เจียงสื้อสื้อเดินออกจากห้องหนังสือ ก็กลับเข้าห้องนอนตัวเอง
เธอเหมือนกับทุกๆวัน หยิบมือถือขึ้นมา โทรวิดีโอ
ไม่นาน ฝั่งโน้นก็รับสาย ใบหน้าอันหล่อเหลาก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
“เฟิงเฉิน” เจียงสื้อสื้อทักทายเขาใบหน้ายิ้มแย้ม
จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ้มขึ้น “มีเรื่องอะไรไหม? ดูคุณดีใจมาก”
“ไม่มีอะไร วันนี้พี่เขาไปนัดบอด”
เจียงสื้อสื้อนอนคว่ำอยู่บนเตียง ใช้มือข้างหนึ่งค้ำไว้ที่คาง อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์ไว้
“นัดบอด?”
“อืม ลูกสาวของเพื่อนน้าสะใภ้เล็ก”
“ทำไมเขาถึงยอมไป?”
เท่าที่จิ้นเฟิงเฉินดูแล้ว ฟางยู่เชินเป็นคนรักอิสระ ไม่ว่าเรื่องความรักหรือเรื่องงาน ล้วนไม่ชอบให้ใครมายุ่งเกี่ยว
“ไปเพราะไม่รู้สถานการณ์”
พูดถึงจุดนี้ เจียงสื้อสื้อก็อดหัวเราะไม่ได้ “น้าสะใภ้เล็กเพราะอยากอุ้มหลาน ก็ทุ่มเทอย่างที่สุดเลย”
“ผมให้กู้เนี่ยนส่งเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนมาเล่นกี่วันที่เมืองหลวง”
เจียงสื้อสื้อฟังแล้ว ตาเป็นประกาย “ดีค่ะ ถ้าเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนมาแล้ว น้าสะใภ้เล็กจะได้ไม่มีเวลาไปยุ่งเรื่องพี่ชาย”
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ น้ำเสียงเปลี่ยนแล้วถามว่า “ร่างกายคุณเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายตรงไหนไหม?”
“ไม่มีค่ะ” เจียงสื้อสื้อสีแสดงสีหน้าเอือมระอา “คำถามนี้คุณถามมาหลายวันแล้ว ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินกังวลว่าเขาไม่ได้อยู่ข้างเธอ ไวรัสในตัวเธอจะกำเริบกะทันหัน เพราะฉะนั้นถึงได้ถามเรื่องสภาพร่างกายเธอทุกวัน
เจียงสื้อสื้อจ้องมองเขาอยู่สักพัก “เฟิงเฉิน”
“หือ?”
“หลังจากนั้นคุณยังเจอซ่างกวนหยวนอีกไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “ไม่ ทำไมเหรอ?”
“ไม่เจอ?” เจียงสื้อสื้อรู้สึกแปลกใจ
ซ่างกวนหยวนไปอิตาลีโดยเฉพาะ ก็เพื่ออยากเจอเขาไม่ใช่เหรอ?
จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างตลก “ทำไมผมรู้สึกว่าคุณดูเหมือนจะผิดหวัง?”
“ฉัน ฉันผิดหวังตรงไหน ฉันแค่สงสัย”
เจียงสื้อสื้อขึงตาใส่เขา “ถ้าคุณเจอเขา ต้องบอกฉันนะ รู้ไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินยักคิ้ว “คุณไม่เชื่อผมเหรอ?”
“ไม่ใช่ ฉันแค่อยากรู้ว่าเขาไปหาคุณทำไม”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ได้ ผมบอกคุณแน่”
“จิ้นเฟิงเฉิน” เจียงสื้อสื้อหรี่ตา
“อืม?”
เธอกำหมัดแน่น พูดว่า “คุณอย่าไปหลงใหลความงามถูกล่อใจนะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยคุณแน่”
คำเตือนของเธอที่เหมือนล้อเล่นทำให้จิ้นเฟิงเฉินอดหัวเราะไม่ได้
“หัวเราะอะไร?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
จิ้นเฟิงเฉินเก็บรอยยิ้ม ดวงตาอันคมและดำนั้นจ้องใบหน้าอันสวยงามของเธอ พูดออกมาทีละคำอย่างจริงจัง “ในใจผมมีแค่คุณคนเดียว ผู้หญิงคนอื่นผมไม่สนใจทั้งนั้น”
“ฉันรู้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อรู้สึกหวานในใจ
เธอต้องเชื่อเขาแน่นอน แค่ไม่เชื่อถือซ่างกวนหยวน
คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง เพื่อให้ได้ความรักของตัวเอง ใครจะไปรู้ว่าจะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง
“รอผมจัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้ว ผมก็กลับไป รอผมดีๆ รู้ไหม?” จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างอ่อนโยน
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “อืม รู้แล้ว”
เชื่อว่าเขาจะได้กลับมาอย่างเร็วแน่
…….
หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว จิ้นเฟิงเฉินเดินออกจากห้องนอน นั่งลงบนโซฟา
ตอนแรกเห้อซูหานนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอม เห็นเขาเดินออกมา ก็รีบเก็บคอม ลุกขึ้นยืน
“จัดการเสร็จหรือยัง?” จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้ามองเขา
“อืม จัดการเรียบร้อยแล้ว รอคำสั่งของคุณ”
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้า เหมือนคิดอะไรบางอย่าง
เห้อซูหานมองดูเขาอยู่สักพัก จึงเปิดปากถาม “คุณชาย กลัวปฏิบัติการล้มเหลวหรือครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “พวกเราไม่รู้เรื่องสถานการณ์ภายในศูนย์วิจัยเลย ผมกำลังคิดอยู่ว่าแบบนี้จะให้พวกคุณไปเสี่ยงเกินไปไหม”
เขาไม่อยากให้พวกเขาเอาชีวิตไปทิ้ง
“คุณชาย พวกเราเตรียมใจกันไว้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ทางด้านชีซาเป็นยังไงบ้าง?”
“ทางด้านคุณชีซาก็จัดเตรียมคนไว้แล้ว แต่ว่าเธอให้ผมบอกคุณว่า ทางที่ดีให้คิดให้ดี ไม่อย่างนั้นจะไม่มีทางหวนกลับได้”
ชีซาไม่เห็นด้วยกับการจู่โจมศูนย์วิจัยของเบอร์เกนโดยตรง หนึ่งก็คือสถานการณ์ภายในศูนย์วิจัยพวกเขาไม่รู้อะไรเลย สองคือเบอร์เกนเจ้าเล่ห์ ใครจะไปรู้ว่าจะมีกับดักอะไรรอพวกเขาอยู่ไหม
จิ้นเฟิงเฉินหลับตา พูดเสียงเคร่งเครียด “ผมขอคิดดูก่อน”
เห้อซูหานคิดไปคิดมา พูดว่า “คุณชาย คุณฝู้น่าจะรู้สถานการณ์ภายในศูนย์วิจัยดี พวกเราจะหาเขาให้มาช่วยไหม?”
ได้ยินแล้ว จิ้นเฟิงเฉินลืมตา หันไปมองเขา “ได้ ลองติดต่อเขาดู”
เห้อซูหานก็ยิ้ม “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมติดต่อเขาก่อน”
“อืม ดูว่าเขาพูดยังไง ถ้าไม่ได้จริงๆ ผมไปเจอเขาด้วยตัวเอง”
“ได้”
เห้อซูหานติดต่อกับฝู้จิงเหวิน อธิบายสถานการณ์แล้ว ในโทรศัพท์นั้นเงียบไปพักใหญ่
นานจนเห้อซูหานนึกว่าฝั่งโน้นวางสายแล้ว
“คุณฝู้?” เขาลองเรียกดู
“อืม ผมอยู่”
“คุณพิจารณาได้ยังไงบ้าง?”
“ผมอยากคุยกับจิ้นเฟิงเฉินเอง”
เห้อซูหานมองจิ้นเฟิงเฉิน แล้วตอนว่า “ได้ เจอกันคืนนี้”
หลังจากวางสายแล้ว เห้อซูหานพูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “คุณฝู้อยากคุยกับคุณเอง”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า
……
คืนนั้น จิ้นเฟิงเฉินมาถึงคอนโดที่ฝู้จิงเหวินอยู่
เหมือนกับครั้งที่แล้ว เขาแต่งตัวเป็นพนักงานร้านพิซซ่า
ฉวยโอกาสตอนที่คนชุดดำที่เฝ้าฝู้จิงเหวินไม่ได้สังเกต ทุบจนสลบ
“ลำบากคุณแล้ว”
ฝู้จิงเหวินเห็นเขาแต่งตัวเป็นพนักงานร้านพิซซ่า รู้สึกตลกอย่างบอกไม่ถูก
เขาเป็นถึงประธานบริษัทจิ้นซื่อ เคยใส่เสื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“สถานการณ์คุณเป็นยังไงบ้าง?” ฝู้จิงเหวินถามอย่างตามตรง
“เหมือนเดิม” ฝู้จิงเหวินเทน้ำแก้วหนึ่ง เดินไปข้างหน้าเขา แล้วยื่นให้เขา
จิ้นเฟิงเฉินรับมา ถามต่อ “คุณรู้ไหมว่าศาสตราจารย์คูรี่วิจัยยาออกมาแล้ว?”
“อะไร?” ฝู้จิงเหวินสีหน้าตกใจ
“ดูแล้วเหมือนคุณไม่รู้”
ฝู้จิงเหวินยิ้มแหยๆ “ผมไม่รู้จริงๆ เพราะว่าศาสตราจารย์คูรี่ไม่ให้ผมเข้าใกล้ห้องทดลอง”
ตอนแรกเขานึกว่าเข้าร่วมทีมวิจัยของศาสตราจารย์คูรี่ ก็จะได้สัมผัสกับศูนย์กลางของศูนย์วิจัย แต่ว่าศาสตราจารย์คูรี่ป้องกันแน่นหนาเกินไป ไม่เชื่อใจเขาแม้แต่น้อย
จิ้นเฟิงเฉินวางแก้วไว้บนโต๊ะน้ำชา มองเขาเหมือนอยากยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เพราะฉะนั้น ผมไม่ได้คาดหวังพวกเขาให้คุณไปสัมผัสกับศูนย์กลางความลับของพวกเขา”
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว “คุณแน่ใจหรือว่าจะจู่โจมศูนย์วิจัยพวกเขาโดยตรง?”
“อืม ตอนนี้ก็มีแค่วิธีนี้แล้ว”
ถ้าหากยังมีวิธีอื่น เขาก็ไม่เลือกวิธีที่เสี่ยงขนาดนี้