ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องลับคลินิก สองพ่อลูกตระกูลสือนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ดื่มสุราไป ฉลองไป
“พ่อ แผนการครั้งนี้ราบรื่นชะมัดเลย!” สือเหวินปิ่งยกแก้วสุราขึ้นมาด้วยความปีติ
สือควนดีดแก้วสุราไปเบาๆ เอ่ยอย่างเฉื่อยช้า: “ราบรื่นงั้นเหรอ? เหอะๆ เกือบถูกเจียงชื่อทำลายแผนการดีๆ แล้ว ไม่นึกเลยว่าทังเจียเหวินจะยอมแบกหน้าไปให้เจียงชื่อช่วยเหลือ เจียงชื่อวิจัยยาถอนพิษออกมาได้จริงๆ อีกนิดเดียวแผนการของเราก็จะล่มแล้ว”
สือเหวินปิ่งยิ้ม เอ่ยว่า: “แต่ความจริงตอนนี้ก็คือ เวลาที่ทังเจียเหวินห่างหายไป พวกเราได้เจอเป้าหมายที่เหมาะสมแล้ว ต่อมาก็แค่ต้องจับตัวเป้าหมายมา ช่วงชิงอวัยวะก็พอแล้ว”
หากทุกอย่างราบรื่น ไม่เกินสิบวัน พวกเขาสองพ่อลูกก็จะได้กลายเป็นบ้านมหาเศรฐีแนวหน้าแล้ว ถึงตอนนั้นอพยพไปต่างประเทศ ไม่ต้องกลับมาอีกแล้ว พร้อมทั้งดื่มด่ำไปกับชีวิตให้เต็มที่
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข สือเหวินปิ่งหัวเราะในลำคอ จากนั้นก็กระดกแก้วขึ้นดื่ม
สือควนกลับสงบนิ่งไม่กระโตกกระตาก เขามองสุราในแก้ว เอ่ยว่า: “ก่อนที่ยังจัดการเรื่องทั้งหมดยังไม่สำเร็จ อย่าดีใจเร็วเกินไปเลย มีอยู่เรื่องหนึ่งฉันคิดอยู่ในหัวมานานมากแล้ว ทำให้ฉันคิดไม่ตกมาโดยตลอด”
“พ่อ เรื่องอะไรทำให้พ่อเป็นกังวลเหรอ?”
“เจียงชื่อ”
“เขาน่ะเหรอ?”
“ถูกต้อง ทำไมอยู่ดีๆ เจียงชื่อถึงได้ไปที่สถานที่ประชุมด้วยล่ะ?” สือควนเอ่ยอย่างไม่วางใจ: “ฉันเป็นห่วงว่าเขารู้แผนการของเราทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้วน่ะสิ”
“จะเป็นไปได้ยังไง?!” สือเหวินปิ่งยิ้มพร้อมเอ่ยว่า: “ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกแล้ว ถ้างั้นพวกเราสองพ่อลูกก็คงไม่ได้มานั่งที่นี่แล้วละ คงถูกทางตำรวจพาไปเข้าคุกตั้งนานแล้ว พ่อ พ่อไม่ต้องคิดมากเกินไปหรอกนะ”
สือควนสูดหายใจเข้าลึก ไม่เอ่ยอันใด
ใช่แล้ว หากเจียงชื่อรู้ทั้งหมดแล้ว พวกเขาคงไม่มานั่งอยู่ที่นี่โดยรอดปลอดภัยเช่นนี้
ทว่าหากเจียงชื่อไม่รู้เรื่องราว แล้วเหตุใดจึงไปปรากฏตัวที่สถานที่ประชุมได้?
สือควนเอ่ย: “ฉันไม่วางใจอยู่ดี เรื่องนี้มันใหญ่มากเพื่อไม่ให้ไม่เป็นอันกินอันนอน เหวินปิ่งลูก แกให้คนของแกทำอะไรให้มันเร็วหน่อย ถ้าเจอโอกาสเหมาะเจาะเมื่อไรให้รีบจัดการซะ ให้จับกุมคนมาให้ได้โดยเร็วที่สุด”
“เจ้าใจแล้วครับ ผมจัดแจงเรียบร้อยแล้ว”
“จริงสิ” สือควนถาม: “ฉันยังไม่ถามเลย เป้าหมายที่เลือกในครั้งนี้คือใครน่ะ?”
สือเหวินปิ่งลูบปาก ล้วงมือถือออกมา เปิดรูปให้สือควนดู
“พ่อ นักศึกษาคนหนึ่งน่ะ ชื่อเจิ้งป๋อหยาง นักศึกษาปีสี่คณะแพทยศาสตร์ กำลังเตรียมพร้อมสอบปริญญาโท มีทั้งคุณธรรมและความรู้”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขายังเป็นนักศึกษาที่ถนัดด้านกีฬาด้วยนะ พ่อดูร่างกายของหมอนี่สิ กำยำเหมือนวัวเลย ตั้งแต่เล็กจนใหญ่เจ็บป่วยน้อยมาก”
“หลังจากที่เขากินยาที่พ่อให้แล้ว ไม่เกิดผลอะไรเลย กลับเปลี่ยนเป็นแข็งแรงขึ้นเยอะเลยด้วย”
สือควนมองดูนักศึกษาในรูป จากนั้นพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เป้าหมายนี้ เหมาะสมเป็นอย่างมาก
เขาเอ่ยด้วย ‘ความสงสารเล็กน้อย’ ว่า: “ร่างกายแข็งแรงกำยำ มีคุณธรรมและความรู้ เป็นต้นกล้าที่ดีของวงการแพทย์แบบนี้ น่าเสียดายจริงๆ ”
สือเหวินปิ่งยิ้ม เอ่ยว่า: “ฮ่าฮ่า ใช้ชีวิตของเขาคนเดียวมาเปลี่ยนเป็นความรุ่งโรจน์ ร่ำรวยของพวกเราสองพ่อลูกตลอดไป ไม่น่าเสียดายแม้แต่น้อย”
“มีหลักการนะ มา พวกเราสองพ่อลูกชนแก้วกันหน่อย”
สือควนยกแก้วสุราขึ้นมา พร้อมชนแก้วสือเหวินปิ่ง ดื่มรวดเดียวหมด
……
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เจียงชื่อทำธุระทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็กลับมายังบ้านตัวเองด้วยร่างกายที่เมื่อยล้า
พอมาถึงบ้านก็พบกับติงเมิ่งเหยนนั่งจัดการเอกสารของบริษัทอยู่บนโซฟา
“ที่รัก ทั้งวันนี้คุณไปทำอะไรที่ไหนมาคะ? ธุระที่บริษัทก็ไม่สนใจ คุณนี่เป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อได้สบายจริงๆ เลยนะ”
สบายหรือ?
เจียงชื่อยิ้มอย่างขมขื่น ทุกวันเขาต้องรับมือกับเรื่องราวมากมายเหลือเกิน
เขานั่งลงข้างกายติงเมิ่งเหยน เจียงชื่อโอบเธอไว้ เอ่ยคำพูดที่ทำให้ติงเมิ่งเหยนฟังไม่เข้าใจ: “ที่รัก ผมมักจะคิดอยู่บ่อยๆ หรือว่าผมจะทิ้งทุกอย่างไปซะเลย อยู่บ้านเป็นเพื่อนคุณเงียบๆ แบบนี้ดีไหมนะ เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่แท้จริง”
ติงเมิ่งเหยนส่งเสียงคิกคักขึ้นมาอย่างขำขัน
เธอยื่นมือจิ้มจมูกเจียงชื่อ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเล็กน้อย: “คุณน่ะเหรอ เมื่อก่อนเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาตั้งนานแบบนั้นแล้วยังไม่พออีกหรือไง?”
ยังจะมาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่แท้จริง เหอะๆ ก็แค่ช่วงนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแล้วได้เงินเดือนมาบ้างแค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมเหลิงเร็วขนาดนี้ล่ะ? คุณลืมแล้วเหรอว่าญาติพวกนั้นดูถูกคุณไว้ว่ายังไงบ้าง?”
“ฉันต้องบอกคุณไว้ก่อนเลยนะ ผู้ชายคนนี้นะ อาชีพสำคัญที่สุดเลย คุณห้ามหลบหนีเพียงเพราะกลัวลำบากกลัวเหนื่อยเด็ดขาดเลยนะ”
“โดยเฉพาะในตอนที่กิจการของคุณกำลังรุ่งเรืองแบบนี้ด้วย”
“พูดอะไรล้มเลิกทั้งหมดฮะ ตอนนี้นอกจากตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแล้วคุณยังมีอะไรให้ล้มเลิกอีก? ที่รักคุณห้าม พอมีหน้ามีตาหน่อยก็หลงระเริงสิ!”
“นั่นมันข้อห้ามใหญ่เลยนะ”
เจียงชื่อยิ้มขมขื่น มีบางเรื่องก็ถึงเวลาแล้วที่ควรจะบอกติงเมิ่งเหยน ขืนไม่พูดตลอดแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องปกปิดไปจนถึงเมื่อไรถึงจะได้
ทว่าเมื่อคิดทบทวนแล้วต้องการจะปริปาก เจียงชื่อก็พูดไม่ถูกอีกเช่นเคย
จะพูดอย่างไรดี?
บอกติงเมิ่งเหยนไปตรงๆ แบบนั้นเลย ว่าเขาเป็นเทพแห่งสงครามชูร่าแห่งเวสเตอร์แลนด์ คือ
ผู้บริหารระดับสูงเขตเจียงหนาน?
ติงเมิ่งเหยนต้องเห็นเขาเป็นประสาทไปแล้วแน่นอน
ต่อให้ติงเมิ่งเหยนจะเชื่อ ครั้นต้องตกใจมากแน่ๆ ไม่ใช่เซอร์ไพรส์
ดังนั้น ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ ต้องหาเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม บอกกล่าวเรื่องทั้งหมดด้วยน้ำเสียงที่เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เพื่อรับประกันว่าภรรยาตัวเอง ติงเมิ่งเหยนจะไม่ตกใจจนเป็นอะไรไป
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเดินเท้าอย่างเร่งรีบดังขึ้นมาเป็นขบวน
ตึกตึกตึก ตึกตึกตึก
ทั้งสองคนหันหลังมองไปยังหน้าประตู คนที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพี่สองของพวกเขาเอง ติงเฟิงเฉิง
“เจียงชื่อ เมิ่งเหยน ข่าวดีๆ !”
ติงเฟิงเฉิงพุ่งเข้ามาทันที เอ่ยอย่างอดใจรอไม่ไหว: “โปรเจกต์ที่ดินรกร้างทางเหนือของเมืองคืบหน้าเร็วโคตรเลย วันนี้ทำการก่อสร้างช่วงแรกเรียบร้อยแล้ว!”