บทที่ 32 คิดบัญชี
หลังจากส่งซูสวนกลับบ้าน เจียงชื่อก็รีบกินข้าวแล้วเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงชื่อตื่นนอนและออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ แล้วรีบไปยังเลขที่166ถนนเจียเวยร้านอาหารยวนยาง
เมื่อผลักประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงเจ้าของร้านพูด: “รับอะไรดีครับ?”
“ลุงเฉิง ผมเอง”
“คุณชายใหญ่?”
ร้านนี้เป็นร้านที่เฉิงไห่เปิดเอง ตั้งแต่หลังจากออกจากบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่ง คนมีอายุคนนึงอย่างเฉิงไห่ก็ไม่มีฝีมือด้านอื่น ฝีมือทำอาหารได้ไม่เลว จึงนำเงินที่สะสมไว้หลายปีมาเปิดร้านอาหารเล็กๆ
เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงสามวัน
เฉิงไห่รีบจัดแจงที่นั่งให้เจียงชื่อ และเสิร์ฟออเดิร์ฟให้สองสามอย่าง พร้อมเบียร์ทั้งลัง
เขารินเบียร์ให้เจียงชื่อหนึ่งแก้ว
“คุณชายใหญ่ ทำไมวันนี้ถึงว่างแวะมาได้?”
เจียงชื่อมองไปรอบๆ “ลุงเฉิง ร้านนี้ลุงทำได้ไม่เลวนี่”
“ไม่เลวอะไรกัน ก็แค่ที่ไว้กินข้าว”
เจียงชื่อดื่มเบียร์ไปหนึ่งอึก จากนั้นวางแก้วลง แล้วพูดด้วยท่าทีจริงจังมากๆ : “ลุงเฉิง ความสามารถอย่างลุงต้องมาเปิดร้านอาหารที่นี่ เสียดายความสามารถนะ”
เฉิงไห่หัวเราะ “ฉันอายุปูนนี้แล้ว ไม่อยากเข้าไปอยู่ในวงธุรกิจแล้ว เหนื่อย”
“แต่ว่า บริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งขาดลุงไม่ได้”
เฉิงไห่ถอนหายใจ “ตอนนี้บริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งเป็นของเหอเย่าหลง ฉันถูกไล่ออกแล้ว จะขาดฉันไม่ได้ได้ยังไงกัน?”
เจียงชื่อพูดอย่างจริงจัง: “วันนี้ผมมาหาลุง ก็เพื่อจะพูดเรื่องนี้ ผมมีแผนจะหุบบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งกลับคืนมา แล้วเปิดกิจการใหม่ แต่ในบริษัทด้านการจัดการ และการพัฒนาผมนั้นเป็นคนนอก ผมต้องการคนเข้ามาช่วยผม ลุงเฉิง ลุงเป็นคนที่มีความสามารถในด้านนี้ดีเยี่ยมที่สุด และก็เป็นคนที่ผมเชื่อใจที่สุด ผมหวังว่าลุงจะกลับไปช่วยผม”
เฉิงไห่โบกมือ “ฉันแก่แล้ว ไม่อยากทำแล้ว ให้พูดอีกอย่าง จะหุบบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งกลับมาได้ยังไง? อย่างน้อยก็ต้องใช้เงินจำนอง1.2พันล้านเป็นหนี้ก้อนโตเลยนะ ถอยกลับไปหมื่นก้าวแล้วมอง ถึงแม้ว่าเหอเย่าหลง ไม่ต้องการบริษัทเทียนติ่ง มีแพลนขาย ถึงยังไงก็คงไม่ขายให้หรอก คุณชายใหญ่กับเหอเย่าหลงมีความแค้นที่ลึกซึ้งต่อกันขนาดนั้น”
เจียงชื่อกินถั่วลิสงไปเมล็ดนึง เคี้ยวอยู่ครู่
“ลุงวางใจ ผมมีวิธีของผม”
“พ่อผมเป็นคนสร้างบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งขึ้นมา ด้วยน้ำพักน้ำแรงของพ่อ และน้องชายของผมก็ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง รวมไปถึงความรู้สึก มันเป็นของตระกูลเจียงของพวกเรา ผมจะไม่ยอมให้บริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งตกอยู่ในกำมือของคนอื่น”
“ผมพูดไว้ในที่นี้ ภายในหนึ่งเดือน ผมจะเอาบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งกลับมาให้ได้!”
เฉิงไห่มองไปที่สายตาของเจียงชื่อ รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
“คุณชายใหญ่ คุณเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนเป็นกล้าหาญมากยิ่งขึ้น”
“แบบนี้ดีมาก”
เฉิงไห่ดื่มเบียร์ไปหนึ่งอึก “งั้นผมก็ตกลง ขอแค่คุณชายใหญ่สามารถเอาบริษัทเทคโนโลยีจิ้นเมิ่งกลับมาได้ ผมตาแก่คนนี้จะช่วยคุณทุกเมื่อ!”
“ลุงเฉิง ลุงพูดแบบนี้ผมก็วางใจแล้ว”
ทั้งสองเติมเบียร์ในแก้วจนเต็ม ชนแก้ว แล้วดื่มด้วยกัน
ขณะนั้น มีผู้หญิงแต่งตัวดีคนนึงเดินบิดซ้ายบิดขวาเข้ามา “ไอ้ตาแก่เฉิง มานี่”
เมื่อเฉิงไห่เห็นเธอ ก็รีบร้อนลุกขึ้นแล้วเดินไป
“พี่ฮัว มีอะไรเหรอ?”
‘พี่ฮัว’ ชื่อนี้ ดูแล้วอายุไม่น่าเกินสี่สิบ ดูจากอายุไม่มีทางที่เฉิงไห่จะเรียกว่า ‘พี่’ ได้ แต่ว่าทุกคนในนี้เรียกเธอแบบนั้น เพราะงั้นเฉิงไห่จึงให้เกียรติเรียกเธอว่า ‘พี่ฮัว’ เช่นกัน
ถึงแม้พี่ฮัวจะดูมีอายุหน่อยๆ แต่ว่ารูปร่างเธอดีมากๆ ส่วนที่ควรผอมนั้นผอม ส่วนที่ควรโตนั้นโต เป็นสุดยอดรูปร่างที่ทำให้ผู้ชายที่ได้เห็นนั้นน้ำลายไหลได้เลย
บวกกับที่เธอดูแลผิวพรรณเป็นอย่างดี ถึงแม้จะอายุสามสิบกว่าๆ แล้วแต่ยังดูเด็กเหมือนสาวอายุยี่สิบกว่าๆ
พี่ฮัวลากเก้าอี้มานั่งลงอย่างลวกๆ และหยิบสมุดบัญชีขึ้นมา พลางเปิดสมุดพลางพูด “ดูเหมือนว่านายจะยังไม่ให้เงินของเดือนนี้กับฉันนะ?”
ใบหน้าของเฉิงไห่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ร้านเล็กๆ ของผมเพิ่งจะเปิด คุยกันแล้วว่าจะนับตั้งแต่เดือนหน้านี่”
พี่ฮัวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เดือนหน้า? เหอะๆ งั้นร้านของนายไว้เปิดเดือนหน้าก็แล้วกัน ตอนนี้ก็ปิดมันซะ”
“อย่าเลย พี่ฮัวมีเรื่องอะไรก็คุยกันดีๆ อย่าเอาร้านของผมเข้าไปเกี่ยว ก็แค่ค่าคุ้มครองเองไม่ใช่เหรอ? ผมให้ๆ ต้องการเท่าไหร่?”
พี่ฮัวเปิดสมุดบัญชีดูอยู่ครู่ “ที่จริงเดือนนี้ต้องจ่ายหกพัน แต่ฉันเห็นว่านายเพิ่งเปิดร้านเดือนนี้ จึงลดให้30% เอาแค่สี่พันแปดก็พอ”
“พี่ฮัว เดือนนี้เหลือไม่ถึงห้าวัน มันมากไปหน่อยมั้ย?”
“ทำไม นายคิดจะต่อรองกับฉันหรือไง?”
“ไม่ ผมไม่กล้า”
เฉิงไห่รีบไปที่เคาน์เตอร์ทันทีจากนั้นก็หยิบเงินมาแล้วยื่นให้พี่ฮัว ไม่กล้าพูดอะไรต่อสักคำ ฉากนี้ถูกเจียงชื่อเห็นทั้งหมด
เจียงชื่อไม่ได้พูดอะไร แค่ดื่มเบียร์ และกินกับแกล้มอยู่เงียบๆ
พี่ฮัวเก็บเงิน แล้วก็เปิดสมุดบัญชีอีกครั้งจากนั้นก็พูดขึ้น “มีอีกเรื่องที่จะบอก ช่วงนี้ไม่ค่อยจะสงบนัก เวลาพวกเราจัดการก็จะวุ่นวายมากกว่าเดิม เป็นแรงคนที่เพิ่มขึ้น เพราะงั้นพวกเราจะต้องเก็บค่าคุ้มครองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย”
“ค่าคุ้มครองจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือเงินที่ต้องให้อยู่แล้วทุกเดือนสามพันสองร้อยเหรียญ ส่วนที่สองคือเปอร์เซ็นต์รายได้ครึ่งนึงของแต่ละร้าน”
“นายก็รู้ว่า ร้านยิ่งใหญ่ พวกเรายิ่งยากที่จะจัดการ ที่จะต้องดูยิ่งมีมาก ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ที่จะต้องเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม”
“นี่มันก็เป็นแรงกระตุ้นให้พวกนายอีกด้วย พวกนายยิ่งให้พวกเราเยอะ นั่นก็แสดงว่าขายได้ดีไง”
เฉิงไห่หน้าซีด
ล้อเล่นอะไรกัน ค่าคุ้มครองแต่ละเดือนหกพัน เงินทุนสามพันสอง แล้วยังจะเก็บรายได้ของร้านอีกครึ่งนึงด้วย งั้นร้านเล็กๆ อย่างเขาจะมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่กัน?
“พี่ฮัว ร้านเล็กๆ ของผมเพิ่งเปิด กิจการยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เงินที่เรียกเก็บมันแพงไปหน่อย พอจะลดให้นิดนึงได้มั้ย?”
พี่ฮัวมองเขาอย่างเย็นชา “ไอ้ตาแก่เฉิง อย่ามาทำตัวหน้าไม่อาย นายก็รู้ว่านายเปิดร้านที่นี่ พวกเราต้องช่วยนายดูแลภาระการค้ามาแค่ไหนรู้มั้ย? พวกเราเลี้ยงคนตั้งเยอะแยะ พวกเราไม่ต้องกินข้าวหรือไง?”
“ผมเข้าใจๆ แต่แค่มันมากเกินไปหน่อย”
“นายยังกล้าพูดอีก? ร้านของนายไม่อยากเปิดแล้วใช่มั้ย?”
“อยากเปิดๆ ”
“อยากเปิดงั้นก็เชื่อฟังหน่อย!วันนี้จ่ายค่างวดมาสามพันสอง ส่วนรายได้ครึ่งนึงนั้น เดือนหน้าฉันจะเข้ามาเก็บ”
เฉิงไห่ก้มหน้า โกรธจนสั่นไปทั้งตัว แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรสักคำ
“ยังไม่รีบไปอีก?”
เฉิงไห่ถอนหายใจ แล้วหันหน้าเดินไปทางเคาน์เตอร์
เมื่อเดินได้ครึ่งทาง เจียงชื่อก็เอื้อมไปลากเขาเข้ามา นั่งลงตรงข้างตน “ลุงเฉิง พวกเราดื่มกันอยู่ดีๆ ทำไมจู่ๆ ลุงก็ไปซะแล้วล่ะ? มา ดื่มเป็นเพื่อนผมสักแก้ว”
สีหน้าของเฉิงไห่ดูเศร้า “ไม่ล่ะ ฉันยังมีธุระ”
“ไม่ได้ ลุงต้องดื่มเป็นเพื่อนผม”
เจียงชื่อคว้าเฉิงไห่ไว้ไม่ให้ไป แน่นอนว่าเฉิงไห่รู้ว่าเจียงชื่อจะทำอะไร จึงกระซิบบอก “คุณชายใหญ่ เรื่องนี้คุณไม่ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเลย ผู้หญิงคนนี้ไม่ควรยุ่งด้วยหรอก พวกเราทนๆ ไปเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว อย่าไปหาเรื่องเลย”
เจียงชื่อยิ้มอย่างเย็นชา
“มีบางเรื่อง ถ้าผมไม่เห็นก็ช่างมันเถอะ”
“แต่ถ้าผมเห็นแล้ว ก็ต้องยุ่ง”
“ลุงเฉิง ฟังผม นั่งลงแล้วกินแล้วดื่มเถอะ เงินในวันนี้ เธอจะไม่ได้ไปสักแดงเดียว!”