บทที่ 35 จองห้องส่วนตัวไว้
ขณะที่เจียงชื่อกำลังดื่มเหล้ากับเฉิงไห่อยู่ จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นภรรยาเขาติงเมิ่งเหยนโทรมา
เขารับโทรศัพท์ ปลายสายก็มีเสียงของติงเมิ่งเหยนที่ดูรีบร้อนดังขึ้น
เจียงชื่อ ตอนนี้นายว่างมั้ย? มารับฉันหน่อยได้มั้ย?”
“ได้ เธออยู่ไหน? ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
“เลขที่339ถนนหมิงคง สวนเทคโนโลยีหมิงยวน
หลังจากวางสาย เจียงชื่อก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียว จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วพูด “ผมมีธุระส่วนตัวต้องไปจัดการ ลุงเฉิง ไว้เราค่อยมาดื่มกันวันหลังนะครับ”
“หือ คุณไปเถอะ”
เจียงชื่อออกมาจากร้านอาหารอย่างรีบร้อน เขาเรียกรถแท็กซี่แล้วรีบไปยังสวนเทคโนโลยีหมิงยวน
จากที่ฟังในโทรศัพท์ก็พอฟังออกว่าติงเมิ่งเหยนกำลังหวาดกลัวและกระวนกระวาย เหมือนกับว่ากำลังเจออันตรายบางอย่าง ทำให้เจียงชื่อไม่วางใจ
บนโลกนี้คนที่ทำให้เจียงชื่อเป็นห่วงได้มีไม่มากนัก
เขาเสียน้องชายของเขาเจียงโม่ไปแล้ว ยังไงก็จะไม่ให้เรื่องอะไรมาเกิดกับภรรยาของเขาติงเมิ่งเหยนอีกแน่
“คนขับรถ เร็วหน่อยครับ”
“ผ่าไฟแดงไป ผมให้เงินค่ารถอีกสิบเท่า”
“เร็ว!”
ไม่ถึง15นาที เจียงชื่อก็มาถึงสวนเทคโนโลยีหมิงยวน เมื่อลงจากรถก็รีบวิ่งเข้าไปทันที
ไม่นาน เขาก็เห็นติงเมิ่งเหยนกำลังเดินอยู่บนทางเท้า
วันนี้ติงเมิ่งเหยนใส่กระโปรงยีนทรงเอ ท่อนบนสวมเสื้อสายเดี่ยวสีขาวรัดรูป ความเซ็กซี่และความเยาว์วัยรวมกันอยู่ในตัวเธออย่างเพอร์เฟค
เจียงชื่อรู้สึกถึงรายละเอียดได้ มีรถBMWสีขาวคันนึงตามติงเมิ่งเหยนอยู่ตลอด กระจกรถเปิดอยู่ มีผู้ชายคนนึงโผล่หัวออกมาจากรถ แล้วพยายามพูดกับติงเมิ่งเหยน
เห็นที ที่ติงเมิ่งเหยนรู้สึกหวาดกลัว 80%คงเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น
เจียงชื่อวิ่งจนไปถึงด้านหน้า เมื่อติงเมิ่งเหยนเห็นเจียงชื่อ ก็โผเข้าไปกอดแขนเขาทันที จากนั้นก็หันไปพูดกลับผู้ชายบนรถBMW “สามีฉันมารับแล้ว ไม่ต้องให้คุณส่งหรอกค่ะ”
ผู้ชายในรถBMWจ้องเจียงชื่อเขม็ง แล้วไม่พอใจมากๆ
เขามองไปรอบๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา “สามีเธอมารับ ทำไมไม่มีรถล่ะ? หรือว่าจะพาเธอนั่งรถเมล์กลับเหรอ? ผู้ชายแบบนี้ไร้ประโยชน์มากไปแล้วมั้ง?”
เจียงชื่อมองผู้ชายบนรถBMWอย่างเยือกเย็น นัยน์ตาแสดงออกถึงความอาฆาต
“จ้องๆๆ จ้องอะไร? ถ้าจ้องอีกฉันจะควักลูกตานายทิ้งซะ” ชายในรถBMWพูดอย่างหยิ่งผยอง “ผู้หญิงดีๆ อย่างเมิ่งเหยนต้องแต่งกับยาจกอย่างนาย เหมือนเป็นดอกไม้ในกองขี้ควายจริงๆ น่าเสียหาย น่าเสียดาย”
สักพัก ชายบนรถBMWก็พูดขึ้นต่อ “งั้นเมิ่งเหยน คืนนี้ฉันจองห้องส่วนตัวไว้ที่ร้านอาหารหว่านฉิง เธอต้องไปให้ได้นะ ฉันยังนัดคนของแผนกอื่นในบริษัทมาด้วย ถึงตอนนั้นพวกเรามาหารือเรื่องการร่วมลงทุนธุรกิจกัน เอาตามนี้นะ?”
ติงเมิ่งเหยนสีหน้าไม่แฮปปี้
เธอบอกปฏิเสธ “หากจะคุยเรื่องร่วมลงทุน พรุ่งนี้ฉันจะหารือที่บริษัทนะคะ ส่วนงานเลี้ยงมื้อค่ำฉันขอผ่าน”
พูดจบ เธอก็ลากเจียงชื่อแล้วรีบเดินออกไป
ชายบนรถBMWโมโหแล้วตีไปที่พวงมาลัยรถ จากนั้นก็เหยียบคันเร่ง ทำให้ฝุ่นบนถนนฟุ้งใส่ร่างของเจียงชื่อ และติงเมิ่งเหยน จนพวกเขาต้องเอามือขึ้นมาปิดจมูกแล้วไอออกมา
ชายบนรถBMWหันกลับมาพูดเยาะเย้ย “ขอโทษด้วยจริงๆ นะ~~”
ติงเมิ่งเหยนด่าเสียงทุ้ม “แย่จริงๆ เลย!”
เจียงชื่อช่วยปัดฝุ่นที่อยู่บนตัวเธอออก แล้วถาม “คนนั้นใคร? ทำไมดูเหมือนว่าเธอเกรงใจเขาจัง?”
ติงเมิ่งเหยนสีหน้าบูดบึ้งแล้วพูด “เขาชื่อฉางจ้ายชูน เป็นประธานกรรมการบริษัทฟางต๋า”
“เมื่อไม่มีวันก่อนนายช่วยพวกเราตระกูลติงให้ได้โครงการรื้อถอนครั้งใหญ่ไม่ใช่เหรอ? จากการหารือของคณะกรรมการของตระกูลติง ก็พบว่าโครงมีขนาดใหญ่เกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยแค่ครอบครัวของเราลงเงินทุน จึงจำเป็นต้องร่วมลงทุนกับบริษัทอื่น”
“ฉางจ้ายชูนเป็นลูกชายของเพื่อนเก่าคุณปู่ มีความสัมพันธ์ด้านธุรกิจกับตระกูลติงของเราไม่น้อย ธุรกิจของบริษัทฟางต๋าก็ไม่ใช่เล็กๆ เพราะงั้นคุณปู่เลยคิดถึงพวกเขาเป็นที่แรก”
“ฉันในฐานะหุ้นส่วนโครงการ คุณปู่เลยขอให้ฉันมาเจรจาธุรกิจ ผลลัพธ์นายก็เห็นแล้วนี่ ไอ้ฉางจ้ายชูนนั่นมันเลว ไม่ยอมคุยเรื่องการลงทุน เอาแต่มองร่างฉัน รู้สึกไม่โอเคเลย”
เจียงชื่อพยักหน้า แบบนี้ก็พอเข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว
เขาพูดขึ้น “ในความเห็นฉัน ฉันคิดว่าให้คุณปู่เปลี่ยนคนไปเจรจากับฉางจ้ายชูนเถอะ”
ติงเมิ่งเหยนพยักหน้า “อื้ม ฉันก็คิดแบบนั้น”
พูดยังไม่ทันจบ โทรศัพท์ของติงเมิ่งเหยนก็ดังขึ้น เป็นคุณปู่ ติงจ้งที่โทรมา
เธอกดรับสาย
ปลายก็มีเสียงของติงจ้งที่ไม่ค่อยพอใจดังขึ้น “เมิ่งเหยน เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้ฉางจ้ายชูนโทรมา บอกว่าเธอไม่จริงใจ เพราะงั้นเลยไม่ขอร่วมลงทุนด้วยแล้ว”
ติงเมิ่งเหยนไม่พอใจ นี่คนชั่วร้อนตัวเหรอเหนี่ย?
“คุณปู่คะ ไม่ใช่แบบนั้น ฉางจ้ายชูนมันชั่ว เขาไม่ได้คิดจะคุยหรือเจรจาเรื่องการลงทุนเลย แต่กลับถามว่าว่างมั้ย มีแฟนหรือยัง ไปจนถึงขอนัดหนูให้ไปโรงแรมตอนกลางคืน เพื่อไปเจรจาธุรกิจ!”
ติงจ้งพูด “นั่นมันก็ปกติไม่ใช่เหรอ? เธอนี่ นิสัยเสียตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเจอโลกกว้าง โครงการตอนนี้ก็ได้มาจากวงเหล้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? มีกี่โครงการกันที่ได้มาจากห้องประชุม? ฉางจ้ายชูนเขายอมนัดเธอออกมา ยอมจองห้องส่วนตัว นั่นก็หมายความว่าเขามีใจจะเจรจา แต่เธอ กลับไปปฏิเสธเขา มีใครเขาเจรจาธุรกิจแบบเธอกันมั่ง?”
ติงเมิ่งเหยนโดนว่าจนเริ่มแสบจมูก
เป็นฝ่ายเธอที่น้อยใจจนเห็นได้ชัด ทำไมติงจ้งถึงพูดให้เป็นฝ่ายผิดได้?
แบบนี้ไม่ใช่พลิกขาวให้เป็นดำหรอกเหรอ?
ติงจ้งพูดต่อ “นี่เป็นการเจรจาเรื่องโครงการครั้งแรกของเธอในฐานะหัวหน้าโครงการ เธอคงไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกใช่มั้ย? ถ้าหากเป็นพี่สาวเธอ วันนี้ก็คงเจรจาสำเร็จไปแล้ว เมิ่งเหยน ปู่ไม่ได้จะว่านะ เธอต้องลำบากหน่อย แล้วคอยเรียนรู้จากพี่สาว ถ้าหากไม่ใช่กรมโยธาธิการและผังเมืองยืนยันมา ฉันจะให้เธอเป็นหัวหน้าดูแลโครงการเหรอ? เธอต้องคว้าโอกาสดีๆ ไว้ วันทั้งวันอย่าเอาแต่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงน้อยเข้าใจมั้ย?”
“ฉันตอบรับฉางจ้ายชูนไปแล้ว ว่าคืนนี้เธอต้องไปงานเลี้ยงด้วย และต้องเจรจาให้สำเร็จด้วย”
“ไม่งั้น ต่อไปเรื่องโครงการเธอแค่ดูก็พอแล้ว ไม่ต้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพราะว่าความสามารถเธอไม่พอ!”
พูดจบ ติงจ้งก็กดวางสายไป ปล่อยให้ติงเมิ่งเหยนเจ็บปวดอยู่คนเดียว
นี่คือปู่แท้ๆ เหรอ?
แต่ละคำช่างบาดใจ ติงเมิ่งเหยนถูกว่าจนรู้สึกแย่สุดๆ หากกลั้นไม่อยู่ก็คงร้องไห้ออกมาแล้ว
ขณะนั้น เจียงชื่อก็ถอดเสื้อนอกของเขามาคลุมให้ติงเมิ่งเหยน แล้วกุมมือเธอ จากนั้นพูดพลางยิ้มให้ “อย่าเสียใจไปเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าหากเธอกลัวละก็ คืนนี้ฉันจะไปเป็นเพื่อนนะ”
“ห้ะ? นายจะไปกับฉัน?” ติงเมิ่งเหยนรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย
“ไม่ได้เหรอ? คุณปู่ติงแค่ให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ แต่ไม่ได้บอกว่าให้เธอไปคนเดียวนี่ เพราะงั้นพาฉันไปด้วยก็ไม่ได้ขัดคำพูดท่านนี่”
ติงเมิ่งเหยนมองไปที่เจียงชื่ออย่างซาบซึ้ง ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาก ถ้าหากมีสามีอยู่ข้างกาย น่าจะปลอดภัยกว่า
เธอพยักหน้า “อื้ม งั้นคืนนี้พวกเราไปด้วยกัน