจียงสื้อสื้อพาหนูน้อยสองคนไปอาบน้ำ
จากนั้นก็นอนกอดกันบนเตียง เล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง
ถึงแม้ว่าเด็กๆจะมีพลังงานเหลือล้น แต่เมื่อเหนื่อยล้า พวกเขาก็นอนหลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนกัน
เล่านิทานเทพนิยายยังไม่จบ เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนก็หลับสนิทไปแล้ว
เจียงสื้อสื้อห่มผ้าให้พวกเขาก่อนที่จะกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่เขานั่งทำงานของบริษัทอยู่หน้าโต๊ะคอม
พึ่งจะเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัท ก็ถูกส่งมอบหมายงานมาอย่างท่วมท้น
เห็นเจียงสื้อสื้อเดินเข้ามา จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็วางงานในมือลงและกอดเจียงสื้อสื้อนอนลงบนเตียง
เจียงสื้อสื้อก็เหนื่อยล้าแล้วจริงๆ นอนอยู่ในอ้อมแขนของจิ้นเฟิงเฉินได้ไม่นานเธอก็นอนหลับไปอย่างสนิท
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเธออย่างเงียบๆอยู่นาน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเธอหลับไปแล้วจริงๆ ถึงได้ปล่อยให้เธอนอนอยู่บนเตียงส่วนตัวเองกลับไปทำงานต่อ
เช้าของวันต่อมา
เจียงสื้อสื้อยังไม่ตื่น แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับไปถึงบริษัทแล้ว
พอเดินเข้าไปในบริษัท ผู้หญิงที่อยู่เคาน์เตอร์ก็หน้าแดงขึ้นมา และวิ่งเหยาะๆเข้ามาอย่างระมัดระวัง
“คุณท่านจิ้น มีคนต้องการพบคุณ”
“ใครกัน?”
จิ้นเฟิงเฉินหยุดเดิน มองไปที่ผู้หญิงที่อยู่เคาน์เตอร์ด้วยสายตาที่เย็นชาและถามเบาๆ
“เขาบอกว่าเขาเป็นอาของคุณ มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ ตอนนี้กำลังรออยู่ที่ห้องรับแขก”
ผู้หญิงที่อยู่เคาน์เตอร์พูดอย่างซื่อตรง และยังไม่ลืมที่จะถามว่า “คุณจะไปพบเขาไหม?”
เดิมทีเธอไม่ได้อยากจะพาชายคนนั้นเข้ามาในบริษัท
แต่ตอนที่ชายคนนั้นบอกว่าเขาเป็นอาของคุณท่านจิ้น เธอก็ไม่กล้าที่จะทำให้เขาไม่พอใจ จึงทำได้เพียงปล่อยเขาเข้ามาชั่วคราว
อา
คำคำนี้ ทำให้จิ้นเฟิงเฉินนึกถึงฟางเฉิงขึ้นมา
นอกจากเขาแล้ว คงไม่มีใครหน้าด้านแบบนี้
“คุณไปบอกเขาว่าผมไม่อยู่ที่บริษัท เดี๋ยวผมให้ประธานจิ้นไปต้อนรับเขา”
จิ้นเฟิงเฉินทิ้งประโยคนี้ไว้อย่างเยือกเย็น จากนั้นก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที
ห้องทำงานของประธานจิ้น จิ้นเฟิงเหราได้รับโทรศัพท์ เขารู้สึกไม่โอเคขึ้นมาทันที
เขารีบเข้าไปที่ห้องทำงานของคุณท่านจิ้นทันที และพูดอย่างไม่สนใจรูปลักษณ์ของตัวเองว่า “พี่ พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง เรื่องอะไรที่รับมือยากๆก็โยนมาให้ผม! พี่ไม่รู้เหรอว่าอาของพี่สะใภ้เขาน่ารำคาญแค่ไหน! แล้วอีกอย่างเขามาหาพี่ ไม่ใช่มาหาผม!”
จิ้นเฟิงเฉินที่กำลังตรวจสอบเอกสารเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย วางปากกาในมือลง เงยหน้าขึ้นมองขึ้นจิ้นเฟิงเหรา “เขามาคุยเรื่องธุรกิจ ในฐานะนักธุรกิจ ไม่มีคำว่าปิดประตูขังธุรกิจไว้ข้างนอก”
จิ้นเฟิงเหรามองไปที่จิ้นเฟิงเฉินอย่างตกตะลึง
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมทุกครั้งที่เขาเถียงกับพี่ชายของตัวเอง เขาไม่เคยชนะเลย!
“รอให้นายไม่ยุ่งแล้ว ฉันจะอนุญาตให้นายหยุด” จิ้นเฟิงเฉินเงียบไปพักหนึ่งแล้วพูดออกมา
สิ่งล่อใจสิ่งนี้มันยิ่งใหญ่มากสำหรับจิ้นเฟิงเหรา
เขายิ้มออกมาทันที พยักหน้าตอบตกลง “โอเค คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณอย่างเหมาะสม!”
ห้องรับแขก
ฟางเฉิงดื่มชาหมดไปหลายถ้วยแล้ว แม้แต่ห้องน้ำก็เข้าไปหลายรอบแล้ว
แต่ก็ยังไม่เห็นจิ้นเฟิงเฉิน
“คุณผู้หญิง คุณท่านจิ้นของพวกคุณยุ่งขนาดนี้เลยเหรอ?”
ในที่สุดฟางเฉิงก็อดไม่ได้ เดินออกมาจากห้องรับแขกไปถามผู้หญิงตัวที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์
ผู้หญิงคนนั้นก็พึ่งจะคุยโทรศัพท์กับจิ้นเฟิงเหราเสร็จ เธอก็พยักหน้าอย่างไร้เดียงสา “คุณผู้ชายคะ เมื่อกี้ฉันได้โทรหาคุณท่านจิ้นแล้ว แต่วันนี้คุณท่านจิ้นมีธุระไม่ได้อยู่ที่บริษัท ดังนั้นประธานจิ้นของเราจะมาคุยกับคุณ คุณคิดว่าโอเคไหมคะ?”
ประธานจิ้น?
ฟางเฉิงเงียบไปพักหนึ่ง นึกถึงจิ้นเฟิงเหราขึ้นมาก็รู้เข้าใจ
“โอเค”
เขาตอบกลับมาและเดินกลับไปที่ห้องรับแขก
มองดูกาน้ำชาที่ตัวเองดื่มเข้าไป ในที่สุดจิ้นเฟิงเหราก็เดินเข้ามาสักที
เขาผลักประตูกระจกเปิดออก พร้อมกับเสียงที่ตามมา “ขอโทษครับ ให้คุณรอนานแล้ว วันนี้งานในบริษัทเยอะไปหน่อย”
ว่ากันว่าอีกฝ่ายยอมรับผิดแล้ว ก็ตีเขาไม่ลงจริงๆ
จิ้นเฟิงเหราเข้ามาเขาก็พูดขอโทษทันที ความหงุดหงิดของฟางเฉิงที่รอมาตั้งนานก็กลืนกลับเข้าไปในท้องได้แล้ว
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร!”
ฟางเฉิงหัวเราะแห้งสองที จากนั้นก็ลุกขึ้นมาจับมือกับจิ้นเฟิงเหรา
“เชิญนั่ง” จิ้นเฟิงเหราจับมือเสร็จ ก็นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับฟางเฉิง
“คือว่า เมื่อวานผมก็ได้แนะนำตัวไปแล้วนิดหน่อย”
ทันทีที่ฟางเฉิงนั่งลง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเริ่มสร้างความสัมพันธ์ “ผมเป็นอาของเจียงสื้อสื้อ พูดในแง่ของญาติพี่น้อง เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ!”
ในใจของจิ้นเฟิงเหราดูถูกเขาเป็นอย่างมาก แต่เขากลับไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา ถึงขั้นยังคงยิ้มให้เขาอยู่
เขาไม่พยักหน้าและก็หรือคัดค้าน
ฟางเฉิงแอบสังเกตสีหน้าของจิ้นเฟิงเหราอย่างลับๆ ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติเขาก็พูดต่อไปว่า “ในมือของผมมีโปรเจกต์ดีๆอยู่โปรเจกต์หนึ่ง ประธานจิ้นลองดูก่อนไหม”
เขาหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่ถือมาด้วย วางลงบนโต๊ะแล้วยื่นให้จิ้นเฟิงเหรา
หลังจากที่จิ้นเฟิงเหราหยิบเอกสารนั้นขึ้นมา เขาอ่านดูแล้วคร่าวๆ แต่ไม่ได้ดูเนื้อหาข้างในอย่างละเอียด
พี่ชายของเขาไม่ได้ให้เขามาคุยเรื่องธุรกิจ แค่ให้เขามารับมือกับชายน่ารําคาญที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ก็แค่นั้น
“รอให้ผมดูเสร็จแล้วผมจะให้คำตอบคุณ”
ฟางเฉิงตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเหราจะมีท่าทางแบบนี้
“เอ่อ ประธานจิ้น ดูให้เสร็จตอนนี้ไม่ได้เหรอ?” เขาถามด้วยความสงสัย
จิ้นเฟิงเหรายิ้มมุมปาก มันช่างตรงกันข้ามกับกลิ่นอายของจิ้นเฟิงเฉินอย่างสิ้นเชิง เขาเผยให้เห็นความเป็นพี่ชายข้างบ้านที่สดใส แต่ก็ไม่ทำให้สูญเสียความเป็นผู้ใหญ่
“ญาติก็ส่วนของญาติ ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ เราควรจะแยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ใช่ไหมครับ?ทางเราต้องไปทีละขั้นตอน ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ยุติธรรมกับคนอื่น”
จิ้นเฟิงเหราหยุดพูดไปพักหนึ่งแล้วก็ยิ้ม “คุณก็เป็นคนที่มีบริษัทเหมือนกัน คุณคงจะเข้าใจความลำบากใจของผม”
ท่าทางที่ดื้อรั้นของจิ้นเฟิงเหรา ทำให้ฟางเฉิงทำอะไรไม่ถูก
เพราะคำพูดที่จิ้นเฟิงเหราพูด ทำให้เขาตอบโต้ไม่ได้
สุดท้ายก็ทำได้แค่ตอบกลับไปว่า “ก็ได้ หวังว่าประธานจิ้นจะให้คำตอบผมโดยเร็ว”
จากนั้นก็ระงับความโมโหในใจเอาไว้ เดินออกไปจากบริษัทท่ามกลางสายตาของจิ้นเฟิงเหรา