เป็นลูกเหมือนกัน ทำไมถึงได้ลำเอียงแบบนี้?
ดังนั้นเขาอยากยอม และรู้สึกไม่พอใจ
แต่ตอนนี้สถานการณ์เร่งด่วน ไป๋หยุนเผิงที่เป็นผู้นำตระกูลไป๋ มาปรากฏตัวที่นี่ ก็ทำให้ไป๋ยี่เฟยซาบซึ้ง
เมื่อไป๋หยุนเผิงเดินมา ก็ทักทายกับซาเฟยหยาง “คุณซา”
ซาเฟยหยางเอียงคอมองไปหยุนเผิง กำลังคิดว่าเขาเป็นใคร “ขอโทษด้วย ผมความจำเสื่อม”
ไป๋หยุนเผิงคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้ อึ้งไปนิดหนึ่งแล้วยิ้มพูดว่า “ยี่สิบปีก่อน คุณซาเคยมาตระกูลไป๋ ยังคุยกับผมอย่างสนุกเชียว”
ซาเฟยหยางได้ยินแล้วก็พยักหน้า สำหรับความทรงจำนี้ก็ยังคงจำไม่ได้
ส่วนเต้าจ่างเมื่อเห็นไป๋หยุนเผิง สายตาเย็นชา “คุณไม่ควรมาที่นี่”
“เขาเป็นลูกชายผม ผมควรมาที่สุด” ไป๋หยุนเผิงมองไป๋ยี่เฟย ค่อยตอบคำพูดของเต้าจ่าง
เต้าจ่างพูดเสียงเย็นชา “คุณเป็นตัวแทนตระกูลไป๋ คุณมาที่นี่ อยากใช้ตระกูลไป๋สู้กับสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงและตระกูลใหญ่ทั้งหลายเหรอ?”
“ไม่ แต่เขาคือลูกชายผม” ทำไมไป๋หยุนเผิงจะไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง?
เต้าจ่างเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฝีมือคุณยังสู้คนนี้ไม่ได้ และคุณก็สู้ผมไม่ได้ แบบนี้คุณยังคิดจะสู้?”
ไป๋หยุนเผิงถอนหายใจ ยังเป็นคำนั้น “เขาคือลูกชายผม”
เต้าจ่างได้ยินก็หัวเราะเย็นชา “ถ้าเป็นแบบนี้ ผมไม่ทำให้คุณสมปรารถนาก็ไม่ถูก”
พูดจบแล้ว เสื้อผ้าเขาก็ปลิวขึ้นโดยไร้ลม
เวลาเดียวกัน นอกคฤหาสน์ก็มีเสียงดังขึ้นอีก
“ไอ้เหี้ยบ้าใครต้องให้แกช่วยให้สมปรารถนา พูดอย่างกับตัวเองสูงส่ง”
ทุกคนหันไปมอง คือฉินซานที่เดินมาด้วยท่าทางเสเพลนักเลง ปากก็ด่าไปด้วย “มาเลย กูสอนวิธีการเป็นคนให้เอง”
เพราะการแต่งตัวของฉินซานเหมือนนักเลง บางคนก็คิดว่ารังแกง่าย จึงเข้าไปขวาง ปรากฏว่าโดนฉินวานตบกระเด็นไปไกล ล้มลงกับพื้นดับไปทันที
คนที่เห็นภาพนี้ถึงกับตะลึง
แม้กระทั่งเต้าจ่างเห็นฉินซานแล้วก็ใจหาย เบิกตากว้าง ยังมีความรู้สึกกลัวบ้าง
ส่วนศิษย์น้องของเต้าจ่าง ตอนแรกยังได้ใจอยู่ พอเห็นฉินซานแล้วก็อ่อนไปทันที จากนั้นก็รีบหลบเข้าไปในฝูงคน พยายามหดหัว กลัวฉินซานมองเห็น
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่สุสานก็โดนฉินซานซ้อมจนรับมือไม่ทัน
ฝีมือเต้าจ่างสูง เขาสามารถฝึกการต่อสู้ของคู่ต่อสู้ได้ทันที แต่นั่นเป็นเพียงเทคนิค การต่อสู้แบบไร้วิธีอย่างฉินซานไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
ฉินซานออกหมัดไม่ยั้ง ซ้อมแบบไม่หยุด ใช้แรงลึกลับไม่เป็น
ตัวเขาเองยังวุ่นวาย แล้วเต้าจ่างจะไปเข้าใจได้ยังไง?
ดังนั้นเต้าจ่างถึงรู้สึกปวดหัว ดูแล้วก็รับมือลำบาก
การปรากฏตัวของฉินซาน ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกแปลกใจ นายนี่มาที่นี่ทำไม? เขาเป็นคนของท่านหลินรองไม่ใช่เหรอ?
ฉินซานเห็นสายตาแปลกใจของไป๋ยี่เฟย ก็ทำเสียงแฮะ “พี่ชาย ผมไม่ได้มาเพื่อคุณ อย่าเข้าใจผิด”
“ผมมาช่วยคุณเพราะเมียผม”
ไป๋ยี่เฟยคิดไปครู่ใหญ่ถึงนึกขึ้นได้ เมียที่เขาพูดคือใคร
น่าจะหลี่เสว่เดาออกว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเขา แล้วบอกกับโจวฉวี่เอ๋อ โจวฉวี่เอ๋อก็โทรให้ฉินซานมาช่วย
ไป๋ยี่เฟยคิดออกแล้วก็พูดไปคำหนึ่งว่า “ขอบคุณ”
ฉินซานหัวเราะ ไม่ได้สนใจไป๋ยี่เฟยอีก แต่หันไปมองเต้าจ่าง น้ำเสียงไม่เกรงใจ “พวกคุณหลบไป ให้ผมดูหน่อยว่าไอ้นี่มันจะอวดดีได้ขนาดไหน”
ไป๋หยุนเผิงกับซาเฟยหยางมองตากันแล้วถอยไปสองก้าว
เต้าจ่างสีหน้าเคร่งเครียด จ้องหน้าฉินซาน
“โคร่ง”
ฉินซานเท่าขวาเหยียบพื้น จากนั้นก็พุ่งเข้าไป ถ้าไม่ใช่เขายืนอยู่ตรงนั้น คงต้องคิดว่าเขายิงจรวด
เสื้อของเต้าจ่างลอยขึ้น พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วเช่นกัน
ทั้งสองสู้กันทันที
“ปังปังปัง”
ความเร็วของทั้งสองเหมือนกัน แต่ความแรง ฉินซานแรงกว่าเต้าจ่างเล็กน้อย
คนที่เห็นภาพนี้ต่างพากันตะลึง
เป็นครั้งแรกที่เห็นคนสู้กับเต้าจ่างได้
วิธีการต่อสู้ของทั้งก็ไม่เหมือนกัน เต้าจ่างรักชีวิตตัวเองมากกว่า ส่วนฉินซานก็สู้แบบเอาเป็นเอาตายทั้งสองฝั่ง
อย่างเช่นเต้าจ่างใช้ฝ่ามือตบเข้าที่อกฉินซาน ฉินซานไม่หลบ เขากำหมัดตัวเอง ก็ทุบเข้าที่หัวเต้าจ่าง ดังนั้นเต้าจ่างก็ได้แต่ดึงฝ่ามือกลับ เอียงตัวแล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งบังหมัดของฉินซานไว้
ส่วนฉินซานก็รัวหมัดเข้าตัวเต้าจ่างแบบไม่หยุด เต้าจ่างถอยไปหลายก้าว
ทุกคนมองตาค้าง
ถึงจะดูไม่ชัด แต่ก็ดูออกว่าฉินซานบีบเต้าจ่างถอยไปหลายก้าว เห็นอย่างชัดเจนว่าถูกกดดัน
ไป๋ยี่เฟยตกใจไม่เบา และรู้สึกตะลึง
ส่วนไป๋หยุนเผิงกับซาเฟยหยางก็มองตากันอีกครั้ง ไป๋หยุนเผิงพูดอย่างรู้สึกกลัว “ท่านหลินรองไปหาโรคจิตนี้มาจากไหน?”
อีกฝั่งหนึ่ง เป็นยอดฝีมือระดับสองอย่างเฉินอ้าวเจียวกับฉีฉี ตอนนี้ก็ตะลึงอ้าปากค้าง มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ตอนแรกทุกย่างต่างรู้ผลของคืนนี้ สุดท้ายก็คือคนของไป๋ยี่เฟยตายหมด เหลือไว้เพียงไป๋ยี่เฟยคนเดียว
แต่ว่า ตอนนี้มีฉินซานมาอีกคน ทำให้สถานการณ์พลิกผัน
อีกอย่างยังมีซาเฟยหยางกับไป๋ยี่เฟย
สิบตระกูลใหญ่ต้องเสียใจ
“เหี้ยเอ้ย แค่เถ้าแก่จากเมืองเล็กๆ ไปหาคนแบบนี้มาจากไหนกัน?”
“ใครจะไปรู้ ถ้ารู้แต่แรกวันนี้ก็ไม่มาแล้ว”
“พูดเรื่องพวกนี้มีประโยชน์อะไร? สู้อธิษฐานให้เต้าจ่างชนะดีกว่า”
…….
ขณะที่ทั้งสิบตระกูลกำลังเสียใจ ก็มีเสียงดังขึ้นกะทันหัน
“โคร่ง”
ฉินซานย่อตัวลง ชกหมัดเข้าไปที่ท้องของเต้าจ่าง
เต้าจ่างถอยหลังอย่างเร็ว หยุดไม่ได้ สุดท้ายกระแทกกับกำแพง กระแทกจนกำแพงล้ม
ทุกคนมองตาค้าง
เต้าจ่างไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉินซาน
ไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างฉีฉี แล้วพูดล้อเล่น “ศิษย์ใหญ่คุณไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ไหวคุณเข้าไปซิ” ฉีฉีจ้องหน้าไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยรีบส่ายหน้า “ไม่กล้า”
ฉีฉีกลอกตาใส่ จากนั้นก็พูดอย่างจริงจัง “เขาเก่งเกินไป”
ไป๋ยี่เฟยรู้ความสามารถของฉินซาน แต่ไม่ได้เปรียบเทียบ ก็ไม่รู้ระดับความสามารถเลย แม้กระทั่งเต้าจ่างที่ไม่มีใครสู้ได้ในเมืองหลวง ยังถูกซ้อมจนรับมือไม่ทัน ความสามารถนี้ เก่งกาจเกินไป
ไป๋ยี่เฟยอดคิดถึงฉินหัวไม่ได้ ถ้าฉินหัวยังไม่เป็นอะไร พวกเขาสองคนใครจะเก่งกว่ากัน?
แน่นอนนี่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น ฉินหัวยังนอนอยู่บนเตียง เป็นไปไม่ได้
อีกอย่างเขายังจำได้ว่าฉินหัวใช้หมัดปาจี๋ มีวิธีการต่อสู้ ส่วนฉินซานคนนี้ วิธีคืออะไร? กินได้ไหม?
แต่ว่า สู้ไปเลื่อยของเขา ยังสู้จนยอดฝีมือระดับเต้าจ่างยังต้องถอย เกรงว่าพูดออกไปแล้วคงไม่มีคนเชื่อ
ซาเฟยหยางคลายคิ้วออกแล้ว ยิ้มแล้วพูดกับไป๋ยี่เฟย “เพื่อนคุณคนนี้ไม่เลว”
“ไม่เลว” ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว
…….
หลังจากฉินซานต่อยไม่หยุด หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เท้าขาวทิ่มพื้น พุ่งไปข้างหน้า