บทที่ 19
พูดจบ หลี่เสว่ก็โมโหเช่นกัน “หลี่ฝาน คุณทำอะไรอย่าให้ไม่เห็นใครอยู่ในสายตามากเหลือเกินนะ!”
เพราะว่าเสียงทะเลาะกันดังเกินไป คนที่อยู่หน้าประตูได้ยินเสียงแล้วล้วนหันมามอง
“ไอ้หย่า นี่ก็เป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งอีกแล้ว!”
“อย่าพูดบั่นทอนกำลังใจ นั่นคือคนของบ้านตระกูลหลี่…….”
“บ้านตระกูลหลี่ตอนนี้ได้พัวพันกับต้นไม้ใหญ่แล้ว เตะต้องไม่ได้…….”
หลิวจื่อหยุนโมโหมาก ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งที่ถูกพวกเขาหยอกล้ออย่างนี้แล้ว สัญญาอันหนึ่ง มีจุดที่จะใช้หลี่เสว่ก็มาเชิญหลี่เสว่ ใช้เสร็จแล้วพอบรรลุเป้าหมาย ก็ถีบหัวส่งผู้ช่วยเหลือ ใครๆก็จะโมโหมากเช่นกัน!
ไป๋ยี่เฟยก็โมโหมากเช่นกัน แต่ว่าเขาสงบอารมณ์ได้ อีกสักครู่อยู่ในงานเลี้ยง เขาจะทำให้พวกเขาเสียใจทีหลังแน่นอน!
หลี่ฝานยังไม่พอ “ไม่ใช่ผมไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่เป็นพวกมึงล้วนคือขยะ สัตว์เดรัจฉานฝูงหนึ่ง พวกคุณแท้ที่จริงก็ไม่เหมาะที่จะเป็นคน แต่ว่าเห็นพวกคุณน่าสงสารขนาดนี้ ผมก็เกิดความเมตตายิ่งใหญ่ให้โอกาสพวกคุณอีกครั้งล่ะ! ไป๋ยี่เฟย คิดให้ดีๆ มึงเพียงแค่คุกเข่าหมอบลงเห่าสองครั้ง วันนี้กูก็ให้พวกมึงเข้าไปล่ะ!”
“หลี่ฝาน คุณอย่าทำเกินไปนะ!” หลี่เสว่โมโหตะโกนพูด
หลี่ฝานเย็นชา ฮึ เสียงหนึ่ง “เกินไปหรือ? กูเพียงแค่ใช้วิธีของมึงไปลงโทษตัวมึงเอง!”
หลี่เสว่ทั้งครอบครัวกับโจวฉวี่เอ๋อล้วนโมโหจ้องมองหลี่ฝาน
ตอนที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด มีเสียงเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
“เสว่เอ๋อ คุณก็มาเช่นกันหรือ?”
หลิ่วจาวเฟิงยิ้มหวานเดินเข้ามา จ้องมองหลี่ฝานหนึ่งที ทั้งจ้องมองหลี่เสว่ทั้งครอบครัวอีกหนึ่งที เข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องอะไรกัน
“เสว่เอ๋อ พวกเรารีบเข้าไปเถอะ”
ในเวลานี้ คนที่มาดูความคึกคักล้วนมองไปยังหลิ่วจาวเฟิง ก็ไม่มีคนกล้าพูดอะไร
หลิ่วจาวเฟิงก็เหมือนดั่งเดินอยู่ใต้ไฟสปอตไลต์ ทำให้คนย้ายสายตาไม่ได้
หลี่เสว่มองเห็นหลิ่วจาวเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่อยากสัมผัสกับหลิ่วจาวเฟิงมากเกินไปเลย
แต่ว่าหลี่ฝานหลังจากมองเห็นหลิ่วจาวเฟิงทันทีนั้นก็เก็บท่าทีที่โอหังของตนเอง อีกทั้งกลายเป็นมีการเอาใจเล็กน้อย “คุณชายหลิ่วคุณมาแล้ว รีบเชิญเข้าข้างใน”
หลิ่วจาวเฟิงเหลือบตามองหลี่ฝานหนึ่งที กับท่าทีของเขายังถือว่าใช้ได้ พยักหน้ายิ้ม มองไปยังหลี่เสว่ “เสว่เอ๋อ ไปเถอะ! พวกเราเข้าไปด้วยกัน?”
หลี่เสว่ดึงข้อมือของไป๋ยี่เฟยไว้ “ไม่ต้องแล้วค่ะ พวกเราไม่อยากเข้าไป”
ในเวลานี้ หลิวจื่อหยุนตาเร็วมือไวขวางหลี่เสว่ที่กำลังจะไป หัวเราะ เฮอะๆต่อหลิ่วจาวเฟิงกล่าวว่า “คุณรู้จักเสว่เอ๋อหรือ?”
“ใช่ครับ!” หลิ่วจาวเฟิงหัวเราะหนึ่งที “ท่านคือพี่สาวของ……เสว่เอ๋อหรือ?”
หลิวจื่อหยุน ได้ยิน ดีใจมากเลย “เฮอะๆ…….เด็กคนนี้ช่างพูดเก่งจริงๆ ฉันคือแม่ของเสว่เอ๋อ”
หลิ่วจาวเฟิงรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน “แท้จริงคือคุณป้า เมื่อกี้เสียมารยาทแล้ว”
“ที่ไหนล่ะ?” หลิวจื่อหยุนหัวเราะพูดไปประโยคหนึ่ง “คุณกับเสว่เอ๋อรู้จักกันได้ยังไงหรือ?”
หลิ่วจาวเฟิงยิ้มตอบกลับว่า “เสว่เอ๋อกับผมคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนในมหาวิทยาลัย ในเวลานั้นผมยังเคยจีบเธอล่ะ แต่เสว่เอ๋อปฏิเสธผมไปแล้ว ไฮ่ว…….”
หลิวจื่อหยุนหลังจากฟังแล้วดีใจเหลือเกิน หลิ่วจาวเฟิงคนนี้ดูแล้วก็คือคุณชายที่มีชาติตระกูลคนหนึ่ง ความชอบพอชื่นชมที่มีต่อเสว่เอ๋ออยู่ในตาแสดงออกมาอย่างชัดเจนไม่เกินไปกว่านี้อีกแล้ว!
หลิ่วจาวเฟิงเก่งกว่าไป๋ยี่เฟยเยอะมากเลย นี่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเป็นลูกเขย
“ไม่มีอะไร ทุกคนล้วนเป็นวัยรุ่นล่ะ เสว่เอ๋อตอนนี้เธอยัง…….” พูดยังไม่ทันจบ หลิวจื่อหยุนก็หยุดปาก ที่นี่ยังมีคนนอกมากมาย พูดออกไปแล้วกับชื่อเสียงของบ้านตนเองก็ไม่ดี
หลิ่วจาวเฟิงกลับเข้าใจความหมายของหลิวจื่อหยุนแล้ว ทันทีนั้นหัวเราะอย่างดีใจยิ่งแล้ว “คุณป้า ไปเถอะ ผมพาพวกคุณเข้าไป”
หลิวจื่อหยุนดีใจพยักหน้า
หลี่ฝานที่อยู่ข้างๆเห็นแล้วรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย หลิ่วจาวเฟิงหันหน้าจ้องมองเขา “ทำไมหรือ?”
“ไม่มีอะไร เชิญเข้าไป” หลี่ฝานที่ไหนจะกล้าพูดอะไร
หลิ่วจาวเฟิงพาพวกเขาเข้าไปด้วยกัน แต่ว่าหลี่ฝานหลังจากมองเห็นไป๋ยี่เฟยแล้ว ขวางเขาไว้ “ไม่ได้! คนอื่นๆเข้าไปได้ไป๋ยี่เฟยเข้าไปไม่ได้!”
คนทั้งหลายมึนงงอยู่
“นั่นฉันก็ไม่ไปแล้ว” หลี่เสว่ดึงข้อมือของไป๋ยี่เฟยไว้ก็จะออกไปเลยทันที
ไป๋ยี่เฟยในใจซาบซึ้ง
แต่ว่าหลิวจื่อหยุนก็กัดฟันเล็กน้อย เป็นไป๋ยี่เฟยคนนี้อีกแล้ว!
สวะไอ้ขยะที่แต่งเข้าคนนี้ เริ่มแรกตกลงไว้แล้วว่าจะพาลูกสาวมาฉลองวันเกิด ผลสุดท้ายกลับพาคนทั้งหลายมาขายหน้า!
“เสว่เอ๋อ เขาไม่เข้าไปก็ไม่ต้องเข้าไป ก็ไม่ใช่ไม่มีเขาแล้วจะเข้าร่วมงานเลี้ยงไม่ได้ อีกทั้งคนบ้านนอกแบบนี้เข้าไปแล้วก็จะได้ให้คนพลิกตาขาวใส่ เมื่อกี้แกยังรู้สึกว่าขายหน้ายังไม่มากพอหรือ?”
หลี่เสว่จ้องมองหลิวจื่อหยุน “แม่!”
หลิวจื่อหยุนยังอยากจะพูดอะไร ฝั่งโน้น หลิ่วจาวเฟิงพูดกับหลี่ฝานเสียงเบาๆว่า “ให้เขาเข้าไป เข้าไปแล้วก็ได้เพียงแค่รับการหัวเราะเยาะเท่านั้น คนที่ขายหน้าก็คือเขา!”
ยังมีจุดหนึ่งก็คือ มีการเปรียบเทียบแล้ว แม่ของหลี่เสว่จึงได้ชัดเจนกว่านี้เข้าใจถึงว่าใครคือลูกเขยที่เหมาะสมที่สุด ?
หลี่ฝานได้ยินแล้วพยักหน้าทันที “ได้ครับ เห็นแก่หน้าคุณชายหลิ่ว มึงเข้าไปเถอะ!”
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองหลิ่วจาวเฟิง สายตาที่อยู่ในตามืดมนไม่ชัดเจน
คราวนี้คนทั้งหลายเดินๆเข้าไปเลย
หลังจากเข้าไปแล้วหลิ่วจาวเฟิงพาหลี่เสว่ทั้งครอบครัวแนะนำนั่นโน่นนี่ หลี่เสว่จ้องมองไป๋ยี่เฟยอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
ไป๋ยี่เฟยยิ้มกล่าวว่า “ไปเถอะ ผมไม่เป็นไร”
หลี่เสว่ได้แต่พยักหน้า ตามพวกเขาไปด้วยกัน
โจวฉวี่เอ๋อเข้าใจสถานะของหลิ่วจาวเฟิง ดังนั้นก็ตามไปด้วยกัน อยากลองดูว่าจะได้เจอกับประธานกรรมการของโหวจวี๋กรุ๊ปหรือไม่
หลังจากรอพวกเขาเดินไปแล้ว หลงหลิงหลิงจึงเดินเข้ามา “ขออภัยค่ะ ท่านประธาน มีธุระล่าช้าไปสักพัก”
ไป๋ยี่เฟยกล่าวอย่างจืดชืดว่า “ไม่เป็นไร อีกสักครู่คุณก็แกล้งทำเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม อย่างอื่นทำตามที่วางแผนไว้ก็พอ”
“ค่ะ ท่านประธาน” หลงหลิงหลิง หลังจากตอบเสร็จแล้วก็ออกไปเลย
เพราะว่าทั้งสองคนคืออยู่ในมุม ดังนั้นไม่มีคนรู้ว่าพวกเขาพูดอะไร
ในงานเลี้ยง นายท่านหลี่หัวเราะจนไม่หุบปาก
คราวนี้ได้พัวพันโหวจวี๋กรุ๊ปต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ท่าทีของคนในวงจรธุรกิจเหล่านี้ ต่อบ้านตระกูลหลี่นับไม่ได้ว่าไม่ดี ทำให้ใจหลงใหลเรื่องหน้าตาของนายท่านหลี่ได้รับการเติมเต็มอย่างมาก
วันหลังอยู่ในเมืองเทียนเป่ย น่าจะไม่มีคนกล้าเป็นคู่ปรับกับพวกเขาตระกูลหลี่
ตอนที่งานเลี้ยงดำเนินงานถึงครึ่งหนึ่ง นายท่านหลี่ยืนขึ้นไปบนเวที กระแอมเล็กน้อย ใช้ไมโครโฟนกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับญาติพี่น้องมิตรสหายทุกท่านที่มาถึงงานเลี้ยง ผมคือหลี่จิ้งประธานกรรมการของกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ป”
หลังจากคำพูดที่เป็นทางการพูดจบแล้ว นายท่านหลี่หัวเราะกล่าวว่า “ก่อนหน้านั้นตอนที่งานวันเกิดของผม มีเพื่อนคนหนึ่ง ส่งไข่มุกราตรีหนึ่งลูกให้พวกเราบ้านตระกูลหลี่ เป็นไข่มุกราตรีจากธรรมชาติที่หายากมาก อาศัยโอกาสในวันนี้ มาชื่นชมๆกับทุกคนด้วยกัน”