เวลานั้น มีเงาเพรียวระหงของใครคนหนึ่งยืนมองจากที่ ไกลๆ สายตาคู่นั้นเป็นชา
รูปร่างของเธองดงาม ยืมกอดอก นัยน์ตาเผยให้เห็น ความชื่นมื่นเป็นสุขที่ได้แก้แค้น
จารวี แกจะแย่งผู้ชายของฉันงั้นเหรอ อย่าได้คิดว่ามัน
จะง่ายขนาดนั้น!!
อังคณาวิ่งออกมาจากห้องเรียนคาบทดลอง เธอมอง เห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังยืนรายล้อมรุมทำร้ายจารวีอยู่ตรงที่ ไกลๆ เธอพยายามเบียดเข้าไปแต่ไม่เป็นผล อังคณากระทืบ เท้าไปมาอย่างหัวเสีย ” พวกเธอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้ หยุดไง! ”
เวลานั้น จารวีราวกับเรือลําเล็กทีลอยไปในแม่น้ำอย่าง ไม่รู้ทิศทาง ไม่มีทางให้หนีเอาตัวรอด ความรู้สึกวิงเวียน ศีรษะค่อยๆจู่โจมเข้ามา ตาทั้งสองข้างของเธอพร่ามัว พลัน ร่างกายก็โงนเงินไปมา
ทันใดนั้นก็มีวงแขนแข็งแกร่งของใครคนหนึ่งมา ประคองเธอไว้
น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวต็งลั่นราวกับฟ้าผ่า “ถอยออกไปให้ หมด ใครหน้าไหนมันกล้าปริปากพูดอะไรเกี่ยวกับเธออีก ฉัน จะทําให้พวกแกหายไปจากเมืองหนีซะ!! ”
ท่าทางที่โหดเหี้ยมราวกับปีศาจร้าย ทําให้บรรดา นักศึกษาหญิงหวาดกลัวจนร้องกรี้ดกันระงม พลางค่อยๆวิ่งหนีไปจบที่ตรงนั้น
จาร กยศพลอุ้มไปยังหน้าประตูมหาวิทยาลัย หลีก
หนีจากบรรยากาศที่น่ากดดันนั้น สติของจารวจึงค่อยๆผ่อน คลายลง
จารวีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองนั้นนั่งอยู่บน รถคันหนึ่ง
เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ คล้ายคลึงกับเรื่องราวที่เคย ปรากฏขึ้นในสมองของเธอ
ทําไม…ทําไมเพื่อนทุกคนต้องรูมเหยียดหยามเธอแบบ นั้นด้วย เธอเคยทำเรื่องอย่างที่พวกเขาว่าจริงๆเหรอ?
“ปล่อยฉันลงนะ” จารวีโพล่งใส่ผู้ชายที่กำลังขับรถ
ยศพลเหยียบเบรคหยุดรถอย่างกะทันหัน ร่างสูงของ เขากดกดเธอลง พลางใช้สายตามองเธออย่างน่ากลัว แต่ ไม่ทันไรเขาก็หยุดชะงักการกระทําลง และกลับไปยังเบาะนั่ง ของตัวเอง ยศพลกดปลดล็อคประตูรถ
“ลงไป! ”
จาร ไม่กล้าหันไปมองเขาอีก ผู้ชายคนนี้ มีสายตาที่ โหดเหี้ยม ทําให้ในใจของเธอรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ เขาไปมากกว่านี้
จารวีรีบเปิดประตูรถ พลางก้าวลงรถและรีบวิ่งหนีไป ให้ไกลจากสายตาของเขา
เอกลับทั้งบ้าน หารารีบพุ่งเข้าห้องน้ำ ใช้น้ำชำระล้าง งสกปรกบารางกายของเธอ
ฉันเป็นผู้หญิงไร้ยางอายแบบที่พวกเขาพูดกันจริงๆเห
รอ
ในหัวของจารวีฉายภาพเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันขึ้น มาอย่างคลุมเครือ มันปรากฏขึ้นมาแพงแวบด้วย เธออยากหิ จะนึกถึงมันให้ละเอียด แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า
หลังจากอาบน้ำเสร็จ จารวีเดินออกจากห้องน้ำ จากนั้น จิงกดโทรศัพท์โทรหามนต์ตรี
“มนต์ พี่ว่างไหมคะ”
จารวีเอยถามออกไป
ครึ่งชั่วโมงถัดมา มนต์ตรีมาถึงที่หน้าบ้านของจาร สภาพของเธอราวกับลูกกวางน้อยที่เพิ่งพบเจอเรื่องที่ทำให้ ตื่นตระหนกใจมา พอเปิดประตู จารวีก็โผเข้าหาออกแกร่ง ของมนต์ตรี
“เป็นอะไรหรอวี ! ”
มนต์ตรีมองเห็นจารวีร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตาแดง เขา พยายามปลอบประโลมเธออย่างสุดความสามารถ
“มนต์ วันนี้วีไปที่มหาวิทยาลัยมา แต่เพื่อนๆกลับรุม ประณาม
มนต์ตรีเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน ๆ ไม่ต้องไปสนใจหรอก ว่าเพื่อนๆจะพูดอะไร ไว้แต่ว่า วีของพี่นะเก่ง ที่สุดแล้ว
คำพูดของมนต์ตรีราวกับแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิอัน อบอุ่น ทำให้จารวีรู้สึกผ่อนคลาย พลันในใจของเธอก็รู้สึกดี ขึ้นในชั่วพริบตา
“พีมนต์ ความทรงจําของสีหายไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง 1 คิดว่าความทรงจําเหล่านั้นคงเป็นอะไรที่สกปรกเลวร้ายมาก แน่ๆ ถึงตอนนี้ก็จะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็กลัว กลัวว่า ความสกปรกพวกนั้นของวิมันจะมีผลกระทบต่อเมนต์
แพขนตางอนของจารวี ยังคงมีหยด ตาแพรวระยับ เกาะอยู่ นัยน์ตาที่รู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำและอ่อนแอของเธอ ทําให้คนมองเศร้าไปด้วย
มนต์ตรีเช็ดหยด ตาบนแพขนตางอนจนแห้ง เขา ก้มหัวลงจุมพิตเบาๆไปที่หน้าผากของเธอ พลางเอยอย่าง ไพเราะจับใจ วิ ไม่ต้องคิดมากนะ ไม่ว่าก่อนหน้านี้ จะทํา อะไรไว้ ยังไงตอนนี้ก็เลือกที่จะลืมมันแล้ว เพราะงั้นก็ไม่ ต้องไปถือสาหรอกเนอะ ชีวิตของคนเรามันสั้น วีคิดถึงเรื่อง ความสุขในวันข้างหน้า ดีกว่าว่ามัวแต่จมอยู่กับอดีตนะ”
คําพูดของมนต์ตรีปลุกเร้าให้จารวีมีกำลังใจขึ้นมา อย่างมหาศาล เธอเงยใบหน้าเล็กขึ้น พลางจ้องมองไปยัง มนต์ตรีราวก่าดอกทานตะวันที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์
“พี่มนต์ พี่ดีกับวีจัง วีไม่รู้จะตอบแทนพี่มนต์ยังไงดี
“ฮ่าๆ เด็กน้อย อยากจะตอบแทนพี่หรอ? ถ้างั้น
ก็…แต่งงานกับพี่สิ! ”
พูดของมนต์ตรีที่ร้อนราวกับเปลว ไฟ มันร้อนจนทําให้ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา หัวใจ ดวงน้อยเต้นระส่ำ เธอรอมานานหลายปี ในที่สุดก็จะได้ใช้ วิตอยู่กับคนที่รัก
“! 3 เดี่ยว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะ พี่จะพาไปพบคนๆ
จารวีมีสีหน้าแปลกใจ “ใครหรอคะ?”
ฮ่าๆ เดี๋ยวไปถึงวีก็รู้เอง แต่งตัวสวยๆล่ะ! “มนต์ตรีร้อง มองเธออย่างอ่อนโยน
“โอเค! “ใบหน้าของแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่ แจ่มใส เพียงไม่นานเธอก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
เธอสวมใส่เสื้อพอดีตัวสีชมพู กับกางเกงยีนส์ขา ยาวสีน้ำเงิน ถึงแม้ว่าจะเป็นชุดลำลองที่ดูธรรมดา แต่ก็ดูเป็น วัยสาวแรกแย้มที่งดงาม อีกทั้งยังน่ารักและนุ่มนวล
“พี่มนต์ แบบนี้โอเคไหมคะ?” ดวงตาของจาร เข้าสบเข้ากับนัยน์ตาของมนต์ตรีอย่างเงอะงะ เธอเอ่ย ถามอย่างเขินอาย
ครับ โอเคแล้ว โอเคมากๆเลยล่ะ” ดวงตาของมนต์ ตรีโค้งเล็กน้อย มุมปากของเขากระตุกยิ้มอย่างไม่อาจจะ ควบคุม
วีของ คือเจ้าหญิงที่สวยที่สุดในโลกนี้เลย
ในใจของจาวีหวานฉ่ำ แต่ทว่า รอยยิ้มที่ถูกปิดบังไว้บอกเธอ หม่นหมอง
พัมนต์ ชุดนี้สวยแล้วหรอคะ หรือว่าจะเปลี่ยนเป็นชุด
ๆ ไม่ต้องแล้ว วีของที่ใส่อะไรก็ดูดี! ไปกันเถอะ
มนต์ตรีโอบไหล่จารเดินออกจากห้อง ในขณะที่กำลัง เดินออกจากลิฟท์ เขาเดินนำหน้าเธอ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมา ถุงมือเธอเดินไปด้วยกันอย่างเอาใจใส่
รามอย่างขายเป็นราวกับดอกไม้ที่นุ่มนวลและ งดงาม ส่งผลให้หัวใจของมนต์ตรีเต้นรัว
เมื่อรถเชฟโรเรตคันสีขาวของมนต์ตรีแล่นมาหยุดลงที่
หน้าคฤหาสน์ของเขา พลันจาราก็รู้สึกตื่นตระหนก เธอไม่คิด
ว่ามนต์ จะพาเธอมาที่บ้านของเขาเอง
ทีมนต์ คุณลุงอยู่บ้านหรอคะ จารตื่นเต้นเล็กน้อย
เมื่อมนต์ตรีจอดรถเรียบร้อย เขาจูงจารลงจากรถ พลางยิ้มและเอ่ยปลอบใจเธอ ตอนเด็กๆ ไม่เห็นจะกลัว คุณพ่อของพี่เลย ทำไมต้องนี้ถึงกล้าขึ้นมาละฮ์! ”
เมื่อสิบปีก่อน บ้านของมนต์ตรีและบ้านพูลสวัสดิ์ของ เธออยู่ติดกัน คนทั้งสองบ้านก็ล้วนสนิทชิดเชือกันมาตั้งแต่ บรรพบุรุษ จามาเล่นอยู่ที่บ้านของมนต์ตรีบ่อยๆ พอเล่นจน เหนื่อยก็จะชอบเผลอหลับไป
ในความทรงจํา คุณพ่อกับคุณลุงนภวัตชอบคุยเรื่อง เปื่อยกันอย่างออกรส คุณแม่กับคุณน้านารีย์ก็เป็นเพื่อนรักทีลุยกันได้ทุกเรื่อง
แต่ทว่า เมื่อเวลาผ่านไปถึงสิบปี บ้านของจาร พบ เจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เธอไม่ใช่เจ้าหญิงอย่างเมื่อ ก่อน และยังกลายเป็นหญิงสาวที่มีมลทินติดตัว แต่เจ้าชาย อย่างพี่มนต์ กลับยังเป็นเจ้าชายจนถึงทุกวันนี้
เธอรู้สึกน้อยเนื้อตาใจ รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเขา
เมื่อมองเห็นท่าทีที่ไม่มั่นใจของจารวี ในใจของมนต์ตรี ก็ยิ่งสงสารเธอ “ไม่ต้องกลัวนะ” คุณแม่ของพี่ท่านยังไม่กลับ จากอเมริกา มีแค่คุณพ่อที่อยู่ที่นี่ วีหาตัวเหมือนตอนเด็กๆ พอแล้ว”
“แต่ว่า ไม่มีของขวัญอะไรให้ท่านเลยนะคะ ทั้งยังไม่ได้ เตรียมใจมาด้วย…
ฮาๆ พี่เตรียมให้เรียบร้อยหมดแล้วล่ะ
มนต์ตรีหยิบกล่องของขวัญสองสามกล่องออกมาจาก กระโปรงรถ มีใบซาคุณภาพดีพร้อมด้วยเหล้าเหมาไถที่โด่ง
” มนต์ …..”
ไม่คิดเลยว่า มนต์ตรีจะเตรียมทุกอย่างให้เธอ เรียบร้อย ในเรื่องที่เธอคิดไม่ถึง
พลันในใจของจารวีก็รู้สึกอบอุ่น เธอจ้องมองมนต์ตรี อย่างขาม งใจ
จาๆ ค่อยๆเดินเข้าไปยังคฤหาสน์หลังโต ภายใต้
การหาของมนต์ตรี
เมื่อก่อนบ้านของมนต์ตรียังเป็นเพียงแค่คฤหาสน์สอง ชั้น แต่ในปัจจุบัน พื้นที่ของบ้านหลังนี้ใหญ่โตมโหฬาร สวย หรูกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก
ในห้องโถงใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดถูกตกแต่ง ด้วยไม้แดง เป็นห้องรับแขกที่โอ่อ่าหรูหรา ยงยศ นั่งอ่าน หนังสือพิมพ์อยู่บนเก้าอี้ไม้โบราณ
“คุณพ่อครับ ดูสิครับว่าใครมา ” น้ำเสียงของมนต์ตรีเอ่ย ออกมาอย่างมีความสุข
ยงยศค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆ ตรงหน้าของเขา คือสาว น้อยวัยแรกแย้ม เธอคล้ายคลีกกับลู่วยมากๆ จนเขาเหม่อ ลอยไปชั่วขณะ อีกทั้งยังนึกว่าหญิงงามผู้นั้นย้อนเวลากลับ มา เธอยิ้มพลางเดินเข้าไปหาเขา
“สวัสดีค่ะ คุณลุงยงยศ” จารวี มอ่อนหวาน เธอค้อมตัว ลงอย่างสุภาพ
“คุณพ่อครับ เธอคือจารวี! “มนต์ตรีจูงมือจารวี พลาง ยิ้มและกล่าวแนะนําเธอกับยงยศ
ได้ยินดังนั้น ยงยศถึงเรียกสติกลับมาได้ พลางเอ่ย ออกมาเบาๆ “อ้อ หนูจารวีเองหรอ หนูโตขนาดนี้แล้วหรอลูก มา มา มานั่งข้างๆลุง”
ความมีน้ำใจไมตรีของยงยศ ทําให้หัวใจของจาร อบอุ่นขึ้นมา
ความกังวลใจเมื่อสักครู่ มลายหายไปจนหมดสิ้นมนต์ ตรี อบตาม จารีอย่างอ่อนโยน
มนต์ ลูกไปบอกให้ป่าไหมทำอาหารเพิ่มสักสองสาม อย่างสิ นานๆ หนูจารวีจะมาสักครั้ง”
ยงยศเอิบกับมนต์ตรี แตมนต์ตรีกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง
เขาพยักหน้ารับแทน “ผมกําชับไว้แล้วครับคุณพ่อ” จาร เขินอายเล็กน้อย เธอนั่งลงที่ข้างกายของมนต์ตรี
สองมือประสานวางไว้บนหน้าตักอย่างสารวม
คุณพ่อครับ นี่คือของขวัญที่จารวีซื้อให้คุณพ่อ”
มนต์ตรี กล่องของขวัญที่เพิ่งจะ อมา วางลงตรง หน้าของบิดา ยงยศพยักหน้ารับพลางเอ่ยกับจารวี “หนูวี ตอ ไปก็มาเล่นที่บ้านลุงได้นะ เหมือนตอนที่หนูยังเด็กไง ไม่ต้อง คิดว่าเป็นคนนอก
มนต์ตรีส่งสายตาบอกให้รู้เป็นนัยๆให้กับจารวี เธอจึง ยิ้มพลางเอย “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ถ้าคุณลุงจะกรุณา ” ยงยศมี ความน่าเกรงขามซ่อนอยู่ภายในจิตใจลึกๆ ยามที่เขายิ้ม ยัง รู้สึกถึงความห่างเห็น
พลันจารวีก็รู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองติดขัด
เธอคาดว่ามนต์ตรีน่าจะเล่าเรื่องเธอให้ยงยศ งบ้าง แล้ว เขาจึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรเกี่ยวกับพ่อกับแม่ของเธออีก
จารวีจําได้อย่างแม่นย่า เมื่อตอนที่บ้านของ มนต์ตรีย้ายออกไป พ่อและแม่ยังคงอยู่กันอย่างมีความสุข
แต่เรื่องราวหลังจากนั้น คุณลุงยงยศน่าจะไม่รู้ ความ
เงียบเชียบตรงหน้า คงจะเป็นเพราะพี่มนต์คงเคยเล่าให้คุณ ลงฟังแล้ว
จาร อดไม่ได้ที่จะหันไปมองมนต์ตรีด้วยสายตา ซาบซึ้งในบุญคุณ
เมนต์ของเธอห่วงใยเอาใจใส่เธอมากจริงๆ
อาหารกลางวันที่บ้านของมนต์ตรีมีมากมายหลาก หลายอย่าง ยงยศนั่งทานอาหารอย่างตั้งใจอยู่บนโต๊ะอาหาร
มนต์ตรี กอาหารให้จารวีไม่หยุด จารมองเห็นใบหน้า
ที่ไม่มีความรู้สึกของยงยศ
“หนูวี ตอนนี้หนูคงกำลังเรียนมหาลัยอยู่ใช่ไหม” ยงยศ โพล่งขึ้นมา
พลันจารวีก็รู้สึกกระวนกระวายใจ เพราะเธอไม่รู้ว่าจะ ตอบอย่างไร
“วีเรียนคณะออกแบบเสื้อผ้า อยู่ที่มหาลัยSครับคุณพ่อ มนต์ต ช่วยเธอโต้ตอบออกไป
ยงยศตอบรับในสําคอ “เรียนออกแบบก็ดีสิ” ผ่านไปสัก พัก เขาจึงหันไปเอ่ยถามมนต์ตรี “มนต์ ทำไมพักหลังมานี้ลูก ไม่พาวัลย์มากินข้าวที่บ้านเลยล่ะ”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเยือกเย็นอย่างฉับพลัน
จาร รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นัยน์ตาของมนต์ตรี บ่งบอกถึงความไม่สบายใจ “คุณพ่อครับ ผมเลิกกับวัลย์ไป นานแล้ว คุณพ่อยังจะพูดถึงเธออีกทําไมครับ”
สีหน้าของยงยศ งตึงขึ้นมาทันควัน เขากระแทกชาม ข่าวลงบนโต๊ะหนักๆ “หนูวัลย์เธอเป็นคนดี ทั้งฉลาดทั้งมีน้ำใจ ชาติตระกูลก็ต แกเอาสมองไปหลงผิดที่ไหน! เธออุตส่าห์ เซ็นต์ข้อตกลงหมั้นหมายกับแกแล้วแท้ๆ แต่แกกลับสะบัด เธอทิ้งไปอย่างไม่มีความรับผิดชอบ แกจะปล่อยให้ผู้หญิงคน เดียวแบบเธอเผชิญหน้ากับมันยังไง ฉันไม่น่าให้ลูกชายใจด ใจนําแบบแกเกิดมาเลย! “