บทที่ 622
เครื่องจักรเหล่านี้เอามาใช้ย้ายสินค้า เปิดภูเขา
เริ่มแรกไป๋ยี่เฟยยังไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ตอนที่กำลังจะเตรียมตัวเดินต่อไปยังข้างหน้า อยู่ดีๆไป๋ยี่เฟยนึกถึงอะไรขึ้นมาได้
ดังนั้นเขาเรียกเฉินห้าว อยู่ที่นี่หาแล้วหาอีกเจอถังน้ำมันหลายถังจริงๆ และเนื่องเพราะปิดมิดชิดไว้อย่างดี น้ำมันที่อยู่ในถังน้ำมันยังไม่ได้ระเหย
จากนั้นพวกเขาก็เลยใช้ถังน้ำมันขนาดเล็กเทน้ำมันใส่สองถัง
รอให้พวกเขาถึงทางออก พบเห็นถ้ำแห่งหนึ่งที่เติบโตเต็มไปด้วยต้นหญ้าหลายชนิด หลังจากออกมา พวกเขาก็เลยเห็นฟ้าครามเมฆขาวเลย
แต่ว่า ไป๋ยี่เฟยสงสัยงงงวยมาก ถ้ำใหญ่ขนาดนี้แห่งหนึ่ง ทำไมไม่มีคนพบเห็นล่ะ? จากนั้น เขาหันหน้าไปจ้องมองหนึ่งที
ก็แค่หนึ่งทีนี้ ทำให้เขาล้วนงุ่มง่ามแล้วทั้งตัว
สิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ได้เป็นถ้ำ แต่ว่ากลายเป็นหน้าผาที่เติบโตเต็มไปด้วยต้นหญ้าทั้งผืน
เฉินห้าวมึนงงเต็มใบหน้า “นี่เป็นสภาพการณ์อะไรกันแน่?”
ฉีฉีกลับเยือกเย็นมาก พูดเบาๆว่า “นี่มีอะไรหรือ? วิชาบดบังสายตาระดับสูงในวิชาฮวงจุ้ย อาจารย์ของฉันก็เป็นเช่นกัน”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักอีก ไม่ใช่เนื่องเพราะวิชาบดบังสายตาระดับสูงนี้ แต่คือเนื่องเพราะวิชาฮวงจุ้ย
เพราะว่าเขานึกถึงซาเฟยหยางขึ้นมา นึกถึงว่าตัวเองเคยได้ยินมาจากไหนแล้ว
ยังจำได้ว่าตอนแรกที่อู๋กุ้ยเซียงหาเขาเจอ เคยบอกกับไป๋ยี่เฟยถึง สาเหตุที่ส่งเขาไปตอนที่เขาเด็กๆ เป็นเพราะว่านายซาเคยบอกว่า ลูกชายสองคนจะต้องตายคนหนึ่ง! ดังน้้นไป๋ยี่เฟยในเวลานั้นยังโมโหมากก็แค่อาศัยคำพูดด้านเดียวของอาจารย์ดูฮวงจุ้ยคนหนึ่ง ก็ส่งเขาไปให้คนอื่นหรือ?
แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว ข้างในนี้ย่อมมีอะไรที่เขาไม่รู้
ถึงยังไงก็เป็นวิชาฮวงจุ้ยที่เป็นเวอร์ชั่นเรียลลิตี้วางอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว
ไป๋ยี่เฟยแอบจำชื่อซาเฟยหยางนี้ไว้ หลังจากกลับไปแล้วจะต้องไปสืบให้ดีๆสักหน่อย
“ห้าวจื่อ ทิ้งเครื่องหมายอย่างหนึ่งไว้” ไป๋ยี่เฟยพูดกับเฉินห้าว
เฉินห้าวพยักหน้า หาต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเจอ ทิ้งเครื่องหมายไว้
ไป๋ยี่เฟยหยิบมือถือออกมา มีสัญญาณแล้ว ดังนั้นโทรหาจางหัวปิน
“พี่จาง ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยเกรงกลัวมากว่าจางหัวปินจะโดนคนจับไปแล้ว ดังนั้นถามอย่างรีบเร่งมาก
จางหัวปินตอบกลับเบาๆว่า “ผมส่งตำแหน่งที่ตั้งให้สักแห่งหนึ่ง”
มือถือของพวกเขาล้วนมีระบบระบุตำแหน่งผ่านดาวเทียมที่ล้ำหน้า ดังนั้นถึงแม้ว่าอยู่บนแผนที่ไม่มีหลันเต่า ในมือถือยังคงสืบหาได้อยู่ดี
และระบบนี้จางหัวปินก็จะเป็นคนติดตั้ง สามารถรู้จากที่นี่ว่าจางหัวปินสำคัญขนาดไหนแล้ว
ไป๋ยี่เฟยหาเขาเจอตามตำแหน่งที่ตั้งของจางหัวปิน
หลังจากทั้งสองคนรวมตัวกัน ไป๋ยี่เฟยมองเห็นจางหัวปินทั้งตัวล้วนเปียกหมด แต่ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ นี่ทำให้ให้ไป๋ยี่เฟยวางใจอย่างมาก
จางหัวปินก็เลยเล่าเรื่องหลังจากนั้นของพวกเขาให้กับไป๋ยี่เฟยฟัง
ตอนนั้นพวกเขาเห็นว่ามีคนไล่ล่า ก็รีบขับเรือออกไปเลย จากนั้นเขาอาศัยตอนที่ไล่ตามอยู่กระโดดลงทะเลโดยตรงเลย ส่วนเรือประมงขับต่อไปอีก
“ตอนที่กลับไปแล้วสืบดูเรือประมงสักหน่อย หากว่าพวกเขาประสบเคราะห์แล้ว ก็ชดเชยเงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งให้กับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา” ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างครุ่นคิด
จางหัวปินพยักหน้าต่อๆกัน ถามว่า “พวกเราจะกลับไปยังไงหรือ?”
เรือประมงขับออกไปแล้ว พวกเขาล้วนไม่มีอะไรแล้ว
ไป๋ยี่เฟยกลับอมยิ้มหนึ่งที พาพวกเขามาถึงชายทะเลที่มีเรือสำราญจอดไว้ก่อนหน้านั้นตามความทรงจำ
พวกเขาผลักเรือสำราญเข้าไปในมหาสมุทร จากนั้นเอาน้ำมันดีเซลที่นำออกมาเติมเข้าไปในเรือให้เต็ม
ต่อจากนี้พวกเขาเอาทองคำแท่งกับอิฐทองวางไว้อยู่บนเรือสำราญ หลังจากนี้ก็ไปกลับหลายรอบอีก ยังนำน้ำมันดีเซลหมุนเร็วมาด้วย จนถึงน้ำหนักใกล้จะเกินแล้ว นี่จึงเดินทางกลับ
หนึ่งวันสองคืน ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงเมืองเทียนเป่ยแล้ว
แต่เนื่องเพราะปัญหาเรือสำราญของพวกเขาน้ำหนักเกิน ทองคำแท่งที่นำกลับมาคาดว่ายังมีหลายพันล้าน
แน่นอนหลังจากมีประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว ครั้งที่สองก็ชำนาญมากเลย
คืนดึก อยู่บนชายหาดที่รกร้างไปหมดในเมืองเทียนเป่ย ไป๋ยี่เฟยใช้มือถือติดต่อสวีลั่งกับไป๋หู่ ให้พวกเขาขับรถบรรทุกมาถึงสถานที่ที่เขาบอก จากนั้นใส่ของทั้งหมดเข้าไปในรถบรรทุก
หลังจากไป๋หู่กับสวีลั่งได้เห็นทองคำเหล่านี้ ประหลาดใจจนอ้าปาก
จางหัวปินพูดว่า “มีประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว จากนั้นพวกเราก็ไม่ต้องจ้างเรือประมงแล้ว ซื้อเรือเร็วลำใหญ่สักหน่อยหลายลำโดยตรง พกพาเชื้อเพลิงที่เพียงพอไว้ รวดเร็วและปลอดภัยด้วย ถึงแม้ว่าถูกคนพบเจอก็ยากที่จะตามทันด้วย”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินคำพูดพยักหน้า เห็นด้วยกับข้อเสนอของจางหัวปิน
แต่ว่าเรื่องนี้เขาต้องทำด้วยตนเอง ถึงยังไงเขาก็จะให้คนรู้ความลับนี้มากเกินไปไม่ได้
เวลานี้ สวีลั่งชี้ไปยังฉีฉีชี้แล้วชี้อีก ถามไป๋ยี่เฟยว่า “จะจัดการเธอยังไงหรือ? ถ้าไม่งั้น……”
ได้ฟังถึงตรงนี้ ไป๋ยี่เฟยอึ้งชะงักอย่างกะทันหัน จากนั้นส่ายหัว ใบหน้าไม่เปลี่ยนสีหน้าพูดว่า “พากลับไป”
ฉีฉีจ้องเขม็งสวีลั่งไว้อย่างแน่น สายตานัยน์ตาล้วนเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
สวีลั่งจ้องมองฉีฉีหนึ่งที พูดอย่างคุกคามว่า “มองผมอีกจะทำให้คุณตาบอด”
ฉีฉีกัดฟัน สวีลั่งเคยเป็นคนที่พ่ายแพ้ต่อเธอมาก่อน แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงยังต้องโดนสวีลั่งคุกคาม อึดอัดเป็นทุกข์มากจริงๆ
ในใจไป๋ยี่เฟยกลับกังวล พี่น้องกันทั้งสองคนนี้ถ้าหากว่ารู้สถานะของฝั่งตรงข้ามแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรเช่นกันล่ะ?
ไป๋หู่ขับรถ สวีลั่งนั่งอยู่ข้างคนขับ ลักษณะเหมือนดั่งมีเรื่องหนักอกหนักใจ
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้ว ก็เลยถามว่า “พี่ลั่ง คุณเป็นอย่างไรแล้วหรือ? เกิดอะไรขึ้นแล้วใช่หรือไม่?”
สวีลั่งหยุดชะงัก จากนั้นส่ายหัว “ไม่มี ไม่มีอะไร”
ไป๋หู่เห็นสภาพหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “นี่ไม่ใช่มีผู้หญิงกับลูกชายแล้ว สิ่งลามกไร้สาระเต็มสมองรึไง!”
“ไสหัวไปข้างๆ!” สวีลั่งร้องตะโกน
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองสวีลั่งจ้องมองแล้วจ้องมองอีก รู้สึกว่าสวีลั่งมีเรื่องจริงๆ
ในใจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะคาดเดา คงไม่ใช่เขารู้ว่าฉีฉีเป็นน้องสาวของเขาแล้วหรือ?
นึกถึงตรงนี้ ไป๋ยี่เฟยเริ่มหวาดผวาขึ้นมา
หลังจากมาถึงโรงพยาบาลโว่หลง ไป๋ยี่เฟยให้คนทั้งหลายไปพักผ่อน ให้สวีลั่งอยู่ต่อคนเดียว
ทั้งสองคนเอาทองคำไปใส่ไว้ที่ห้องดับจิตของโรงพยาบาล หลังจากออกมาไป๋ยี่เฟยจับบุหรี่ออกมา ให้สวีลั่งม้วนหนึ่ง ตนเองม้วนหนึ่ง
สวีลั่งคาบบุหรี่ไว้ สูบลึกๆหนึ่งที สีหน้าหดหู่
ไป๋ยี่เฟยพิงอยู่ข้างรถบรรทุก ถามว่า “เกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
สวีลั่งได้ยินคำพูด ยิ้มขมหนึ่งที “ผม ดูเหมือนหาน้องสาวเจอแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยตื่นตะลึงทันที เหงื่อออก พลั่กๆ
แต่ว่าไป๋ยี่เฟยคิดแล้วคิดอีก ไม่ว่าจะเป็นยังไง ยังไงฉีฉีก็เป็นน้องสาวของสวีลั่งรู้แล้วก็รู้เลย พูดตรงไปตรงมาเลยเถอะ
พอดีอยู่ในเวลานี้ สวีลั่งพูดว่า “หยางเฉียวก็คือน้องสาวผม”
“อะไรนะ?” ไป๋ยี่เฟยเกือบจะสำลักน้ำลายของตนเอง อึ้งชะงักไปนานมาก “คุณ แน่ใจหรือ?”
ในเวลานี้ ไป๋ยี่เฟยคิดไปเยอะมาก หยางเฉียวเป็นน้องสาวของสวีลั่ง งั้นฉีฉีเป็นใครอีกล่ะ?
ถ้าหากว่าฉีฉีไม่ใช่น้องสาวของสวีลั่งล่ะก็ งั้นเขาก็วางใจแล้ว ยิ่งมากกว่านั้นอีก คิดว่าควรจะจัดการฉีฉีได้ยังไงล่ะ
สวีลั่งกลุ้มใจมาก “ผมมองเห็นใต้ฝ่าเท้าของเธอมีไฝสองเม็ด แต่ว่าตำแหน่งไม่ค่อยเหมือนเล็กน้อย ผมอาจจะจำผิดแล้ว แต่ว่าผมก็เคยถามแล้ว เธอไม่ได้เป็นลูกแท้ๆของพ่อแม่จริงๆ”
“ยังมีก็คือ อายุไม่ความสอดคล้องกันเล็กน้อย”
หลังจากไป๋ยี่เฟยฟังจบ ใจก็ตึงเครียดขึ้นมาอีก
หยางเฉียวฝ่าเท้ามีเพียงแค่ไฝสองเม็ด แต่ว่าตำแหน่งไม่ถูก อายุก็ไม่สอดคล้องเช่นกัน งั้นมีความเป็นไปได้มากที่ฉีฉีจะเป็นน้องสาวของสวีลั่งล่ะ!
อีกทั้ง ถ้าหากว่าหยางเฉียวเป็นน้องสาวของสวีลั่ง งั้นสวีลั่งกับเธอ……
ไป๋ยี่เฟยยิ้มแล้วยิ้มอีกพูดว่า ทำท่าเหมือนไม่ค่อยใส่ใจถามว่า “อายุไม่แน่ที่จะเป็นความจริง พูดได้อีกว่า นี่คุณไม่ใช่หาน้องสาวของคุณเจอแล้วหรือ? ทำไมสีหน้าเป็นแบบนี้ล่ะ? ไม่ดีใจหรือ?” สวีลั่งได้ยินคำพูดทอดถอนใจหนึ่งที ดูดบุหรี่อย่างรุนแรงหนึ่งที
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพอยู่ดีๆหยุดชะงัก ประหลาดใจถามว่า “อีเหี้ยยยยย! คุณรัก…..หยางเฉียวไปแล้วใช่หรือไม่?”
“อ่า?” สวีลั่งรู้สึกประหลาดใจหันหน้าจ้องมองเขา
ในใจไป๋ยี่เฟยตื่นตะลึงทันที พูดใหม่ทันที “คุณรักหยางเฉียวไปแล้วใช่หรือไม่?”
สวีลั่งได้ยินคำพูดยิ้มขมหนึ่งที ไร้คำพูดที่จะพูด
ไป๋ยี่เฟยเห็นสภาพเข้าใจแล้วทันที สวีลั่งมองแล้วไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่ สำหรับผู้หญิงก็ไม่ค่อยใส่ใจมากเช่นกัน แต่ตอนนี้ สวีลั่ง หน้าตาโศกเศร้าเต็มใบหน้า ดูแล้วใจสั่นไหวแล้วจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยจนใจส่ายหัว ตบไหล่ของสวีลั่งตบแล้วตบอีก พูดว่า “คุณไม่ต้องพัวพันกันอุตลุดขนาดนี้” สวีลั่งก็ยังไม่พูด