The king of War – บทที่ 271 พูดจริงรึเปล่า

บทที่ 271 พูดจริงรึเปล่า

หยางเฉินพูดจบ เขาก็กลับเข้าไปในรถ

หลังจากที่รถถูกขับออกไปสิบกว่าเมตร จู่ๆ เสียงของหยางเฉินได้ก็ดังขึ้น “ถ้าอย่างหลุดพ้นจากสมาคมบูโดอย่างสมบูรณ์ละก็ พรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้า ไปหาผมที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป!”

มองดู Phaetonที่ค่อยๆ จากไป แววตาของหันซวนก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน

จนกระทั่งรถของหยางเฉินหายไปจากสายตาแล้ว เธอถึงได้พูดออกมาเบาๆ ว่า “ขอบคุณ!”

กับหันซวนนั้น หยางเฉินก็คาดหวังในตัวเธออยู่เหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้ความสามารถที่สูงมาก แถมเธอยังเป็นหลานสาวของอิงเลียแห่งชายแดนเหนืออีก ก็คงไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร

ถ้าได้รับการฝึกฝนอีกนิดหน่อย บางทีเธออาจจะกลายเป็นมีดทรราชอีกคนก็ได้

วันต่อมา ตอนที่หยางเฉินเพิ่งมาถึงเยี่ยนเฉินกรุ๊ป เขาก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคย ซึ่งคนคนนั้นก็คือหันซวนนั่นเอง

ถึงแม้จะไม่ได้ใส่ชุดพรางตัวสีดำแบบเมื่อคืนแล้ว แต่เสื้อผ้าที่ใส่ในวันนี้ก็ยังคงเป็นโทนดำอยู่ดี

กางเกงรัดรูปสีดำ เสื้อยืดสีดำ และรองเท้ากีฬาสีดำ

เดิมทีเธอก็เป็นคนที่ฝึกวรยุทธอยู่แล้ว การที่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปทั้งตัวนั้น มันก็เผยให้เห็นทรวดทรงที่งดงามของเธอ

หยางเฉินนั้นรู้ดี ว่าการที่เธอแต่งตัวแบบนี้นั้น ไม่ได้ต้องการเปิดเผยทรวดทรงที่น่าดึงดูดของเธอ แต่เธอแค่ต้องการรักษาประสิทธิภาพในการต่อสู้ให้อยู่ในจุดสูงสุดเท่านั้น

จนมาถึงที่ชั้นบนสุด ในห้องทำงานของประธาน

หยางเฉินถึงได้พูดออกมาว่า “ดูแล้ว คุณน่าจะทำการตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว”

หันซวนถาม “คุณมีวิธีจริงๆ เหรอ ที่ทำให้ฉันสามารถหลุดพ้นจากสมาคมบูโดได้อย่างสมบูรณ์?”

หยางเฉินขำออกมา “ทำไม ไม่เชื่อใจผมอย่างนั้นเหรอ?”

หันซวนส่ายหน้า แล้วพูดไปว่า “สมาคมบูโดนั้น ยิ่งใหญ่และลึกลับมาก มีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วโลก ขนาดแปดประตูแห่งเย็นตูก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับสมาคมบูโดเลย”

เมื่อคืนเธอเพิ่งประจักษ์ในความแข็งแกร่งของหยางเฉิน แต่ความเลวร้ายของสมาคมบูโดที่อยู่ในใจเธอนั้นมันมากเกินไป เธอยังคงกังวลว่าตัวเองจะทำให้หยางเฉินต้องเดือดร้อน

ไม่ใช่เพราะเธอรู้สึกเห็นอกเห็นใจเขา แต่เป็นเพราะเธอเข้าใจดี ว่าหยางเฉินนั้นมีความเกี่ยวข้องกับคุณปู่ของตัวเอง

สำหรับเธอแล้ว อะไรก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับคุณปู่ของเธอ เธอก็จะปกป้องสิ่งนั้นด้วยชีวิต

หยางเฉินขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ยังคงยืนยันคำเดิม ถ้าพวกมันรนหาที่ตาย ผมก็ไม่ขัดข้องที่จะกระทืบสมาคมบูโดให้จมดิน!”

น้ำเสียงของหยางเฉินนั้นองอาจอย่างถึงที่สุด มันไม่ใช่ความบ้าบิ่น แต่เป็นความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งที่ตัวเองมีต่างหาก

“ฉันขอถามคุณเป็นคำถามสุดท้าย คุณกับคุณปู่ของฉัน มีความเกี่ยวข้องอะไรกันแน่?” จู่ๆ หันซวนก็ถามออกมาอีกครั้ง

นี่ต่างหากเป็นเหตุผลจริงๆ ที่เธอมาหาหยางเฉินในวันนี้ และคำตอบของหยางเฉินก็เป็นตัวตัดสินว่าเธอนั้นจะยอมติดตามหยางเฉินรึเปล่า

แววตาของหยางเฉินค่อยๆ เคร่งขรึมลงไป มีความคิดถึงปะปนอยู่ในนั้น และมีความตื่นเต้นแผงอยู่ในนั้นด้วย ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้พูดออกมาว่า “ผมมาจากชายแดนเหนือ มีดทรราชจึงถือเป็นผู้อาวุโสของผม!”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ความระแวงที่หันซวนมีต่อหยางเฉิน ตอนนี้ มันก็ได้สลายหายไปแล้ว

เธอรู้ดีว่าชายแดนเหนือนั้นเป็นสถานที่แบบไหน บางที่อาจเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากคุณปู่ ชายแดนเหมือนจึงได้กลายเป็นเป้าหมายของเธอตั้งแต่เด็กแล้ว

แต่เป็นเพราะเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้บางอย่าง เธอจึงต้องเข้าไปอยู่ในสมาคมบูโด

“คุณช่วยชีวิตของฉันไว้ ตั้งแต่วันนี้ไป ชีวิตของฉัน มันได้เป็นของคุณแล้ว!”

จู่ๆ หันซวนก็พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับสีหน้าที่จริงจังอย่างถึงที่สุด

แม้แต่หยางเฉิน ยังรู้สึกตกใจกับการกระทำของหันซวนเลย

การที่เขาให้หันซวนมาพบนั้น เดิมที่ก็ต้องการให้หันซวนมาติดตามเขาอยู่แล้ว มีแค่ทางนี้ทางเดียว ที่จะทำให้สมาคมบูโดนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้กลัวอีก

ไม่นึกเลยว่า หันซวนจะเป็นฝ่ายพูดว่าจะติดตามเขาเอง นี่มันก็ทำให้เรื่องที่หยางเฉินต้องทำน้อยลงไปมากเลย

“เมื่อคืน ผมได้ยินคนพวกนั้นบอกว่า คุณทรยศสมาคมบูโด เรื่องนี้มันยังไงกันแน่?” จู่ๆ หยางเฉินก็ถามออกมา

หันซวนตอบมาอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย “อาทิตย์ที่แล้วหลังจากที่คุณชิงมีดทรราชไป ฉันก็มาคิดทบทวนตัวเอง คุณพูดไว้ไม่มีผิด ฉันมันไม่คู่ควรกับมีดทรราช!”

“ด้วยเหตุนี้ คุณจึงออกจากสมาคมบูโด แต่พวกมันกลับไม่ยอมปล่อยคุณไปสินะ?” หยางเฉินถาม

หันซวนพยักหน้า พร้อมกับสีหน้าที่บึ้งตึง “ระหว่างที่อำนาจของสมาคมบูโดเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น หลายปีมานี้พวกเขาก็ได้ทำเรื่องสกปรกไปมากมาย”

“ความจริงฉันคิดที่จะออกจากที่นั่นมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ถึงบทสรุปของการออกมาดีว่าเป็นยังไง ดังนั้นฉันจึงทำงานให้พวกเขมาโดยตลอด จนได้มาพบคุณ มันจึงทำให้ฉันตัดสินใจที่จะออกมาได้”

กับสมาคมบูโดนั้น หยางเฉินก็ไม่ได้รู้อะไรเลย จึงได้ถามไปว่า “สรุปแล้วสมาคมบูโดนั้นเป็นองค์กรแบบไหนกันแน่?”

“สมาคมบูโด มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ในนามของบูโด พวกเขาก็ได้รวบรวมผู้แข็งแกร่งจากบูโดจากที่ต่างๆ สี่คนที่คุณเจอเมื่อคืน ต่างก็เป็นสมาชิกที่อยู่ในมณฑลเจียงผิง”

“นอกจากมณฑลเจียงผิงแล้ว มณฑลอื่นๆ ต่างก็มีสาขาของสมาคมบูโดกระจายอยู่ ส่วนคนที่ดูแลในแต่ละมณฑลนั้นจะถูกเรียกว่าหัวหน้าสาขา มีฝีมือที่แข็งแกร่งมาก จะรับคำสั่งโดยตรงจากผู้นำของสมาคมบูโดเท่านั้น”

“หลายปีมานี้ สาขาของมณฑลเจียงผิงนั้นได้ทำเรื่องชั่วร้ายไว้มากมาย ไม่เพียงแอบรับเงินเพื่อลอบสังหาร แถมยังแอบช่วยเหลือพวกตระกูลเศรษฐีระดับสูงด้วย”

“และสิ่งที่บัดซบที่สุดคือ พวกเขาได้จัดส่งสาวงามที่มีระดับให้กับตระกูลเศรษฐีระดับสูงบางตระกูลอย่างลับๆ ด้วย และสาวงามพวกนี้ ส่วนใหญ่ต่างก็ถูกบังคับทั้งนั้น”

หันซวนนั้นแผ่รังสีหนาวเย็นออกมาทั้งตัว กับการกระทำทุกอย่างของสมาคมบูโดนั้น เธอรู้สึกโมโหมาก

หลังจากที่หยางเฉินได้ยินสิ่งที่เธอพูดมาแล้ว ความรู้สึกโกรธก็ปะทุขึ้นในใจ

โดยเฉพาะเรื่องสุดท้ายที่หันซวนพูดถึง มันยิ่งทำให้เขาโกรธอย่างถึงที่สุด

นี่มันก็คือสิ่งที่เขาตามสืบมาโดยตลอดไม่ใช่รึไง?

“ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง ถึงว่าจับตาดูตระกูลเว่ยมานานขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรที่มันเป็นประโยชน์เลย ที่แท้คนที่อยู่เบื้องหลังก็คือสมาคมบูโด!” ประกายเยือกเย็นปรากฏขึ้นในแววตาของหยางเฉิน

เขาได้ส่งคนไปจับตาดูตระกูลเว่ยมานแล้ว ถึงแม้จะมีข้อมูลถูกส่งมาตลอด แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการจัดส่งสาวงามเลยสักนิด

“สาขาของสมาคมบูโดในมณฆลเจียงผิงอยู่ที่ไหน?” จู่ๆ หยางเฉินก็ถามออกมา

“อยู่ที่เมืองเอก!” หันซวนตอบกลับ

“คุณกลับไปพักฟื้นร่างกายก่อน อีกสักพักหนึ่ง ผมจะไปที่สาขาของมณฑลเจียงผิงด้วยตนเองสักรอบ”

หยางเฉินมองไปยังแขนของหันซวนที่ถูกพันไว้ จากนั้นค่อยพูดไป

หันซวนรู้สึกใจหาย จึงรีบพูดไปว่า “คุณหยางคะ คุณห้ามไปเด็ดขาดนะคะ!”

“ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ?”

หยางเฉินถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์

หันซวนพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “ผู้แข็งแกร่งของสาขานั้นมีเยอะมาก ต่อให้คุณสามารถทำลายสาขาของมณฑลเจียงผิงลงได้ แต่ในโลกใบนี้ ยังมีสาขาอีกเป็นร้อย ยังไงคุณก็คงทำลายได้ไม่หมดหรอกจริงมั้ย?”

“คุณกลับไปพักฟื้นร่างกายก่อน ส่วนเรื่องนี้ค่อยมาว่ากันทีหลัง!” หยางเฉินพูดออกมาอย่างใจเย็น

เขารู้ดีอยู่แล้ว ว่าถ้าทำลายสาขาของสมาคมบูโดที่อยู่ในมณฑลเจียงผิงไปแล้วจริงๆ มันก็จะทำให้เขาต้องพบเจอกับปัญหาใหญ่แน่นอน

แต่พอนึกถึงสิ่งที่พวกนั้นทำ หยางเฉินก็มีความรู้สึกที่อยากจะกระทืบสมาคมบูโดให้จมดินในตอนนี้เลย

แต่เขาก็เข้าใจดี ว่าด้วยกำลังของเขาคนเดียว มันไม่เพียงพอแน่นอน

ไม่อย่างนั้น สมาคมบูโดจะอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไงล่ะ?

ถึงหันซวนจะรู้สึกเป็นกังวล แต่เธอก็รู้ดี ว่าหยางเฉินนั้นไม่ใช่คนธรรมดา

ในเมื่อตอนนี้เธอก็ได้เข้ามาเป็นพวกของหยางเฉินแล้ว ถ้าอย่างนั้นต่อให้จะเป็นภัยอันตรายแบบไหน ถ้าหยางเฉินบอกให้เธอไป เธอก็จะไปโดยที่ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเลยด้วยซ้ำ

ในเวลาเดียวกัน ในชุมชนเทียนฉวน ณ บ้านเลขที่1-2-1602

มันก็คือบ้านที่ฉินต้าหย่งเช่าอาศัยอยู่ โจวยู่ชุ่ยกำลังดูทีวีอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“มาแล้ว!”

โจวยู่ชุ่ยรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว พอเปิดประตู ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น

“เหม่ยหลิง เธอมาแล้ว! รีบเข้ามาเร็ว!”

โจวยู่ชุ่ยพูดอย่างกระตือรือร้น

“คุณป้าคะ ก่อนหน้านี้ก่อนที่คุณป้าจะออกจากเมืองโจวเฉิง คุณป้าเคยบอกไว้ว่ามีวิธีที่จะจัดการกับหยางเฉิน ที่ป้าพูดมามันจริงมั้ยคะ?”

พอเจิ้งเหม่ยหลิงเข้ามา เธอก็ถามขึ้นมาทันที ตอนที่ถามออกมา แววตาของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท