คืนต่อจากนั้นภายในหนึ่งชั่วโมงกว่า บ้านตระกูลติงก็มีคนเข้ามามากมายและนักอัญมณีของเจียงหนานทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ทั้งหมดมาหาเจียงชื่อ และขอให้เจียงชื่อเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อกิตติมศักดิ์ของพวกเขา
โดยพื้นฐานก็คือไม่จำเป็นต้องทำงานก็รับเงินได้
บางบริษัทแทบจะไม่มีความต้องการที่จะซื้อ แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะใช้เงินเพื่อเลี้ยงเจียงชื่อเฉยๆ ก็เพราะพวกเขาเห็นถึงความสามารถของเจียงชื่อ
คนอื่นๆ ก็เชิญหมดแล้ว ถ้าคุณไม่เชิญ รอเวลาที่คุณจำเป็นต้องใช้คุณอาจเป็นคนที่ถูกกำจัดคนนั้น ภายในหนึ่งชั่วโมงกว่า เจียงชื่อได้รับคำเชิญนับไม่ถ้วน
เจียงชื่อปฏิเสธไปเยอะมาก
แต่แค่นี้ เขาก็ตกลงกับบริษัทเกือบ 20 แห่ง และส่วนใหญ่ก็คือติงฉี่ซานยืนกรานที่จะตกลง
สุดท้ายพอคำนวณคร่าวๆ ถึงแม้ว่าแต่ละเดือนเจียงชื่อจะไม่ทำอะไร ทุกเดือนก็สามารถรับเงินเดือนห้าสิบกว่าล้าน ซึ่งก็คือหกร้อยล้านในหนึ่งปี!
หกร้อยล้านนะ กำลังจะไล่ตามรายได้ของตระกูลเกาทั้งหมด
แม้ว่าอนาคตเกาเหวินเสียงจะสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน เขาก็ไม่ได้รับเงินจำนวนมากเท่าเจียงชื่ออย่างแน่นอน
ในเวลานี้ เกาเหวินเสียงไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว
บอกว่าคนอื่นเป็นผู้ยากจน พูดไปครึ่งค่อนวัน ตัวเองต่างหากที่เป็น’ผู้ยากจน’
หลังจากรอทุกคนของบริษัทเครื่องประดับกระจายกลับแล้ว เกาเหวินเสียงยังยืนเซ่อๆ ซ่าๆ อยู่กับที่ จะไปก็ไม่ใช่จะอยู่ก็ไม่เชิง ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อในทันที
เจียงชื่อเงยหน้าขึ้นมองเขา ยิ้มและพูดว่า “คุณอยากพบติงเฟิงเฉิง ไม่ใช่เหรอ ?คุณรอก่อนนะ ผมจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้ ให้เขามานี่ทานอาหารด้วยกัน พวกคุณจะได้คุยกัน?”
“เอ่อ ได้ ”
เกาเหวินเสียงแม้แต่พูดก็ยังติดๆ ขัดๆ
เมื่อเราค้นพบว่าที่เขาคิดมาตลอดว่าเป็นไอ้เศษสวะ ทันใดนั้นกลับกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ มีพลังมหาศาลเกินกว่าที่เขาคาดไว้ ขีดจำกัดในหัวใจยากที่จะรับได้
เกาเหวินเสียง พ่ายแพ้ต่อความ ‘รวย’ ที่ตนเองคิดไปเอง
เขาจะคิดได้ที่ไหนว่า เจียงชื่อจะมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้? เขาคิดเสมอว่าเจียงชื่อเป็นเพียงไอ้เศษสวะ ผลสุดท้ายก็คือ…
เห้อ ดูคนไม่ควรดูที่หน้าตาจริงๆ
ไม่เพียงแต่เขาคาดไม่ถึง แม้แต่คนในตระกูลติงก็ไม่คาดคิดว่าเจียงชื่อจะเจอโอกาสอย่างวันนี้
ยังไง ระหว่างเจียงชื่อกับเครื่องประดับคงไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรมั่ง? เพราะเหตุใดจึงกลายเป็นคนได้รับการยอมรับขนาดนี้?
อาจพูดได้ว่าอุตสาหกรรมเครื่องประดับทั้งหมดในเขตเจียงหนานนั้น ก็แทบจะเชื่อมโยงพัวพันกับเจียงชื่อทั้งนั้น ทุกย่างก้าวของเจียงชื่อก็ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นและลดลงของอุตสาหกรรมเครื่องประดับทั้งหมด
ติงเมิ่งเหยนหัวเราะและพูดว่า “ที่รักเดี๋ยวนี้คุณรุ่งละนะ ต่อไปถ้าฉันต้องการซื้อเครื่องประดับ คุณก็สามารถช่วยนำเครื่องประดับมาให้ฉันได้แล้วสิ?”
เจียงชื่อพยักหน้า “ขอเพียงคุณต้องการ ผมก็จะให้”
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ทำให้ผู้หญิงมีความสุขได้เท่าคำพูดเหล่านี้แล้ว
ผู้หญิงชอบเครื่องประดับ แต่ก็ชอบ ‘คำหวาน’ ของผู้ชายด้วยเช่นกัน บางครั้งคำสัญญาของผู้ชายสามารถทำหัวใจของผู้หญิงหวั่นไหวได้มากกว่าเครื่องประดับราคาแพง
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีรถมาจอดที่ประตู
ติงเฟิงเฉิงรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เดินไปพูดไปว่า “เจียงชื่อคุณโทรหาผมมาทานข้าว เยี่ยมมาก พอดีผมมีเรื่องจะถามคุณ โครงการที่ดินรกร้างทางเหนือของเมืองทำเอาผมหัวโตแล้ว”
หลังจากพูดได้ครึ่งหนึ่ง พบว่าที่แท้ยังมีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย
ติงเฟิงเฉิงมองไปที่บุคคลนั้นในห้อง ตกตะลึงครู่หนึ่ง
เกาเหวินเสียงเริ่มพูดว่า “ผมชื่อเกาเหวินเสียง พ่อของผมกับลุงติง เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่ากันครับ สวัสดีครับ เจ้านายติง”
เดิมเป็นคำพูดที่ถ่อมตน ติงเฟิงเฉิงก็ชอบมากเช่นกัน
สุดท้าย ติงฉี่ซานพูดเสริมทันที “เฟิงเฉิงเอ้ย นายต้องสุภาพกับคนอื่นหน่อยนะ คุณชายเกาเขารวยมากนะ และเคยดูถูกเมิ่งเหยนของเราด้วย แต่ตอนนี้เขาต้องการเป็นลูกเขยของเรา” คำเหล่านี้ถูกทับบนหลอดลมของปอด
ตอนนี้ติงเฟิงเฉิงกับเจียงชื่อราวกับสวมใส่กางเกงตัวเดียวกัน ยอมไม่ได้ที่จะเห็นใครทำไม่ดีกับเจียงชื่อแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งของเกาเหวินเสียง
ดังนั้นติงเฟิงเฉิงก็แสดงท่าทีรังเกียจและดูถูกเหยียดหยามต่อเกาเหวินเสียงในทันที
เขาจ้องไปที่เกาเหวินเสียง “เหอเหอ ก็คือตระกูลเกาที่ซื้อขายของปลอมไม่ใช่หรือ? ชอบประจบตระกูลคนอื่นในการขึ้นตำแหน่ง แต่เมื่อเห็นว่าตระกูลเขามีปัญหา ก็สละะลูกสาวเขาทันที ในอุตสาหกรนี้มีใครไม่ทราบเรื่องนี้?”
“ไอ้คนไร้ยางอายอย่างแก ยังคิดจะเป็นลูกเขยของตระกูลติงของเราเหรอ?”
“ไปปัสสาวะแล้วส่องหน้าดูหน่อย ว่าคุณคู่ควรมั้ย?”
สีหน้าของเกาเหวินเสียงถูกด่าว่าจนทั้งเขียวทั้งซีด “เจ้านายติง คุณพูดเกินไปแล้วนะ!”
“เกินไป?” ติงเฟิงเฉิงหัวเราะเยาะ ” ครอบครัวของเรากินข้าวอย่างมีความสุข คุณดันวิ่งมาให้ดุด่า คุณรู้ทั้งๆ ที่รู้ว่าผิดก็ยังจะทำ ตระกูลเกาของคุณเป็นคนชั่วที่ทุกคนรังเกียจ ไม่มีใครร่วมมือแล้ว จนแทบเกือบจะล้มละลายแล้ว แต่ยังทำเหมือนไม่เป็นไรแกล้งรวยอยู่ต่อหน้าครอบครัวเรา? อ่าฮะ ผมเห็นคุณก็รู้สึกคลื่นไส้ รีบส่ายหัวออกไปจากที่นี่เถอะ”
“พ่อมึงดิ” เกาเหวินเสียงโกรธจัด เขายกมือขึ้นแล้วตบไปทางหน้าของติงเฟิงเฉิง
แค่เสียงช่า เจียงชื่อโยนถ้วยชาในมืออย่างตรงกลาง ทันใดนั้นกระแทกหน้าผากของเกาเหวินเสียง ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
“โอ้ย โอ้ย”
“เอาล่ะ ตระกูลติงของคุณร่วมมือกันรังแกคน”
“พวกมึงรอกู เรื่องในวันนี้ กูจะไม่ยอมจบง่ายๆ !”
เกาเหวินเสียงกุมหน้าผากของเขาแล้ววิ่งออกไป