ตั้งแต่เล็กจนโตมีแต่คนอื่นเท่านั้นที่ต้องเกรงใจเขา และเขาไม่เคยต้องเข้าแถวรอคิวเลยสักครั้ง และไม่มีทางที่เขาจะอยู่หลังคนใบ้ที่ไม่มีทั้งอำนาจและอิทธิพลคนนี้อย่างแน่นอน
หวงเย่าเหลียงแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก “คุณเน่ร์ฉันคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์คนอื่นแล้วมั้ง?”
“เชฟเบ็ดบ้านๆแบบนี้ที่ไม่เคยผ่านการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบมาก่อน และไม่มีบรรยากาศดีๆในบ้านทำให้เธอเป็นเชฟที่ยอดเยี่ยมได้เลย เธอคู่ควรกับการเป็นผู้ช่วยคุณซะที่ไหน?”
“ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นใบ้อีกด้วย”
เน่ร์เจิงไม่พอใจกับคำพูดเหล่านี้อย่างมาก
เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เป็นเชฟบ้านๆแล้วไง? ฉันก็เป็นเชฟบ้านๆคนหนึ่งเหมือนกัน คนใบ้จะเป็นพ่อครัวไม่ได้หรือ? ถ้าอย่างนั้นคนพิการอย่างฉันก็ยิ่งไม่มีสิทธิ์ในการเป็นเชฟน่ะสิ?”
หวงเย่าเหลียงไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดีกับคำถามเหล่านี้
“คือ… ผมไม่ได้มุ่งเป้าไปที่คุณนะครับ”
หญิงชราพาอ้ายเสียเดินเข้าไปหาเขาและพูดว่า “คุณเน่ร์คุณไม่ต้องโกรธหรอก คนธรรมดาอย่างเราไปอยู่ข้างหลังเถอะ ไม่เป็นไร”
เน่ร์เจิงถอนหายใจ
“ไม่เป็นไร ฉันจะไม่พูดอะไรไร้สาระอีก”
“หากพวกคุณมาเพื่อสัมภาษณ์ตำแหน่งผู้ช่วย ถ้างั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการประเมินฝีมือโดยตรงเลยดีกว่า”
“คุณสองคนไปทำอาหารที่ตัวเองชำนาญที่สุดในห้องครัวด้านหลัง เพื่อพิสูจน์ฝีมือของพวกคุณ หวงเย่าเหลียงเริ่มจากคุณก่อน”
หวงเย่าเหลียงม้วนแขนเสื้อขึ้น “โอเคครับ!”
เขาเดินเข้าไปในครัวด้านหลังด้วยความกระตือรือร้น และเขาก็ยุ่งอยู่พักหนึ่ง ประมาณ 20 นาทีต่อมา ปลากะพงนึ่งที่สวยงามก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
หวงเย่าเหลียงทำท่าทางเชิญเขา “คุณเน่ร์เชิญชิมได้เลยครับ”
เน่ร์เจิงไม่ได้ปฏิเสธ เขาหยิบชิ้นเนื้อปลาสามก่อนที่อยู่ด้านหน้ากับตรงกลางและข้างหลังด้วยตะเกียบ แล้วใส่เข้าไปเคี้ยวในปาก
เขาพูดกับเจียงชื่อว่า “ประธานเจียงคุณลองชิมดู?”
หลังจากที่เจียงชื่อใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลามาชิมหลายคำ เขาก็พยักหน้าและกล่าวชมเชย “อืมใช้ได้ รสชาติดีมาก เป็นเด็กหนุ่มที่ฝีมือไม่เบาจริงๆ”
เน่ร์เจิงยังกล่าวอีกว่า “ฝีมือยอดเยี่ยมมาก สมกับที่เป็นทายาทของผู้มีชื่อเสียงจริงๆ”
ใบหน้าของหวงเย่าเหลียงแสดงความภาคภูมิใจ เขารู้สึกพึงพอใจกับตัวเองอย่างมาก
เขาเรียนทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก และได้รับการอบรมจากบ้านทุกวัน แม้ว่าทักษะของเขาจะไม่สูงเท่ากับเชฟชั้นนำ แต่เขามีระดับที่สูงกว่าเชฟบ้านๆอย่างแน่นอน
เน่ร์เจิงวางตะเกียบลง และเดินไปดูห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง และนั่งลงเมื่อเขากลับมา
“อ้ายเสีย ถึงเวลาของคุณแล้ว”
อ้ายเสียตื่นเต้นและขี้อายเล็กน้อย ปกติเธอมักจะทำอาหารให้คนในบ้านทาน แต่เธอไม่คุ้นเคยกับการแข่งขันกับคนอื่นเลยจริงๆ
การที่มีคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างหวงเย่าเหลียงนั้น ทำให้อ้ายเสียรู้สึกไม่มั่นใจมากขึ้น
หญิงชราชักชวนว่า “ไม่เป็นไร ไปเถอะ”
อ้ายเสียแอบให้กำลังใจตัวเองและสูดหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง จากนั้นก็เดินเข้าไปในครัวด้านหลัง และสามสิบนาทีต่อมาเธอก็เดินออกมาพร้อมกับชามหมูตุ๋น
เมื่อเห็นสิ่งที่เธอยกออกมาแล้วหวงเย่าเหลียงก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก “หมูตุ๋นงั้นเหรอ คุณล้อเล่นใช่ไหม? เอาเมนูชั้นต่ำแบบนี้มาเข้าร่วมการแข่งขันคุณไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ?”
อ้ายเสียถือชามเนื้อไว้ในมือและยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
เมนูที่เธอชอบทำให้คนในครอบครัวทานมากที่สุดก็คือหมูตุ๋น นี่เป็นเมนูที่เธอถนัดที่สุด ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจทำเมนูนี้
เน่ร์เจิงโบกมือ “ไม่เป็นไร นำมาที่นี่”
อ้ายเสียนำชามหมูตุ๋นมาวางที่โต๊ะ
เน่ร์เจิงและเจียงชื่อต่างประกบเนื้อชิ้นหนึ่งแล้วกินมัน รสชาติดีมาก มันเป็นรสชาติของ ‘บ้านเกิด’ แต่มีข้อบกพร่องมากมายในแง่ของอัตราส่วนเครื่องปรุง ความถนัดในการใช้มีดและสีสัน
เมื่อพูดถึงในแง่ของการทำอาหารอย่างเดียว อ้ายเสียไม่สามารถเปรียบเทียบกับหวงเย่าเหลียงได้
หวงเย่าเหลียงเงยหน้าขึ้น ผลการแข่งขันนั้นค่อนข้างชัดเจนแล้ว และเขาต้องชนะการแข่งขันในครั้งนี้อย่างแน่นอน
แต่ว่า……
เน่ร์เจิงไม่รีบร้อนที่จะประกาศผล เขาเดินเข้าไปในครัวด้านหลังและมองดูจากนั้นก็กลับไปที่ที่นั่งของเขา
เขาไอและพูดต่อหน้าทุกคน “การทดสอบจบลงแล้ว ฉันมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว”
“คนที่ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยของฉันคือ—”
“อ้ายเสีย!”