เธอบอกกับติงจื่อยวี่ว่า “พี่ใหญ่ พูดตามตรงนะ เพราะเรื่องของสิทธิในการถือหุ้นนี่แหละถึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณปู่เลวร้ายเกินไปแบบนี้ฉันคิดที่จะคืนสิทธิในหุ้นนี้ไปตั้งนานแล้วละ”
“เพราะฉะนั้นพี่ใหญ่ครั้งนี้ฉันจะออก10%แล้วพี่ออกแค่5%ก็พอแล้ว”
ติงจื่อยวี่สีหน้าประหลาดใจ “เมิ่งเหยน แบบนี้จะเหมาะสมเหรอ?”
“ไม่มีตรงไหนไม่เหมาะสมนี่”
“เมิ่งเหยนขอบใจเธอนะ” ว่าแล้วติงจื่อยวี่ก็พูดเสริมไปว่า “งั้นไม่รอช้าเราเริ่มดำเนินเอกสารกันตอนนี้ เมิ่งเหยนเธอโอนสิทธิ์ของหุ้นมาให้ฉันก่อน แล้วฉันค่อยไปที่บ้านของเฟิงเฉิงแล้วค่อยโอนสิทธิของหุ้นทั้ง15%ให้เขาไปทีเดียว”
หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ ติงเมิ่งเหยนและเจียงชื่อก็ได้มองหน้ากันครู่หนึ่ง
โอนให้เธอก่อนแล้วค่อยให้เธอไปโอนให้ติงเฟิงเฉิงงั้นเหรอ?
เหอเหอ งั้นแล้วถ้าเธอไม่โอนไปให้ติงเฟิงเฉิงจะทำไง?
ติงเมิ่งเหยนกัดริมฝีปากของเธอ ส่ายหัวไปมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ได้พวกเราก็ดำเนินเอกสารกันเลย”
ถึงแม้จะมีความกังวลแต่ติงเมิ่งเหยนก็ไม่ปฏิเสธวิธีการนี้ แถมก็ยังพอรับได้ด้วย
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงติงเมิ่งเหยนก็โอนหุ้นทั้งหมดของตัวเองให้กับติงจื่อยวี่
ติงจื่อยวี่พูดอย่างเต็มใจว่า “งั้นฉันจะไปหาเฟิงเฉิงเดี๋ยวนี้แหละ แล้วโอนสิทธิในหุ้น15%ให้เขาให้เขาได้วางใจ”
“ไปสิ พี่ใหญ่”
“อืม”
ติงจื่อยวี่รีบลุกขึ้นทันทีราวกับกลัวว่าติงเมิ่งเหยนจะเปลี่ยนใจ และรีบออกไปทันที
หลังจากมองดูเธอออกไปแล้วเจียงชื่อพูดอย่างเย็นชาว่า:“แสดงได้แย่มาก”
พอหันหลังมาเจียงชื่อมองมาที่ติงเมิ่งเหยนแล้วพูดว่า:“คุณน่าจะดูออกนะว่าเธอไม่ได้จริงใจที่จะช่วยติงเฟิงเฉิง”
“ใช่แล้ว”
“แต่คุณก็ยังจะช่วยเธอ?”
ติงเมิ่งเหยนหัวเราะอย่างฝืน ๆ “เพราะว่าฉันพอแล้วจริง ๆ กับการวางอุบายอะไรแบบนั้นเป็นครอบครัวกันแท้ ๆ แต่ทำตัวเหมือนกับศัตรูไปได้”
เธอเอื้อมมือไปโอบเอวของเจียงชื่อและวางศีรษะลงบนหัวใจของเจียงชื่อ
“โอนสิทธิ์ในหุ้นทั้งหมดให้พี่ใหญ่ ให้เธอไปเล่นเป็นตัวร้ายสินะ”
“ถ้าเธอโอนหุ้นไปให้พี่สองก็แล้วไปแต่ถ้าไม่โอนให้นั้นก็เป็นปัญหาระหว่างเธอกับคุณปู่และพี่สองแล้วละให้พวกเขาทะเลาะกันไปเถอะฉันพอแล้ว ไม่อยากเข้าไปจุ้นจ้านแล้ว”
ฟังจากน้ำเสียงที่เธอถอนหายใจก็พอจะรู้ว่าเธอเหนื่อยจริง ๆ แล้ว
ผ่านมาตั้งนานแล้วตระกูลติงก็ยังใส่ร้ายเรื่องต่าง ๆ นา ๆ และกดดันติงเมิ่งเหยนมาโดยตลอด มากไปกว่านั้นคุณปู่ติงจ้งเองก็ลงสนามด้วยตัวเอง เลยไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขาวางแผนการร้ายไว้ตั้งเท่าไหร่เพียงเพื่อที่จะใส่ร้ายติงเมิ่งเหยน
พอได้แล้วจริง ๆ กับชีวิตแบบนี้ไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว
ติงเมิ่งเหยนบอกว่า “ฉันไม่แค่จะคืนสิทธิในหุ้นกลับไปเท่านั้น ในการประชุมสิทธิในหุ้นครั้งใหญ่วันมะรืนนี้ฉันจะสมัครใจที่จะลาออก หลังจากนั้นฉันก็จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทติงหรงอีกแล้ว และจะไม่ข้องเกี่ยวกับตระกูลติงอีก”
การไร้คุณธรรมน้ำใจนั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจที่สุด
การที่จะพูดแบบนี้ได้นั้นเพราะติงเมิ่งเหยนรู้สึกผิดหวังอย่างแท้จริงกับตระกูลติง
วางกลอุบายต่อสู้กันก็แค่เพื่อผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ ใครอยากจะแย่งชิงกันก็แย่งกันไปเถอะ ยังไงก็ตามเธอก็ไม่คิดที่จะแย่งชิงต่อไปอีกแล้ว เตรียมที่จะถอนตัวแล้ว
เจียงชื่อลูบผมของติงเมิ่งเหยนพูดอยู่ในใจว่า:เกรงว่าเรื่องมันจะไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ
หลังจากที่ติงจื่อยวี่ออกมาแล้วเธอไม่ได้ไปหาติงเฟิงเฉิงอย่างที่เธอว่า กลับขับรถมาถึงที่หน้าทางเข้าเรือนจำแทน
วันนี้เป็นวันที่พี่ชายใหญ่ของเธอ ติงหงเหย้าออกจากเรือนจำ
ด้วยความช่วยเหลือจากถังแหวนโม่ ในที่สุดติงหงเหย้าก็ได้ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์สักที
เขาออกมาอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีงานเลี้ยงต้อนรับกลับใด ๆ
สะพายกระเป๋าใบเล็ก ๆ ที่ขาดรุ่งริ่งสวมเสื้อยืดธรรมดา ๆ ติงหงเหย้าในอดีตที่ทั้งหล่อทั้งเท่นั้นไม่มีอีกแล้ว ในตอนนี้เหลือแค่เพียงลุงแก่ ๆ ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนเท่านั้น
“พี่!”
ติงจื่อยวี่รีบพุ่งตัวออกไปกระโจนเข้าไปวางศีรษะลงบนอ้อมกอดของติงหงเหย้า
พี่ชายน้องสาวได้พบหน้ากันอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี ทำให้ติงจื่อยวี่ตื่นเต้นจนเก็บไว้ไม่อยู่
“พี่ ในที่สุดก็รอจนพี่ออกมาแล้ว พี่รู้ไหมว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันได้รับความไม่เป็นธรรมแค่ไหน? ไอ้แก่ติงจ้งนั่นเอาแต่สรรเสริญติงเฟิงเฉิงแล้วก็ดูถูกแต่ผู้หญิง”
“พี่ พี่ต้องช่วยแก้แค้นให้ฉันนะ!”
ติงหงเหย้าพยักหน้า “ถึงเธอจะไม่บอกฉันก็ไม่ให้อภัยไอ้แก่นั่นหรอก ให้ฉันต้องติดคุกมานานหลายปีขนาดนี้ฉันจะให้มันรับผิดชอบทั้งหมด!”
ทั้งสองคนเดินออกหน้าเรือนจำ ขึ้นรถและขับออกมาด้วยท่าทีใหญ่โต
บนรถ
ติงจื่อยวี่พูดอย่างมีความสุขว่า “พี่ เหมือนกับที่พี่คาดเดาไว้เลยเมิ่งเหยนโอนสิทธิ์ในหุ้นทั้งหมดมาให้ฉันจริง ๆ ด้วย ปัญหาก็คือฉันรู้สึกว่าเธอมีบางอย่างผิดปกติแต่เธอก็ไม่ได้พูดปฏิเสธฉันนะ”
ติงหงเหย้ายิ้ม
“นิสัยของน่องเล็กก็แบบนี้แหละ ใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา ยอมที่ใช้ไม้อ่อนไม่ยอมใช่ไม้แข็ง”
“อีกอย่าง เธอหวังที่จะโอนสิทธิในหุ้นทั้งหมดให้กับเธอ ให้เธอไปเป็นตัวร้าย ให้เธอไปทะเลาะกับคุณปู่และเฟิงเฉิงและเธอจะได้ออกมาจากวังวนนี้ได้ไงละ”
“แนวคิดของสาวน้อย แนวคิดของคนอ่อนแอก็ถูกลิขิตไว้แบบนี้แหละ”
ติงจื่อยวี่พยักหน้า “เมิ่งเหยนถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่มีทางทำการใหญ่ได้หรอก ไม่พูดถึงเธอแล้วละ พี่ชายใหญ่มีหุ้น10%ที่เหลืออยู่ของเธอแล้วเรื่องที่เราจะทำก็สามารถที่จะสำเร็จได้อย่างราบรื่นแล้ว”
ติงหงเหย้าพยักหน้า “อย่าเพิ่งดีใจไปก่อนเลย ฉันยังต้องวางแผนขั้นตอนการประชุมใหญ่สิทธิในหุ้นวันมะรืนนี้อีกสักหน่อย หึหึ ต้องให้คุณปู่ประหลาดใจสักหน่อยแล้ว!”
“ประหลาดใจเหรอ? เกรงว่าจะเป็นตกใจน่ะสิ?”
“ไม่ว่ายังไงก็จะทำให้คุณปู่ตกใจซะจนอ้าปากค้างจนหุบไม่ได้เลย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
ทั้งติงหงเหย้าและติงจื่อยวี่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน แผนการลับที่มุ่งร้ายไปที่ติงจ้งและตระกูลติงภายในนัดเดียวกำลังจะเปิดฉากขึ้นในเร็ว ๆ นี้