วันต่อมา
เจียงสื้อสื้อบอกแม่จิ้นว่าตนเองจะไปเมืองหลวง แม่จิ้นขัดขวางเธอทันที
“แผลของเธอยังไม่หายเป็นปกติดี ไปทำอะไรที่เมืองหลวง” แม่จิ้นน้ำเสียงดุเล็กน้อย ดูแล้วน่าจะไม่ค่อยพอใจ
“แม่” เจียงสื้อสื้อควงแขนเธอ “แม่ไม่อยากให้เฟิงเฉินกลับบ้านเร็วขึ้นเหรอคะ”
“ฉันอยากแน่นอน” แม่จิ้นดึงมือของเธอมา กุมเอาไว้ ถอนหายใจเบาๆ “แต่ร่างกายของเธอก็สำคัญเหมือนกัน เรื่องของเฟิงเฉินก็ให้พวกของเฟิงเหราจัดการไป เธออยู่บ้านพักฟื้นให้แผลหายดีเถอะ”
“แม่ ฉันต้องไปพบซ่างกวนหยวนด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่อาจอยู่บ้านอย่างสงบสุขได้”
เจียงสื้อสื้อยืนกรานหนักแน่นมาก เธออยากรู้เรื่องเฟิงเฉินมาก อยากรู้ว่าตกลงเฟิงเฉินเป็นอย่างไรกันแน่
แม่จิ้นลังเลขึ้นมา
ถ้ายอมให้เธอไป แล้วเกิดไม่ระวังทำให้แผลเป็นอะไรขึ้นมา อย่างนั้นก็แน่เลย
แต่ถ้าไม่ยอม เธออยู่ที่บ้านก็ไม่อยู่ไม่สุขจริง
“แม่ แม่ก็ยอมตกลงให้ฉันไปนะคะ” เจียงสื้อสื้อเขย่ามือเธอ พูดอย่างออดอ้อน
ตอนนี้ พ่อจิ้นก็พูดออกมา
“คุณก็ให้สื้อสื้อไปเถอะ มีเฟิงเหราอยู่ด้วย ไม่มีอะไรหรอก”
ได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อหันหน้าไป เอ่ยขอบคุณพ่อจิ้น “พ่อ ขอบคุณค่ะ ยังไงพ่อใจดีเหมือนเดิม”
“หืม” แม่จิ้นขมวดคิ้ว แกล้งทำเสียงไม่พอใจว่า “เธอหมายความว่าฉันไม่ดีเหรอ”
เจียงสื้อสื้อจึงได้รู้ตัวว่าตนเองพูดผิด รีบฉีกยิ้มประจบเอาใจ“แม่ เปล่านะคะ แม่กับพ่อล้วนดีเป็นพิเศษเลยค่ะ หนูชอบพวกคุณที่สุดเลย”
“เอาละ ไม่ต้องมาไม้นี้ แม่จิ้นเหล่มองเธออย่างไม่สบอารมณ์ เผยให้เห็นรอยยิ้มที่อับจนหนทาง “ก็ได้ เธออยากไปก็ไป แต่ต้องระวังแผลด้วย อย่าให้เกิดเรื่องอะไร รู้มั้ย”
“หนูรู้ ขอบคุณค่ะแม่”
ดังนั้น เจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเหรา แล้วก็ฟางยู่เชินและกู้เนี่ยนเดินทางไปเมืองหลวงพร้อมกัน
เมื่อถึงเมืองหลวง พวกเขาก็ตรงไปที่บ้านตระกูลซ่างกวน
สำหรับการมาของพวกเขา ซ่างกวนเชียนไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่คาดเอาไว้แล้ว
“พ่อบ้าน คุณไปรินน้ำชา”
ซ่างกวนเชียนสั่งพ่อบ้านเสร็จ จึงหันหน้าไปมองพวกของเจียงสื้อสื้อ มุมปากกระดกเล็กน้อย “ผมคิดว่าพวกคนจะมาช้ากว่านี้อีกสองสามวัน คิดไม่ถึงว่าจะมาหาผมเร็วขนาดนี้”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้วทันที “ดูท่าคุณคงรู้จุดประสงค์ที่พวกเรามาหาคุณแล้ว”
“นั่งลงก่อนเถอะ พวกเราค่อยๆคุยกัน”
รอจนทุกคนนั่งลงแล้ว ซ่างกวนเชียนจึงได้เอ่ยอย่างเนิบๆว่า “เรื่องของประธานจิ้น ผมต้องขออภัย แทนน้องสาวของผมด้วย”
“ตอนนี่สิ่งที่พวกเราต้องการไม่ใช่คำขอโทษ แต่อยากจะรู้ว่าตอนนี้น้องเขยผมเป็นอย่างไรบ้าง” ฟางยู่เชินพูด
ซ่างกวนเชียนนิ่งเงียบอยู่สักพัก จึงเอ่ยปากพูดออกมาสามคำ“เขาสบายดี”
เจียงสื้อสื้อรีบร้อนขึ้นทันที แสดงเจตนาออกมาตรงๆ “คุณซ่างกวนคะ คุณช่วยเกลี้ยกล่อมหยวนหยวน ให้เธอคืนเฟิงเฉินให้ฉันได้มั้ย”
ซ่างกวนเชียนหันไปมองเธอ หัวเราะเบาๆ ในรอยยิ้มเต็มไปด้วยเยาะหยัน “คืนให้คุณเหรอ คุณคิดว่าเป็นไปมั้ย”
เจียงสื้อสื้อพูดไม่ออก
ใช่สินะ ซ่างกวนหยวนจะคืนเฟิงเฉินให้เธอได้อย่างไรกัน
จิ้นเฟิงเหราตบเบาๆที่หลังเธอแสดงความหมายว่าเธออย่าเพิ่งใจร้อน แล้วจึงพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณซ่างกวน คุณช่วยบอก สภาพอาการของพี่ชายผมได้มั้ยครับ”
“เขาสบายดี”
สามคำนี้อีกแล้ว
คิ้วของจิ้นเฟิงเหราขมวดเข้าหากันแน่น“ถ้าเขาสบายดี ทำไมเขาไม่กลับมาด้วยตัวเอง”
เห็นชัดว่าคนถูกซ่างกวนหยวนควบคุมตัวไว้ ยังจะบอกว่าสบายดี เป็นเรื่องไร้สาระที่น่าขำมากเลย
ซ่างกวนเชียนจ้องเขาครู่หนึ่ง จึงอธิบายว่า “เขาจำไม่ได้ว่าตนเองคือใคร”
“อะไรนะ”
เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเหราร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกัน
“ที่คุณพูดนี้หมายความว่าอะไร” เจียงสื้อสื้อซักไซ้
“ก็หมายความอย่างที่พูด”
เจียงสื้อสื้อหัวเราะออกมา หัวเราะด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ความหมายของคุณของคงไม่ใช่จะบอกว่าเฟิงเฉินความจำเสื่อมหรอกนะ เรื่องบ้าแบบนี้ ใครจะไปเชื่อ”
ซ่างกวนเชียนพูดอย่างไม่ตื่นตระหนกว่า “ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ความจริงก็เป็นแบบนี้”
เจียงสื้อสื้อยังไม่เชื่อว่าจิ้นเฟิงเฉินจะความจำเสื่อม ถ้าเป็นเรื่องจริง พอคิดว่าเขาลืมตนเองไปแล้ว หัวใจก็เหมือนถูกคนบีบอย่างแรง เจ็บจนยากจะทนรับไหว
“ซ่างกวนหยวนทำอะไรกับเขา ใช่มั้ย” ฟางยู่เชินถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ซ่างกวนเชียนพยักหน้า “ตัวเธอเองทำวิจัยเรื่องเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เธอมีความสามารถที่จะทำให้คนเราลืมอดีตได้”
“เธอทำอย่างนั้นได้ยังไง” น้ำตาที่ร้อนผ่าวค่อยๆไหลลงมาจากหางตาเจียงสื้อสื้อ
นั่นคือเฟิงเฉินของเธอนะ
ซ่างกวนหยวนมีสิทธิ์อะไรมาแย่งเขาไป
ฟางยู่เชินโอบไหล่ของเธอ ปลอบเธอโดยไม่ส่งเสียง
ผู้ชายสามคนที่นั่งอยู่มองเห็นเธอร้องไห้ ในใจก็คงมีความเจ็บปวดอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
เพราะความเห็นแก่ตัวของซ่างกวนหยวน ทำลายสามีภรรยาคู่หนึ่งที่รักกันอย่างมีความสุขต้องพรากจากกัน ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าซ่างกวนหยวนทำเกินไป
“คุณซ่างกวน คุณช่วยอะไรพวกเราหน่อยได้มั้ยครับ” ฟางยู่เชินถามอย่างไม่อ้อมค้อม
ซ่างกวนหยวนหัวเราะเบาๆ “ผมได้ช่วยคุณอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว นึกออกว่าที่เขาบอกว่าช่วยของเขาคืออะไร ก็หัวเราะไม่หยุด “ที่แท้ก็เป็นความตั้งใจของคุณเอง”
“บอกพวกคุณอย่างไม่ปิดบัง ผมเคยเกลี้ยกล่อมหยวนหยวนแล้ว แต่ตั้งแต่เด็กเธอก็ไม่เคยเชื่อฟังคำพูดของผม ขนาดคุณย่าของผมตอนนี้ป่วยหนักอยู่บนเตียง ให้เธอกลับมาเยี่ยม เธอยังไม่ยอมเลย”
ซ่างกวนเชียนหัวเราะเยาะตนเอง
“ฉันจะไปพบเธอ” จู่ๆเจียงสื้อสื้อก็โพล่งออกมา
จิ้นเฟิงเหราหันไปมองเธอ“พี่สะใภ้ คุณอย่าเพิ่งวู่วาม ถ้าเธอเจอพี่แล้ว ก็คงไล่พี่ไป จากนั้นก็พาพี่ชายผมไปซ่อนที่อื่นอีก”
“เขาบอกว่าเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมซ่างกวนหยวนได้ อย่างนั้นฉันก็จะไปพบเธอบ้างสิ” เจียงสื้อสื้อตอนนี้ในใจมีแต่ความร้อนใจอยากจะเอาตัวจิ้นเฟิงเฉินกลับมา
“สื้อสื้อ ฟังพี่ก่อน เธอไปพบเธอ ก็ไม่มีประโยชน์” ฟางยู่เชินถอนหายใจ “ซ่างกวนหยวนรักเฟิงเฉินมาก ดังนั้นจึงได้เสี่ยงเอาตัวคนไป”
ราวกับได้ยินเรื่องที่น่าขันที่สุดในโลกอย่างนั้น เขียงสื้อสื้อหัวเราะออกมา “อย่างเธอนั้นไม่เรียกว่ารัก แต่เป็นลักพาตัว”
จากนั้น เธอมองไปที่ซ่างกวนเชียน พูดด้วยท่าทางหนักแน่นว่า “ในเมื่อคุณเกลี้ยกล่อมเธอไม่ได้ อย่างนั้นคุณก็พาฉันไปพบเธอ”
“ผมไม่มีทางพาคุณไป” ซ่างกวนเชียนปฏิเสธ
“ทำไม” เจียงสื้อสื้อตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “หรือว่าคุณอยากช่วยเธอ”
ซ่างกวนเชียนยิ้ม “ถ้าผมอยากช่วยเธอ ก็คงไม่ปล่อยให้พวกคุณถ่ายรูปเขาได้หรอก”
คิ้วเรียวของเจียงสื้อสื้อขมวดแน่น มองเขาอย่างสงสัย “งั้นตกลงคุณหมายความว่าอะไรกันแน่”
ซ่างกวนเชียนสูดลมหายใจเข้าลึกไป ค่อยๆพูด อย่างสุขุมว่า “ผมจะกล่อมเธอต่อไปเรื่อยๆ ครั้งนี้อาการของคุณย่ารุนแรงมาก ผมคิดว่าเธอจะกลับมาเยี่ยม”
ความจริงแล้วซ่างกวนเชียนก็ไม่กล้ายืนยัน เขาแค่อยากจะเดิมพันดูสักครั้ง ถ้าซ่างกวนหยวนพาจิ้นเฟิงเฉินกลับมาเมืองหลวงด้วย อย่างนั้นเรื่องนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องมีบทสรุปได้แล้ว
จิ้นเฟิงเหราและฟางยู่เชินสบตากัน “ต้องการให้พวกเราทำยังไง”
“พวกคุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร อะไรที่ควรจะสืบก็สืบต่อไป ถึงเวลาผมจะติดต่อพวกคุณเอง”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ได้ งั้นพวกเราจะรอข่าวดีจากคุณ”