บทที่117
ดวงตาของสวีลั่งดูถูกและเหยียดหยามมาก “ฉันเป็นนักฆ่ามืออาชีพ ไม่เหมือนกับพวกแก๊งกระจอกพวกนั้น ฉันมีจรรยาบรรณในอาชีพของฉัน ไม่ว่าคุณจะให้เงินมากเท่าไหร่ ฉันก็ไม่ถอยไปแน่ๆ”
ในสถานการณ์ปกติ แล้วคนอื่นก็คงจะจ่ายเงินให้เป็นสองเท่าถึงสามเท่า เพื่อให้นักฆ่ากลับไปฆ่านายจ้าง เขารู้ดีว่าไป๋ยี่เฟยก็คงให้ในราคานี้ แต่เขาไม่ใช้นักฆ่าธรรมดา เขามีหลักการของเขา
และเมื่อถึงจุดนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกแย่และเกลียดคนประเภทนี้มากขึ้น ดังนั้นสวีลั่งจึงคิดว่าจะฆ่าไป๋ยี่เฟยได้อย่างไร
“คิดได้หรือยังว่าจะตายยังไงละ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว “ไม่ได้คิด”
สวีลั่งยิ้ม “แต่ฉันช่วยแกคิดได้สองสามวิธี จะฟังดูมั้ย?”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจวิธีการตายของตัวเอง เขาจึงรีบพูดว่า: “ผมไม่ได้ให้คุณกลับไปฆ่านายจ้าง”
ไม่ให้กลับไปฆ่านายจ้าง แล้วมันคืออะไรละ?
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆ: “ผมจะให้คุณยี่สิบล้าน ก่อนที่จะฆ่าผม ช่วยผมจัดการเรื่องอะไรอย่างหนึ่ง ผมจะจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าห้าล้านให้คุณ”
“เรื่องอะไร?”
“นักฆ่าที่บุกมาบ้านของผมเมื่อวาน มีแค่คุณที่เห็นเขา ผมอยากให้คุณช่วยไปพาเขามาที่ยี่ แบบมีชีวิต”ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างจริงจัง
เมื่อวานนี้หลังจากที่นักฆ่าบุกมาก็พบว่ามีผงนั่น แล้วบังเอิญหลี่เสว่ก็ดื่มน้ำแก้วนั่นไป งั้นสารพิษนั้นก็คงมาจากนักฆ่าคนนั้นสินะ เขาต้องการที่จะรู้ว่ามันคือสารพิษอะไร ที่วิธีแก้หรือเปล่า
สวีลั่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “มีชีวิตอยู่?”
“ใช่ มีชีวิตอยู่”ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
“จับแบบเป็นยากมาก ต้องเพิ่มเงิน”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดอะไร และนอนลงบนโซฟา ราวกับว่าสามารถฆ่าเขาได้
สวีลั่งขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ หลังจากที่ลังเลอยู่นานเขาก็กัดฟันและพูดว่า: “ตกลง”
หลังจากพูดสิ่งนี้จบ สวีลั่งก็ลุกขึ้นและจากไป
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
เมื่อกี้นี้เขาไม่ได้แสดงออกได้นิ่งสงบขนาดนั้น เพราะเขากำลังเผชิญหน้ากับนักฆ่าที่ต้องการฆ่าเขา เมื่อกี้เขาแค่เดิมพัน เดิมพันด้วยความโลภของคน
โชคดีที่ เขาเดิมพันถูก
หากเรื่องนี้แก้ไขได้ ปัญหาที่เหลือ ก็ควรได้รับการจัดการด้วย
หลี่เฉียงตงบอกกับเขาว่าเรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่อย่างที่เห็น งั้นมันเป็นแบบไหน? นอกจากนี้ เรื่องทั้งหมด เขาต้องเป็นคนจบ?
มาทีละอย่างทีละอย่าง
สิ่งของที่มองเห็น พูดถึงคริสตัลกรุ๊ปหรือเปล่า? หวังโหลวขัดขวางการซื้อกิจการของโหวจวี๋กรุ๊ป ดูเหมือนว่าจะจงใจที่จะเป็นคู่แข่งกับโหวจวี๋กรุ๊ป นี่คือการแสดง?
เรื่องนี้ เขาต้องเป็นคนออกโรงเอง ที่สำคัญคือเขายังแสดงความโกรธด้วย
เมื่อคิดถึงจุดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ปวดหัว ช่างมันเถอะ ก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปแล้วละ!
“ผู้ช่วยหลง ช่วยตรวจสอบให้ผมหน่อยว่าช่วงนี้สถานการณ์ของคริสตัลกรุ๊ปเป็นยังไงบ้าง “ไป๋ยี่เฟยโทรหาหลงหลิงหลิง “ให้เวลาคุณห้าชั่วโมง ผมหวังว่าจะได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้ก่อนสี่โมงเย็น”
สี่โมงเย็น หลงหลิงหลิงก็ถือข้อมูล มาถึงที่ห้องของไป๋ยี่เฟย หลังจากนั้นก็ยื่นข้อมูลให้กับไป๋ยี่เฟย
“คริสตัลกรุ๊ปนอกเหนือจากการเข้าซื้อกิจการนิวซีกรุ๊ปและกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ป และยังใช้พลังงานเกือบทั้งหมดใช้ไปกับวัสดุก่อสร้าง แล้วมีผู้ผลิตฉนวนกันความร้อนสามสิบห้าราย คริสตัลกรุ๊ปได้เช่าไปสิบห้ารายในเวลาระยะสั้น”
“แต่กรุ๊ปของเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉนวนกันความร้อน ดังนั้นโครงการหลันโปกั่งที่สอง จึงใช้แผงฉนวนกันความร้อนสามสิบห้าแห่งในเมือง รวมถึงของคริสตัลกรุ๊ปสิบห้าแห่งด้วย”
“มีอย่างหนึ่งที่ดิฉันรู้สึกมันแปลกๆ พวกเขาเช่าโรงงานที่ผลิตฉนวนกันความร้อนมันไม่สมเหตุสมผลที่จะบอกว่าต้นทุนสูง แต่พวกเขาให้ราคาเราเท่ากับราคาโรงงาน ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้กำไรอะไรมากนัก”
หลังจากที่ได้ยินสิ่งนี้ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย และหลังจากคิดสักพักเขาก็ถามว่า: “อีกยี่สิบแห่งละ?”
“ที่เหลืออีกยี่สิบแห่งถูกเช่าโดยหลิ่วซื่อกรุ๊ป”
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยฟังจบก็เข้าใจทันที เขาจึงลุกขึ้นยืนและพูดกับหลงหลิงหลิง: “ไป ไปที่หลันโปกั่งสอง”
ทั้งสองขับรถไปยังสถานที่ก่อสร้างหลันโปกั่งสองความเร่งรีบ
เมื่อถึง ไป๋ยี่เฟยเห็นว่ามีแผงฉนวนกันความร้อนมากมายในสถานที่ก่อสร้างอาคาร บางส่วนสร้างเสร็จแล้ว และบางส่วนกำลังสร้าง
ผู้รับผิดชอบสถานที่ก่อสร้างได้รับโทรศัพท์จากหลงหลิงหลิงมาก่อน ดังนั้นเมื่อเห็นไป๋ยี่เฟยและหลงหลิงหลิงมาถึง พวกเขาก็วิ่งไปหา
ผู้นำคนนี้เป็นชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบของเขานามว่าซุนเฉิง เขาเรียก “ผู้ช่วยหลง” จากนั้นก็ยื่นหมวกกันนิรภัยให้หลงหลิงหลิงและไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยสวมหมวกนิรภัยและวิ่งตรงไปที่กองแผงฉนวนกันความร้อน เขาพบว่ามีสองที่ที่มีแผงฉนวนกันความร้อนกองอยู่ กองหนึ่งน้อย และอีกกองมาก
กล่าวอีกอย่างหนึ่งเกือบทั้งหมดที่พวกเขาใช้คือแผงฉนวนกันความร้อนด้านที่กันได้น้อยกว่า และอีกด้านหนึ่ง แทบจะไร้ประโยชน์
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว ชี้ไปที่ด้านข้างที่กองสูงแล้วถามว่า: “อันนี้ยังใช้อยู่ไหม?”
ซุนเฉิงมองไปที่หลงหลิงหลิงอย่างลังเล “นี่……”
หลงหลิงหลิงขมวดคิ้ว “ถามคุณก็ตอบสิ”
ซุนเฉิงพยักหน้าทันที แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหัวหน้าแผนกอะไร แต่เมื่อหลงหลิงหลิงพูดเช่นนั้น ก็ต้องเป็นใหญ่คนโต เขาจึงรีบพูดว่า: “ใช้ทั้งสองข้างครับ”
“เนื่องจากโดยทั่วไปบริษัทจะซื้อสินค้าเกินงบประมาณเล็กน้อย ในกรณีที่ หลังจากเสร็จสิ้นโครงการแล้ว ส่วนที่เหลือที่ไม่ได้ใช้ จะถูกส่งไปยังโครงการอื่น เพื่อไม่ให้สูญเปล่า และเพื่อปกกันการขาดแคลนวัสดุด้วย”
ไป๋ยี่เฟยตอบรับอืม แล้วเดินไปด้านหน้า และสุ่มทำลายแผงฉนวนกันความร้อนเล็กน้อย จากนั้นเดินไปอีกด้านหนึ่ง หักเล็กน้อย แล้วหยิบมันมาเปรียบเทียบกัน
อย่างไรก็ตาม ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเนื้อหาพวกนี้ เขาจึงพูดกับหลงหลิงหลิง: “นำกลับไปตรวจสอบคุณภาพของทั้งสอง”
“รับทราบค่ะ”หลงหลิงหลิงหยิบของทั้งสองชิ้น ใส่กระเป๋าของเธอ
ไป๋ยี่เฟยยืนขึ้นมองสักพักแล้วถามซุนเฉิงว่า “ทำไมใช้ฝั่งนี่มากกว่าฝั่งโน้นเหรอ?”
ซุนเฉิงตกตะลึง เมื่อได้ยินคำพูดจากนั้นก็รีบหลบสายตา หัวเราะสองครั้ง และพูดว่า: “เมื่อตอนใช้มันคนงานมักจะหยิบมันมาง่าย เลยไม่ได้สนใจฝั่งโน้น”
ไป๋ยี่เฟยเหล่ตา และรู้สึกว่ามีซุนเฉิงมีปัญหา แต่เขาไม่แสดงออก แต่จำมันไว้ในใจ
หลังจากที่จัดการเคลียร์ทุกอย่างเสร็จกลับมาที่โหวจวี๋ ก็หนึ่งทุ่มแล้ว พนักงานก็เลิกงานกันไปหมดแล้ว
ไป๋ยี่เฟยคิดสักพัก ยังไม่ได้ลงจากรถ แต่กลับถามหลงหลิงหลิง “คืนนี้คุณว่างไหม?”
คืนนี้คุณว่างไหม คำถามนี้มัน หรือว่า…..
แต่กล้าคิดมาก หลงหลิงหลิงตอบทันที: “ว่าง….. “
“งั้นไปที่ที่หนึ่งกลับผมหน่อย”
“เรา….พวกเรา……จะไปที่ไหนกันเหรอคะ?”
ไป๋ยี่เฟยตอบอย่างไม่สนใจอะไร: “โรงแรม”
โรงแรม? ทันใดนั้น หลงหลิงหลิงรู้สึกร้อนที่แก้มของเธอ
บอกตามตรง แรกเริ่มหลงหลิงหลิงก็ดูถูกไป๋ยี่เฟย คิดว่าเขาทายาทเศรษฐีที่ค่อยเผาผลาญเงิน แต่มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นในภายหลังซึ่งเธอเปลี่ยนความคิดที่มีต่อไป๋ยี่เฟย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากในการช่วยเธอแก้ปัญหาหนี้สินของครอบครัวเธอ
ในเวลานั้นไป๋ยี่เฟยไม่เพียงแต่ชดใช้หนี้คืนให้กับครอบครัวของเธอเท่านั้น แต่ยังพูดแทนเธอ รู้ถึงความลำบากใจทั้งหมดของเธอ และเพื่อเธอยังถูกเฝิงสือตงทำร้าย เรื่องทั้งหมดนี้ ทำให้หลงหลิงหลิงไม่สามารถหักห้ามใจได้
ดังนั้นเธอก็คิดว่า ถ้าเขาอยากจะทำอะไรตัวเธอจริงๆ อย่างนั้น เธอก็น่า……จะยินยอม
ขณะที่หลงหลิงหลิงกำลังคิดเพ้อฝันไปเรื่อยอยู่ ไป่ยี่เฟยใช้โทรศัพท์ส่งข้อความ ก่อนจะขับรถไปที่โรงแรม