บทที่ 76
จางหรงมองไป๋ยี่เฟยอย่างไม่พอใจ“แกอยู่ตำแหน่งอะไร?กล้าพูดขัดฉันกับผู้ช่วยหลงงั้นเหรอ?ยังยืนอยู่อีก?ไม่ไปทำงานรึไง?เงินเดือนที่บริษัทให้ ให้พวกแกมาแอบอู้งั้นเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเย็นชา:“ขอแนะนำตัวหน่อยละกัน ผมชื่อไป๋ยี่เฟย”
“ฉันถามว่าแกอยู่ตำแหน่งอะไร แกชื่ออะไรมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?แก……แกว่าไงนะ?แกชื่อไป๋ยี่เฟย?”พูดพลางจางหรงเบิกตาโต จากนั้นมองหลงหลิงหลิง หลงหลิงหลิงพยักหน้า
“ดี!”จู่ๆจางหรงหัวเราะออกมา“ดีหนิ!แกอยู่ที่นี่ก็ดี!สิ่งที่ฉันพูดเมื่อครู่ก็ชัดเจนอยู่แล้ว งั้นตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกไม่ต้องมาบริษัทแล้ว!แกโดนไล่ออก!”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มบางๆพลางส่ายหน้า
“แกหมายความว่าไง?”จางหรงหรี่ตามองหลงหลิงหลิงพลางพูด:“คุณเห็นแล้วยัง?พนักงานแบบนี้ กล้าเป็นศัตรูกับกรรมการบริษัท?อนาคตอย่าพูดถึงเลย?”
หลงหลิงหลิงกุมขมับ จากนั้นพูดเตือน:“ประธานจาง คนนี้คือไป๋ยี่เฟย สกุลไป๋”
เธอเน้นเสียงหนักตรงสองพยางค์สุดท้าย
จางหรงไม่สะทกสะท้าน“ฉันรู้ ไป๋ยี่เฟยเป็นเนื้อร้ายของบริษัท สกุลไป๋แล้วทำไม?ไม่ว่าเขานามสกุลอะไร?เขาก็ต้อง……”
“เดี๋ยวนะ……สกุลไป๋?”จางหรงมองหลงหลิงหลิงอย่างตกตะลึง“ไป๋เดียวกับไป๋หยุนเผิง?”
หลงหลิงหลิงพยักหน้า
“ไม่!เป็นไปไม่ได้!”จางหรงส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ จนท้องโตนั่นพลอยสั่นไปด้วย
“ทำไมเป็นไปไม่ได้?”ไป๋ยี่เฟยเอามือกอดอก มองเขาอย่างไม่ใส่ใจ
จางหรงยังคงส่ายหน้า“ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ!ไป๋ยี่เฟยที่ฉันพูดถึงคือผู้จัดการของบริษัท เป็นคนหยิ่งผยองและต่ำช้า ไม่มีทางเป็นประธานกรรมการ!ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ!อาจไม่ใช่สกุลไป๋ แต่เป็นสกุลหวังก็เป็นไปได้!ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ!”
หลงหลิงหลิงจนปัญญา พูดอย่างเรียบๆ:“ประธานจาง ในบริษัทมีคนชื่อไป๋ยี่เฟยคนเดียว ก็คือประธานกรรมการของพวกเรา”
จางหรงเบิกตากว้าง ตื่นตระหนก“นี่……เป็นไปได้ยังไง?”
ไป๋ยี่เฟยไม่อาจทนได้ จึงพูดขึ้น:“จางหรง ประธานจาง อันดับแรก คุณเป็นกรรมการบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ป แม้แต่ประธานกรรมการเป็นใครก็ไม่รู้งั้นเหรอ?บกพร่องต่อหน้าที่มาก?”
“รองลงมา เป็นถึงกรรมการบริษัทของโหวจวี๋ แต่กลับทุ่มเทให้หลิ่วซื่อ คิดว่าทำงานให้หลิ่วซื่อกรุ๊ปดีกว่าโหวจวี๋งั้นเหรอ?”
“ไม่ครับ ท่านประธาน……”จางหรงตกตะลึง อยู่ไม่เป็นสุข
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากฟังเขาอธิบาย“ไม่ต้องพูดแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ใช่กรรมการบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปอีก คุณจะถูกปลด”
“ส่วนหุ้นของคุณ จะจัดการยังไงก็แล้วแต่คุณ ผมจะไม่ยุ่ง แต่ผมขอเตือนอย่าคิดหาวิธีอื่น!”
“ท่านประธาน เข้าใจผิด ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด……”จางหรงรีบเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม……”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มเยาะ“เข้าใจผิด?ไม่เกี่ยวกับคุณ?”
“ขอโทษนะ ผมพูดชัดเจนแล้ว ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ใช่กรรมการของโหวจวี๋อีกต่อไป คุณโดนไล่ออก!”
ไป๋ยี่เฟยย้อนคำพูดของจางหรง。
……
จางหรงยืนอึ้งคนเดียวตรงระเบียงอยู่ครู่ใหญ่ ยังบ่นพึมพำ:“แย่แล้ว……”
จู่ๆเขาก็ยืนขึ้น ใบหน้ายู่ยี่ สายตาดุดัน“แม่งเอ้ย!ไอ้ลูกหมาหลิ่วเซียวเหยา กล้าทำร้ายฉันขนาดนี้!”
ด้านไป๋ยี่เฟย ตอนนี้รู้แล้วว่านิวซีกรุ๊ปเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
ไม่รู้ว่าบริษัทไหนซื้อนิวซีกรุ๊ปไป นิวซีกรุ๊ปโดนอัดฉีดเงินทุนจำนวนมาก เริ่มกลับมาใช้งานได้ปกติและเริ่มโจมตีหลี่ซื่อ ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งที่แล้วมาก
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว รุนแรงกว่าครั้งที่แล้ว แสดงว่าเงินทุนต้องเยอะกว่าครั้งที่แล้ว ใครกันที่มีฝีมือมีกำลังทางธุรกิจแบบนี้?และกล้าเป็นศัตรูกับโหวจวี๋กรุ๊ป?
หลี่เสว่ให้ความสำคัญหลี่ซื่อมาก ไป๋ยี่เฟยจนปัญญาจึงทำได้เพียงช่วยหลี่ซื่อ
……
ห้องทำงานหลิ่วซื่อกรุ๊ป
เมื่อหลิ่วเซียวเหยาได้ยินสิ่งที่หลิ่วจาวเฟิงพูด หน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที“แกคิดให้ดีๆ ช่วงนี้ไปมีเรื่องกับคนใหญ่คนโตที่ไหนรึเปล่า?”
“ผมเปล่านะ!”ปกติหลิ่วจาวเฟิงจะมีเรื่องแค่กับคนต่ำต้อย มีเรื่องกับคนใหญ่คนโตนั้นเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้รู้ดี
หลิ่วเซียวเหยาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าพูดเสียงขรึม:“ครั้งนี้รุนแรงเกินไปแล้ว แม้แต่ลูกค้าเก่าก็ไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นใคร นั่นแสดงว่าอีกฝ่ายมีอำนาจมาก อย่างน้อยก็เป็นคนที่เราสู้ไม่ได้!”
“อีกฝ่ายเป็นใครเรายังไม่รู้เลย พยายามยังไงก็หาทางออกไม่เจอ ผมว่าเรื่องนี้บอกพ่อดีกว่า พ่อต้องรู้จักคนใหญ่คนโตบ้างแน่ๆ อาจจะแก้ปัญหาได้”
หลิ่วจาวเฟิงได้ยินแล้วตกใจ รีบพูด:“พี่รอง เรื่องนี้บอกพ่อไม่ได้เด็ดขาด!ถ้าพ่อรู้คงยึดธุรกิจในมือผมกลับแน่!”
หลิ่วเซียวเหยาพูดโน้มน้าว:“น้องสามพี่รู้ว่าแกกลัวว่าหากพ่อรู้เข้าจะโกรธ แต่แกลองคิดดู เราไม่รู้ว่าตอนนี้ใครกำลังโจมตีเราอยู่ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องโดนอีกฝ่ายทำลายแน่ๆ ยังไงแกก็ไม่เหลือธุรกิจเหมือนกัน อีกทั้งถ้าบอกพ่อในตอนนั้น คงไม่ใช่แค่โกรธแน่ๆ!”
“ผม……”หลิ่วจาวเฟิงพูดไม่ออก
หลิ่วเซียวเหยาตบไหล่หลิ่วจาวเฟิง“แกไม่ต้องกังวล เรื่องนี้พี่บอกพ่อเอง พยายามปัดความผิดของแก”
หลิ่วจาวเฟิงจนปัญญา ทำได้แค่พยักหน้า
หลิ่วเซียวเหยาเห็นหลิ่วจาวเฟิงออกไป จึงยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูห้องทำงาน
“เข้ามา”
เมื่อประตูเปิดออก เหอหยวนหยวนที่ใส่ชุดทำงานเดินเข้ามา ยิ้มพลางถาม:“ประธานหลิ่ว เที่ยงแล้ว หิวรึยังคะ?”
“หิวสิ ไปกินข้าวกัน!”
เหอหยวนหยวนพยักหน้าพลางยิ้ม เมื่อเห็นหลิ่วเซียวเหยาเดินมาก็คล้องแขนเขา
ตอนนี้โหวจวี๋ลงทุนกับบริษัทของเหอหยวนหยวนเป็นจำนวนมาก กลับมาตั้งตัวได้และยิ่งดีขึ้น อีกทั้งยังมีสัญญากับหลิ่วซื่อกรุ๊ปหลายฉบับ
เหอหยวนหยวนเจอหลิ่วเซียวเหยาในงานเลี้ยงการทำสัญญา
ตอนมหาลัยเหอหยวนหยวนเป็นดาวคณะ ความสวยไม่ต้องพูดถึง ขนาดไป๋ยี่เฟยยังเห็นเหอหยวนหยวนเป็นนางฟ้า แต่เหอหยวนหยวนไม่ชอบไป๋ยี่เฟยในตอนนั้น