เด็กจะมีแรงสักแค่ไหน
ถึงแม้ตอนนี้ซีซีทั้งตื่นเต้นและโกรธมากจริงๆ และอยากจะดิ้นให้หลุด แต่สำหรับผู้ชายวัยโตเต็มที่แล้ว ด้วยแรงอันน้อยนิดแบบนี้แทบจะไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย
เขาไม่คิดมากแล้วแบกเตียวเตียวและอุ้มซีซี เดียวเพียงสองสามก้าวก็ออกไปจากห้องแล้ววางเด็กน้อยลงที่ทางเดินและพูด “ให้แม่ได้พักก่อนนะ พวกลูกสองคนไปเล่นกันก่อน!”
พูดจบก็หันกลับเข้าไปในห้อง ปิดและล็อกประตูห้องไป
ส่วนเด็กๆ นั้นมีพี่เลี้ยงคอยดู และซูย้าวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ซูย้าวนอนอยู่บนเตียงและยังคงเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น ผ้าห่มถูกเธอเตะจนตกลงไปที่พื้นนานแล้ว แม้แต่หมอนก็ไม่เว้น
ร่างกายที่อ่อนแอของเธอเป็นเหมือนวิญญาณที่ถูกดึงออกจากร่าง และร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เธอต้องการที่จะทน เธอต้องอดทน และเธอต้องไม่ยอมแพ้ เขาบอกแล้วว่าผ่านช่วงนี้ไปแล้วจะดีขึ้น…
ซูย้าวกัดมือซ้ายของตัวเองอย่างแรง ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บและเพิ่มความเจ็บปวดให้ร่างกายของเธอ แต่มันก็เทียบไม่ได้กับความเจ็บที่ไม่รู้มาจากไหน แล้วจะไปนับประสาอะไร?
เธอต้องการจะมีสติ เธอต้องไม่สูญเสียความตั้งใจ เธอต้องอดทน!
ลี่เฉินซีพุ่งตัวเข้ามา มือซ้ายของเธอถูกกัดจนเลือดไหล เขาขมวดคิ้วด้วยความปวดใจและแทบจะไม่ลังเลที่จะเอามือเธอออกแล้วยื่นแขนของตัวเองไปที่ข้างปากเธอ “กัดฉัน ไม่เป็นไร ฉันยอมเจ็บไปพร้อมเธอ…”
ซูย้าวในตอนนี้ เธอมีเหตุผลและคิดมากขนาดนั้นที่ไหนกัน เธอแค่ต้องการหาที่ระบาย โดยธรรมชาติแล้วเธอไม่สนใจเขาและกัดแขนเขาทันที
ร่างกายสั่นสะท้านราวกับตะแกรง เธอตัวสั่นสะท้านซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอ้อมแขนเขา แม้แต่ฟันขาวที่กัดแขนเขาก็ขย้ำไม่หยุด บอกไม่ได้ว่าเธอใช้แรงหรือเป็นปฏิกิริยาของร่างกายทำให้เกิดการกระแทก
แต่ผ่านไปไม่นานที่ด้านนอกก็มีเสียงของเด็กสองคนดังเข้ามา
“แม่!” เสียงซีซีร้องตะโกนดังจนแทบจะสุดเสียงของตัวเอง “แม่ แม่เป็นยังไงบ้าง?”
เตียวเตียวก็ตะโกน “คุณน้า คุณน้า…”
จากนั้น เด็กทั้งสองใช้ร่างผอมบางของพวกเขาอย่างสิ้นหวังและกระแทกเข้ากับแผงประตู พยายามจะบุกเข้าไปในห้อง
เตียวเตียวนั้นไม่สนใจอะไรแล้ว เขาใช้แรงทุบประตูเสียงดัง “ปังๆ” “คุณน้า คุณน้าเป็นอะไรกันแน่? ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
“แม่! แม่ไม่ต้องการซีซีแล้วเหรอ? ซีซีจะหาแม่…” ซีซีร้องไห้อย่างเจ็บปวดและตะโกนไม่หยุด
พี่เลี้ยงและพ่อบ้านที่ได้ยินเสียงวิ่งขึ้นมาดู เมื่อเห็นภาพนี้แล้วได้แต่ปวดใจและรีบเข้าไปขวางไว้ “คุณหนูน้อย คุณชายน้อย หยุดร้องเถอะนะคะ หากคุณซูได้ยิน เธอจะเป็นกังวลนะคะ!”
ซีซีร้องไห้จนหอบแต่ยังคงร้องตะโกนอยู่หน้าประตู “แม่…”
พ่อบ้านขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดใจแล้วอุ้มซีซีลงไปข้างล่างพร้อมกับปลอบและได้แต่ถอนใจ นี่มันเรื่องอะไรกันนะ? เห็นๆ อยู่ว่าครอบครัวได้กลับมาพร้อมหน้า ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้? นี่มันเวรกรรมรึไง?
เด็กๆ ตัวน้อย เตียวเตียวทุบประตูสุดแรง หากไม่ใช่มีพี่เลี้ยงขวางไว้ ก็ไม่รู้ว่าเด็กน้อยจะทำอะไรบ้าง
ภาพแบบนี้ สำหรับพวกเขาที่เป็นคนนอก เห็นแล้วต่างก็รู้สึกเจ็บปวดใจแล้วนับประสาอะไรหากเป็นซูย้าวมาเห็นเข้า จะทุกข์ใจมากแค่ไหน!
ภายในห้อง ลี่เฉินซีกอดซูย้าวแน่น แต่เธอก็ยังตัวสั่นไม่หยุดพร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาวลง ลมหายใจที่ดูไม่สบายของเธอทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
เขาไม่กล้าจะลังเลอีกต่อไป ขณะปลอบโยนเธอ เขารีบยัดผ้าเช็ดตัวสะอาดแล้วเอาเข้าปากเธอ “กัดไว้!”
เขากลัวจริงๆ ว่าเธอจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วกัดลิ้นตัวเองเข้า!
ถึงแม้ว่าเขาจะเจออาการแบบนี้ของเธอมาก่อนแล้วในรถ แต่ตอนนั้นยังดีที่เธอยังพอมีสติอยู่บ้าง แต่นอนนี้ รูม่านตาของเธอขยายออกมากขึ้นเรื่อย ๆ และสติสัมปชัญญะเล็กๆ น้อยๆ ที่แทบจะไม่เหลืออยู่ในใจของเธอก็สลายไปภายใต้ความเจ็บปวดที่กระทบร่างกายของเธอ
เธอไม่มีความคิดใดๆ เหลืออยู่แล้ว ที่เหลืออยู่มีเพียงความเจ็บปวดในตัวเธอและเรี่ยวแรงมหาศาลที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ไม่เพียงแต่จะดึงผ้าเช็ดหน้าออกแต่เธอยังพลิกมือไปผลักตัวชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ได้
ลี่เฉินซีเองก็คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ เธอจะมีแรงเยอะขนาดนี้
เธอผลักเขากระเด็นออกไปเกือบจะสองเมตร
ในตอนที่เขากลับเข้ามาเธอดิ้นไปมาอยู่บนเตียงและใช้มือทึ้งเสื้อผ้า เจ็บ เจ็บเหลือเกิน ทั้งเจ็บทั้งคัน เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังแทะเธอ เหมือนกรดที่กำลังกัดกินเนื้อ ตาเฝ้ามองดูเนื้อที่เน่าเปื่อยแต่ทำอะไรไม่ได้เลย
ความรู้สึกเช่นนั้น เธอไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่เคยมีประสบการณ์หรือแม้แต่พบเห็นมาก่อน!
หัวใจของลี่เฉินซีกระชับขึ้นทันที โดยไม่ลังเล เขารีบวิ่งเข้าไปกดร่างกายของเธอไว้ จับแขนขาที่ดิ้นรนของเธอ และควบคุมแขนทั้งสองของเธอด้วยมือเดียว “ฉันรู้ว่าเธอเจ็บมาก ทรมานมาก แต่อย่าทำร้ายตัวเองอีก!”
หากเขาไม่ขวางเอาไว้แล้วปล่อยให้เธอทำอะไรตามใจไปเรื่อย ๆ เธอที่ไม่มีความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ภายใต้การควบคุม เล็บที่เรียวยาวของมือของเธอนั้นขูดและบาดจนรอยเลือดสีแดงก็ปรากฏบนตัวของเธอ!
ซูย้าวไม่รู้ตัว เขาเองก็ไม่อยากจะคุยเรื่องเหตุผลอะไรจึงได้จับเธอไว้แล้วดึงเนกไทของตัวเองออกมาแล้วมัดมือทั้งสองข้างของเธอ แล้วจับขาของเธอทั้งสองข้างเอาไว้ที่ยังคงดิ้นไปมาไม่หยุด จนตัวเขาเองเหงื่อออกเต็มตัวไปหมด เมื่อมองดูเธอแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังดิ้นอยู่ แต่ก็ยังดีที่ไม่สามารถทำร้ายตัวเองได้แล้ว…
ในเวลาสั้นๆ เขาลูบแก้มเธอ คนดีๆ ทั้งคนกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง! เมื่อเห็นเธอทุกข์ทรมานจากยาเสพติดทำร้ายตัวเองอยู่เรื่อย คลื่นความโกรธกระทบใจของเขาอย่างรุนแรง เขาแทบอยากจะบุกไปที่สถานกักกันในตอนนี้แล้วไปเล่นงานผู้หญิงคนนั้นหานฉ่ายหลิง!
นัยน์ตาสีแดงเข้มของชายผู้นั้นมืดมิด เขานั่งข้างๆ แล้วเอื้อมแขนไปโอบเธอ กังวลว่าการมัดเช่นนี้จะทำให้เธอไม่สบายตัว จึงเปลี่ยนให้เธออยู่ในท่าที่สบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขากอดเธอแน่น และฟังเธอพึมพำเป็นคำ ๆ “เจ็บ เจ็บ…”
เขาหลับตาอย่างเจ็บปวดใจ ความรู้สึกเช่นนี้ เขาอยากจะแบกรับความเจ็บปวดนี้ไว้แทนเธอทั้งหมด!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดซูย้าวก็นิ่งลง ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยฟื้นตัว แต่เรื่องดิ้นกับแรงที่มหาศาลก็น้อยลงมากอย่างเห็นได้ชัด
ประตูห้องถูกเคาะดังอีกครั้งและมีเสียงของพ่อบ้านดังมา “คุณผู้ชาย หมอหลี่มาแล้ว”
ลี่เฉินซีไม่ได้คิดอะไรมาก ลุกขึ้นทันที แต่เมื่อเขาเดินออกไปข้างนอก ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างอีกครั้ง เขาหันกลับมาที่ห้องแต่งตัวเพื่อหาเสื้อผ้าในบ้านและเปลี่ยนให้เธอ
เสื้อผ้าที่เธอใส่ก่อนหน้านี้มันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออีกทั้งยังหลุดลุ่ยเสียหายจนดูไม่ได้แล้วในตอนที่เธอดิ้น
เมื่อเห็นสภาพของเธอที่ดูดีขึ้นเขาจึงได้เดินไปเปิดประตู
หมอหลี่เป็นแพทย์เฉพาะทาง เมื่อเขามาก็ทำตรวจร่างกายของซูย้าวทันที หลังจากตรวจทุกอย่างแล้วก็ฉีดยาเพื่อให้เธอสงบลงและให้เธอพัก
ลี่เฉินซีเดินไปส่งหมอหลี่ที่ชั้นล่าง เมื่อทั้งสองคนเดินออกมาด้านนอกแล้ว หมอหลี่จึงพูดขึ้น “ผมไม่เคยรักษาคนไข้ที่ใช้ยาตัวนี้มาก่อน จะเลิกยาประเภทนี้ยังไง และควรจะทำการรักษาแบบไหน ผมยังต้องกลับไปทำการศึกษาและวิจัยจากผลเลือดของคุณซู แต่ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร”
“นี่เป็นเพียงยาแก้ปวดที่ให้ฤทธิ์แรงมาก และจำนวนปฏิกิริยาการถอนจะไม่มาก อาจประมาณหนึ่งหรือสองครั้ง โดยการรักษาด้วยยาน่าจะได้ผลเร็ว และดูเหมือนเลิกง่าย เพียงแต่หลังจากเลิกยาแล้ว ภายในระยะยาว ร่างกายของคุณซูจะได้รับความเสียหายจากยาตัวนี้ในเรื่องระบบความเจ็บปวด”
ดวงตาที่น่าเกรงขามของลี่เฉินซีจมลงครั้งแล้วครั้งเล่า “นี่หมายความว่ายังไง?”
“เป็นไปได้อยู่สองกรณี หนึ่งอาจมีการเพิ่มความสามารถของประสาทสัมผัสเรื่องความรู้สึกเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นอะไรเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับเธอจะรู้สึกเจ็บปวดมากเหมือนถูกถลกหนังและเจ็บปวดแทบทนไม่ไหว หรืออีกกรณีคือประสาทสัมผัสเรื่องความรู้สึกเจ็บปวดถูกทำลายเสียหายอย่างหนักจนตกอยู่ในสภาพคนที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ อีกเลย”
“คุณพูดอะไรน่ะ?” ลี่เฉินซีรู้สึกประหลาดใจ ถ้าเป็นแบบนี้ ชีวิตเธอจากนี้ต่อไป…
เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมเล็กน้อยของเขา หมอหลี่ก็รีบพูดขึ้น “คุณลี่ครับ คุณอย่าเพิ่งร้อนใจ สถานการณ์จะยังคงเป็นแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นระยะเลิกยาวหลายเดือนนี้ เมื่อได้รับการปรับและรักษาที่ดี สถานการณ์จะดีขึ้นและฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ”
พูดแบบนี้แล้วลี่เฉินซึจึงได้ถอนหายใจแล้วคุยกับหมอหลี่อีกเล็กน้อย แล้วให้คนไปส่งเขา ในขณะที่เขากำลังหันตัวกลับนั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น