ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า“ไม่เปล่าประโยชน์แน่นอน”
“ฉันเข้าใจ คุณจะกลายเป็นปีศาจใช่ไหม?”ลู่หยางทำตัวเหมือนรู้ชัดเจน ยิ้มอย่างเย็นชา
ในมุมมองของลู่หยาง ไป๋ยี่เฟยในวันนั้นเป็นปีศาจจริงๆ
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจอย่างจำใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็หวังว่าตัวเองจะแปรสภาพเป็นแบบนั้น”
เมื่อลู่หยางได้ยิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเย็นชา:“ถ้าไม่แปรสภาพ คุณกับฉันแตกต่างกันตรงไหน?”
ในช่วงเวลาของการประมูล ตอนนั้นไป๋ยี่เฟยต้องการพุ่งเข้าไป ลู่หยางหยุดเขาได้อย่างง่ายดาย ไป๋ยี่เฟยดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
แต่ไป๋ยี่เฟยในตอนนี้ กับไป๋ยี่เฟยในตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้อธิบายอะไรกับเขา แค่พูดเบาๆว่า:“คุณยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่สามารถใช้มีดยาวได้”
ลู่หยางเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ และแน่นอนว่าเขาไม่เข้าใจเหตุผลดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นานลู่หยางก็เข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจว่าทำไมตัวเองไม่สามารถใช้มีดยาวได้ แต่เขาเข้าใจว่าทำไมไป๋ยี่เฟยใช้มีดยาวแล้วไม่เปล่าประโยชน์
……
เทคนิคการใช้มีดยาวของไป๋ยี่เฟยไม่ได้ดีเท่าของซาเฟยหยาง แต่หลังจากเขาฝึกมาสองเดือน มันก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลู่หยางมองสองมือของไป๋ยี่เฟย เขาถือมีดยาวข้างละหนึ่งเล่ม เขาพุ่งไปยังประตูของตระกูลหง
หน้าประตูมีบอดี้การ์ดสิบกว่าคน เมื่อเห็นไป๋ยี่เฟยถือมีดยาวแล้วพุ่งเข้ามา มีคนไปแจ้งคนข้างในทันที ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็หยิบอาวุธของตัวเองออกมา
เมื่อถึงหน้าประตู ไป๋ยี่เฟยพูดกับลู่หยางโดยไม่หันศีรษะว่า:“คุณยืนอยู่ที่นี่ ห้ามขยับไปไหน”
จากนั้นเขาก็พุ่งไปหาพวกบอดี้การ์ด
หัวหน้าบอดี้การ์ดกำลังจะถามเขาว่ามาทำอะไร พึ่งจะเอ่ยปาก ไป๋ยี่เฟยก็พุ่งมาอยู่หน้าเขา บอดี้การ์ดรีบตะโกน:“แกหยุดเดียวนี้ พวกแกรีบหยุดมันไว้!”
หยุดไม่ไหวแน่ๆ
ไป๋ยี่เฟยยกมีดยาวแล้วฟันลงไป หัวหน้าบอดี้การ์ดตกใจจนเบิกตากว้างและโดนฟันจนเสียชีวิต
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยถือมีดยาวพุ่งเข้าไปต่อสู้กับพวกบอดี้การ์ด เขาเร็วมากจนทุกคนมองเขาไม่ชัดเจน เห็นเพียงแสงจากเงาดาบ และเลือดที่สาดกระเซ็น
“เคร้ง!”
“ผลัวะ!”
“อ้า!”
เสียงมีดยาวกระทบกัน เสียงมีดยาวฟันเข้าเนื้อ และเสียงกรีดร้องของบอดี้การ์ดปะปนกัน
บอดี้การ์ดของตระกูลหงล้มลงกับพื้นทีละคน
มีคนตะโกนใส่วิทยุสื่อสารว่า:“ขอกำลังเสริม ขอกำลังเสริม!”
ลู่หยางที่อยู่ไม่ไกลจากประตู เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาอึ้งไปเลย
“เถ้าแก่ไป๋เก่งมากๆ!”
เขารู้สึกตกใจและดีใจพร้อมกัน
ผ่านไปไม่กี่นาที มีคนล้มลงเจ็ดถึงแปดคน บอดี้การ์ดที่เหลืออยูไม่กี่คนรีบถอยหลัง ไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว
ไป๋ยี่เฟยเดินไปข้างหน้าอย่างสบายๆเหมือนกับซาเฟยหยาง แกว่งมีดยาวในมือไปมา ถ้ามีคนพุ่งมาข้างหน้า มีดยาวก็จะฟันไปที่คอของคนๆนั้น เหมือนพวกเขาพุ่งเข้ามาหาความตาย
เมื่อเห็นว่าไป๋ยี่เฟยใกล้จะเข้ามาไปในประตู จู่ๆประตูก็เปิดออกทันที
ทันใดนั้น มีคนสี่สิบถึงห้าสิบคนวิ่งออกมาจากด้านใน แล้วโอบล้อมไป๋ยี่เฟยไว้
แม้ว่าจะมียอดฝีมือจำนวนมากอยู่บนหลันเต่า แต่หลันเต่าแบ่งออกเป็นหลายเขต ยอดฝีมือก็กระจายอยู่หลายเขตเหมือนกัน ทำให้แต่ละเขตมียอดฝีมือน้อยมาก
ในเขตที่สี่ มียอดฝีมือระดับที่สองไม่เกินสองคน มียอดฝีมือระดับที่สามไม่เกินห้าคน
แม้ว่าตระกูลหงมียอดฝีมือไม่มาก แต่กลับมีคนเยอะ
พลังของมนุษย์นั้นมีขีดจำกัด ไม่ว่าคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน เมื่อต้องต่อสู้กับคนจำนวนมหาศาล คุณจะเหนื่อยจนสู้ไม่ไหว และเมื่อถึงเวลานั้น คุณจะไม่สามารถต้านทานได้อีก
เมื่อกี้ไป๋ยี่เฟยโค่นล้มไปเจ็ดถึงแปดคน จู่ๆตอนนี้ก็มีคนพุ่งออกมาอีกหลายสิบคน เมื่อไป๋ยี่เฟยเห็นจำนวนคนที่พุ่งออกมา จิตใจของเขาก็หนักอึ้ง
ด้วยฝีมือของเขาในตอนนี้ เผชิญหน้ากับคนจำนวนมากขนาดนี้ เขาคงจะรับมือไม่ไหว
ไป๋ยี่เฟยอดคิดไม่ได้ เขาต้องเข้าสู่ภาวะแปรสภาพเหรอ?
ในเวลานี้
“ฟิ๊ว!”
จู่ๆก็มีลูกธนูบินออกมา ปักไปที่คอของคนๆหนึ่ง ด้วยแรงของลูกธนูทำให้เขาปลิวออกไป ชนคนด้านหลังล้มลงไปสามสี่คน
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ไป๋ยี่เฟยหันกลับไปมองด้านหลังตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ด้านหลัง ไม่รู้มีชายหัวโล้นปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ มือของเขาถือธนูอยู่ เขาเดินมาที่ตัวเองและยิงลูกธนูออกไปด้วย
เขายิงแม่นมาก
ไป๋ยี่เฟยประหลาดใจมากๆ เขาไม่ได้รู้จักชายหัวโล้นคนนี้ แต่ดูเหมือนว่าชายหัวโล้นคนนี้มาช่วยเหลือเขาจริงๆ
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ บอดี้การ์ดหลายสิบคนก็พุ่งเข้าไปที่ไป๋ยี่เฟยกับชายหัวโล้น
และในขณะเดียวกัน จู่ๆก็มีแสงสีขาวปรากฏขึ้น และศีรษะของคนๆหนึ่งก็ตกลงที่พื้น
จากนั้น มีชายคนหนึ่งที่ใส่ต่างหูวงกลมอันใหญ่คู่หนึ่ง และมือทั้งสองข้างถือมีดแล้วเดินเข้ามา และที่ๆเขาเดินผ่านมีแต่ศีรษะของบอดี้การ์ดตกลงที่พื้น
ไป๋ยี่เฟยประหลาดใจมากๆ
ไป๋ยี่เฟยคิด:พวกเขามาแก้แค้นตระกูลหง และบังเอิญตัวเองมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เห็นยอดฝีมือระดับที่สามประมาณสี่ถึงห้าคน ในมือของพวกเขามีอาวุธและพุ่งเข้าไปต่อสู้กับพวกบอดี้การ์ด
ไป๋ยี่เฟยถูกพวกเขาลืมไปเลย
ไป๋ยี่เฟยยิ่งรู้สึกมึนงง เมื่อมองชายหัวโล้นที่กำลังยิงธนูอยู่ข้างๆ ไป๋ยี่เฟยลังเลและถามว่า:“เอ่อ ฉันขอถามหน่อยพวกคุณเป็น……”
ชายหัวโล้นยิ่งธนูไปด้วย และหันศีรษะมาพูดด้วยรอยยิ้ม:“มาช่วยคุณไง!”
ไป๋ยี่เฟยงงมากและพูด:“แต่……ดูเหมือนฉันจะ……ไม่รู้จักพวกคุณ”
เมื่อชายหัวโล้นได้ยินคำพูดก็รีบตอบว่า:“ลูกพี่ใหญ่ของเรารู้จักคุณ”
ไป๋ยี่เฟยมองเขาด้วยความประหลาดใจ“ลูกพี่ใหญ่ของพวกคุณ?คือใคร?”
หลังจากพูดจบ ก็มีชายใส่ชุดสีน้ำเงินปรากฏตัวที่หน้าประตู
“ฉันเอง”
“ฉางเชี่ยว!”
ไป๋ยี่เฟยตกใจมากๆ เขาคิดยังไงก็คงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นฉางเชี่ยว
ยิ่งคิดไม่ถึงคือ เขามีลูกน้องที่เป็นยอดฝีมือเยอะขนาดนี้
ตัวฉางเชี่ยวเองเป็นยอดฝีมือระดับที่สามชั้นสูง และลูกน้องของเขามีทั้งหมดห้าคน แบ่งเป็นระดับสามชั้นกลางและระดับสามชั้นต่ำ
เมื่อนับแบบนี้ ฝ่ายตัวเองมียอดฝีมือระดับที่สามทั้งหมดเจ็ดคน ถ้าต้องการฆ่าล้างตระกูลหง มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ
ฉางเชี่ยวต่อยบอดี้การ์ดหนึ่งมัด จากนั้นเตะเขาจนปลิวออกไป เดินถึงด้านหน้าไป๋ยี่เฟยและพูด:“ตอนนี้ คุณติดหนี้บุญคุณฉันแล้ว”
ฉางเชี่ยวเป็นคนชอบเอาชนะ ทุกเรื่องเขาจะคิดอย่างรอบคอบและพูดอย่างชัดเจน
อันที่จริง ครั้งที่แล้วที่อยู่เมืองหลวงต่อสู้กับสหพันธ์ธุรกิจ ฉางเชี่ยวไปสกัดกั้นขบวนรถของตระกูลจู บุญคุณที่เขามีต่อฉางเชี่ยวมันหมดไปเมื่อครั้งที่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้ฉางเชี่ยวถึงได้พูดว่าตัวเองเป็นหนี้บุญคุณเขาอยู่
ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยสงสัย ทำไมฉางเชี่ยวถึงอยู่ที่นี่ แล้วเขามีลูกน้องที่เป็นยอดฝีมือเยอะขนาดนี้ได้ยังไง แน่นอนว่า เขาจะสงสัยยังไง ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามเรื่องพวกนี้
ดังนั้นไป๋ยี่เฟยทำได้แค่ยิ้มและตบไปที่ไหล่ของฉางเชี่ยวและพูด:“ได้ จัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกเราไปดื่มเหล้าด้วยกัน”
“โอเค”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็หันหลังและเข้าร่วมการต่อสู้พร้อมกัน
ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีบอดี้การ์ดทั้งหมดหลายสิบคน แต่พวกเขาเป็นเพียงบอดี้การ์ดฝีมือธรรมดา เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับที่สามทั้งหมดเจ็ดคน พวกเขาแพ้อย่างราบคาบ
ทำให้ไป๋ยี่เฟยและคนอื่นๆพุ่งเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว
บอดี้การ์ดเหลืออยู่สิบกว่าคน ตอนนี้พวกเขากลัวมากๆ ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้ามาเลย
จากนั้น ก็มีบอดี้การ์ดของตระกูลหงหลายสิบคนวิ่งเข้ามาอีก
ไป๋ยี่เฟยตะโกนใส่พวกเขาว่า:“ถ้าไม่อยากตายก็ให้หลีกทาง!”
มีบอดี้การ์ดหลายสิบคนของตระกูลหง รายล้อมพวกเขาทั้งเจ็ดคนไว้ พวกเขาดูเหมือนมีพลังมากกว่าพวกเราเจ็ดคน แต่ในความเป็นจริง เมื่อพวกเขามองเห็นบอดี้การ์ดที่ล้มลงกับพื้น ทุกคนกลัวมากๆ ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้ามา
ในขณะนี้ จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น