ศพ – ตอนที่ 231 มาถึงแล้ว

ตอนที่ 231 มาถึงแล้ว

ตอนที่ 231 มาถึงแล้ว

เป็นธรรมดาที่ท่านนักพรตตู๋จะต้องหันไปดู เพราะยายโม่ไม่ใช่คน เป็นวิญญาณตนหนึ่ง

แต่เมื่อเห็นเหล่าฉินศิษย์พี่ของตัวเองและอาจารย์ของผมทําท่าทางสุภาพแบบนั้น เขาจึงแสดงท่าทางเป็นมิตร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะทําหน้าสงสัย

แม้จะไม่รู้ว่ายายโม่เป็นใคร แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถาม เขาจึงทําได้เพียงยืนมองยายโม่ด้วยความสงสัย

ผมเองก็ไม่ได้รอช้า รีบเข้าไปต้อนรับยายโม่ทันที

ยายโม่เดินตามเข้าไปในตัวศาลเจ้า เธอกวาดสายตามองศาลเจ้ารอบหนึ่ง พร้อมกับส่งยิ้มให้ท่านนักพรตตู๋และคนอื่นๆ ถือว่าเป็นการทักทายทุกคน

แม้ท่านนักพรตตู๋และคนอื่นๆจะไม่รู้จักยายโม่ แต่พวกเขาก็ยิ้มกลับตามมารยาท

หลังจากยายโม่เดินเข้ามาในศาลเจ้า ผมก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองนอกศาลเจ้าสองสามครั้ง ผมอยากรู้ว่ามู่หลงเหยียนจะมาด้วยไหม

ดูเหมือนยายโม่จะเห็นการกระทําของผม เธอจึงยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็พูดเบาๆว่า “ คุณผู้ชาย เลิกมองได้แล้วเจ้าค่ะ วันนี้มีแค่ข้าน้อยเจ้าค่ะ !”

เมื่อได้ยินยายโม่พูด ผมก็อดเศร้าใจไม่ได้ ตั้งแต่ต้นจนจบการฝากตัวเป็นศิษย์ของสํานักหู เป็นแผนการที่มู่หลงเหยียนวางเอาไว้

แต่วันนี้เธอกลับไม่มา ดูเหมือนมู่หลงเหยียนจะยังไม่หายโกรธผม

“ ยายโม่ น้องศพยังโกรธผมอยู่เหรอ ” ผมถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา และที่ประตูมีเพียงเราสองคน คนอื่นๆไม่ได้ยิน

ยายโม่เห็นผมผิดหวัง จึงพูดออกมาอีกครั้ง “ โกรธมากเลยละเจ้าค่ะ แต่ก็หายโกรธบ้างแล้ว วันหน้าคุณชายไปหาคุณหนูให้เธอระบายความโกรธบ้างนะเจ้าคะ เรื่องก็จะดีขึ้นเจ้าค่ะ วันนี้คุณหนูติดงาน จึงไม่สะดวกมาร่วมงาน ดังนั้นคุณหนูจึงให้ข้าน้อยมาดูแทน”

เมื่อได้ยินยายโม่พูดถึงขนาดนั้น ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย ผมจึงถอนหายใจออกมาช้าๆ

ยายโม่เห็นสีหน้าของผมดีขึ้น เธอจึงพูดว่า “ ถึงคุณหนูจะมาไม่ได้ แต่คุณหนูก็ให้ข้าน้อยเอาของมาให้คุณผู้ชายเจ้าค่ะ

หลังจากพูดจบ ยายโม่ก็หยิบห่อผ้าสีเหลืองออกมาจากแขนเสื้อ มันถูกผูกห่อไว้อย่างแน่นหนา และไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“ ยายโม่ นี่คืออะไร”

ทันใดนั้นยายโม่กลับยิ้มออกมา “ นี่เป็นของดีเจ้าค่ะ มันเป็นโสมป่า อีกเดี๋ยวคุณเอาสิ่งนี้มอบเป็นของขวัญเซ่นไหว้แก่นางพญาจิ้งจอกเจ้าค่ะ ถึงมันจะไม่ได้ล้ําค่ากับนางพญาจิ้งจอกมากนัก แต่มันก็ถือเป็นสิ้นน้ําใจ นางพญาจิ้งจอกจะต้องปฏิบัติต่อคุณอย่างดีเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินยายโม่พูดถึงขนาดนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกผิดด้วย

หลังจากเปิดห่อออก ตรงกลางของห่อผ้า มีโสมต้นหนึ่งถูกวางไว้ มันมีอายุเท่าไหร่ผมเองก็ไม่รู้ แต่ของที่ยายโม่เอามาด้วยตัวเอง จะต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน

หลังจากเก็บให้เรียบร้อย ผมก็พูดขอบคุณกับยายโม่

ยายโม่ก็ไม่พูดมาก เธอโบกมือ บอกว่าเธอจะขอพักผ่อนสักหน่อย

ขณะที่พูด เธอก็ไม่สนใจทุกคน เดินไปนั่งตรงมุมหนึ่งของตัวศาลเจ้า และเริ่มหลับตาทันที

ในเวลานี้ หยางเฉ้วเดินเข้ามาด้วยความสงสัย

หยางเฉ่วเข้ามาข้างผม เธอถามว่า “ ติงฝาน ยาย ยายโม่คนนี้เป็นใครเหรอ ทําไมพวกนายถึงสุภาพกับเธอจัง”

ผมหันไปมองยายโม่ที่หลับตาอยู่ หลังจากนั้นก็สร้างเรื่องขึ้นมา “ ยายโม่คือผู้อาวุโสในบ้านน่ะ ตอนมีชีวิตเธอก็เหมือนกับพวกเรา เป็นคนมีวิชา พอตายไปแล้วก็ไม่ได้ไปลงนรก เธออยู่ที่หลุมศพบนสันเขาน่ะ!”

เมื่อหยางเฉ่วได้ยินผมพูดแบบนั้น เธอก็พยักหน้าเล็กน้อย “ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ถึงว่าอาจารย์นายกับเหล่าฉันถึงได้สุภาพขนาดนั้น ที่แท้เธอก็เป็นผู้อาวุโสของพวกนาย !”

หลังจากพูดจบ หยางเฉ่วก็เดินกลับไป

เนื่องจากยายโม่ไม่ใช่คน และเธอก็อยู่ที่นี่ ดังนั้นถามมากไปมันจะไม่ดี

หลังจากหยางเฉ้วเดินกลับไป พวกเราก็เข้ามารอในศาลเจ้าประมาณครึ่งชั่วโมง

ทันใดนั้น ยายโม่ที่นั่งอยู่ที่มุมศาลเจ้าก็ลืมตาขึ้น เธอพูดออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “ คนสํานักหูมาแล้ว!! “

เมื่อได้ยินยายโม่พูด ทุกคนก็ตกใจ

ทุกคนต่างพากันลุกขึ้น “ เสี่ยวฝานจุดธูปเผากระดาษ เตรียมตัวต้อนรับ !”

ผมจะกล้าชักช้าได้ยังไง วินาทีนั้นผมรีบเดินไปที่กระถางเผากระดาษ ในเวลาเดียวกันก็หยิบธูปขึ้นมาจุด

ขณะนั้น อาจารย์ก็พูดว่า “ ไปพวกเรา ออกไปตอนรับข้างนอก!”

ขณะที่พูด ผมและอาจารย์ก็รีบเดินออกไปข้างนอก

แม้ท่านนักพรตตู๋และอื่นๆจะมาร่วมงาน เป็นสักขีพยานให้กับผม แต่พวกเขาก็ไม่ได้เสียมารยาท

ในมือของทุกคนต่างถือธูปเอาไว้หนึ่งดอก และเดินตามมาติดๆ

มีเพียงยายโม่ตนเดียวที่อยู่ในศาลเจ้า เธอไม่ได้เดินออกมาด้วย

เมื่อมาถึงข้างนอก ผมก็กวาดสายตามองรอบๆ แต่ไม่เห็นใครสักคน

ผมเริ่มคิดว่ายายโม้เข้าใจผิดรึเปล่า แต่เพิ่งคิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆก็มีจิ้งจอกสีเหลืองตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ

มันไม่กลัวคน เพิ่งออกมาปรากฏตัวก็ใช้ดวงตาจิ้งจอกที่ส่องประกายจองพวกเราทันที

จิ้งจอกปรากฏตัวอย่างกระทันหัน เมื่อมันโผล่ออกมา ผมก็ตกใจทันที วินาทีนั้นผมไม่รู้ว่าควรทํายังไง

อาจารย์ที่อยู่ข้างๆเห็นผมสติหลุด จึงใช้มือสะกิดผม “ เสี่ยวฝาน พูดซิ !”

ตอนนั้นเอง ผมถึงได้สติกลับมา ในเวลาเดียวกันผมก็พูดออกมาอย่างลนลาน “ เอ่อ ! คือ ! ข้าน้อยรอท่านมานานแล้ว ขอคารวะเซียนจิ้งจอก ”

หลังจากพูดจบ ผมยังโค้งคํานับให้จิ้งจอก

อาจารย์และคนอื่นๆ ก็ทํามือคํานับจิ้งจอกเช่นกัน

แต่จิ้งจอกตัวนั้นกลับหลี่ตาลง ทําท่าทางเหมือนกับคน ทันใดนั้นเสียงเด็กผู้หญิงก็ดังขึ้น “ ฮ่าฮ่าฮ่า ! เจ้าคือติงฝานซินะ ! คือรูปร่างหน้าตาดีเหมือนกัน”

ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นจิ้งจอกพูดภาษามนุษย์ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

ผมใจเต้นตุ๊บๆ ฝืนยิ้มออกมา แสดงท่าทางสุภาพสุดๆ “ ใช่ครับ ข้าน้อยเอง !”

“ ฮ่าฮ่าฮ่า ! เดี๋ยวแม่ข้าและท่านผู้อาวุโสก็มาถึงแล้ว พวกนายเตรียมตัวให้ดีละ !” จิ้งจอกตัวนั้นพูดออกมาอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ไม่รอให้ผมตอบกลับ อาจารย์ที่อยู่ข้างๆกลับชิงพูดก่อน “ เซียนจิ้งจอกวางใจได้เลย พวกเราพร้อมแล้ว ในเมื่อเซียนจิ้งจอกมาถึงแล้ว งั้นเชิญพักด้านในก่อนครับ!

ขณะที่พูด อาจารย์ก็ชี้ไปที่ของเซ่นไหว้ มันมีพวกเนื้อสัตว์ ธัญพืชห้าชนิด และอะไรอีกมากมาย

จิ้งจอกตัวนั้นทําจมูกฟุดฟิดๆสองสามครั้ง ทันใดนั้นดวงตาของมันก็เป็นประกาย “ งั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ !”

“ เชิญท่านเขียนจิ้งจอก! ” อาจารย์พูดออกมาอีกครั้ง

เมื่อจิ้งจอกน้อยได้ยิน มันก็ไม่ยืนนิ่งอีกต่อไป รีบวิ่งเข้าไปคาบเนื้อขึ้นมากินทันที

จิ้งจอกน้อยตัวนี้เพิ่งกินไปได้สองคํา ทันใดนั้นพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไป กลับมีเสียงการเคลื่อนไหวบางอย่างดังขึ้น

ขณะที่เสียงพวกนี้ดังขึ้น จิ้งจอกสีเหลือง และจิ้งจอกอีกหนึ่งตัวก็ออกมา เพียงชั่วพริบตา ตรงนั้นก็มีจิ้งจอกอีกสิบกว่าตัวเดินออกมา

แต่มันยังไม่จบเท่านี้ จิ้งจอกจํานวนมากยังหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง และจิ้งจอกที่ออกมา ล้วนกวาดสายตามองรอบๆ ขณะเดียวกันก็เดินตรงมาทางที่พวกเรายืนอยู่

แต่เดินมาไม่กี่ก้าว จิ้งจอกพวกนี้ก็สบัดตัว กลายร่างเป็นคน

รูปร่างสูงยาวและผอมเพรียว พวกเขามีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และคนแก่

หลังจากจิ้งจอกกลายร่างเป็นคน แต่ละตนต่างมีหน้าตาดี บางคนกําลังพูดยิ้มและหัวเราะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข และเดินเข้ามาใกล้พวกเราเรื่อยๆ

เหตุการณ์แบบนี้จะมีใครเคยเห็นมาก่อน พวกเราทุกคนไม่เคยมีใครเห็นภาพที่อลังการแบบนี้มาก่อน

แม้แต่ท่านนักพรตตู๋ที่เคยไปร่อนเร่มากว่าครึ่งชีวิต ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจ..

ศพ

ศพ

Status: Ongoing

หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่รกร้าง พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงัด มันคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนเป็น …..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท