ตอนที่ 839 เข้าร่วมงานเลี้ยง
เธอส่ายหน้าเบาๆ “คุณก็พูดแล้วว่าฉันเป็นตัวแทนท่านประธาน อย่างนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องนั่งที่นั่งของเขา บางทีหลังจากนี้สองสามวัน ฉันอาจจะไม่ใช่ประธานบริษัทของที่นี่อีกแล้ว รอประธานบริษัทคนใหม่มาแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องวุ่นวายเปลี่ยนที่นั่งอีกครั้ง ที่นั่งที่ฉันนั่งอยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
ฉิงฮัวเห็นว่าในเมื่อกู้ฮอนมีการตัดสินใจเป็นของตัวเอง อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องฝืนบังคับเธออีก
“ก๊อกๆ…….” ประตูห้องทำงานถูกเคาะเสียงเบา
“ผมจะไปเปิดประตู” ฉิงฮัวหมุนตัวเดินไปเปิดประตู
เมื่อประตูเปิดออกก็เห็นว่าเป่หมิงยี่เฟิงยืนอยู่ด้านนอก ด้านหลังของเขายังมีพนักงานคนหนึ่งตามมาด้วย ในมือถือกระเช้าผลไม้อยู่หนึ่งใบ
“คุณชายยี่เฟิง” ฉิงฮัวเรียกอย่างเคารพนบนอบ
เป่หมิงยี่เฟิงพยักหน้า จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในห้องทำงาน
กู้ฮอนจัดการโต๊ะตัวเองเล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ตัวเองก็เป็นตัวแทนประธานบริษัทเป่หมิงแล้ว อย่างน้อยก็ต้องเก็บกวาดสิ่งที่กองวุ่นวายไม่เป็นระเบียบอยู่บนโต๊ะให้เรียบร้อยสักหน่อย
อย่างน้อยมาตรฐานความสะอาดก็ไม่สามารถด้อยกว่าโต๊ะของเป่หมิงโม่มากนัก
เธอเงยหน้าเห็นเป่หมิงยี่เฟิงที่เดินยิ้มแย้มเข้ามาตัวเองก็รีบนั่งตัวตรงแน่ว
“ฮอน ครั้งนี้ผมมาแสดงความยินดีกับคุณด้วยที่ถูกเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นประธานบริษัทเป่หมิง นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ขอให้คุณรับเอาไว้ สำหรับเรื่องการทำงานในภายหลังนั้น……คงต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
เป่หมิงยี่เฟิงพูดพลางยกมือขึ้น พนักงานที่ตามหลังเขามาก็วางกระเช้าผลไม้ลงบนโต๊ะของกู้ฮอนที่แต่เดิมตัวก็ไม่ได้ใหญ่นัก
กู้ฮอนมองพนักงานคนนั้นแล้วก็ขมวดคิ้วนิดๆ แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดเจนว่าไม่พอใจต่อการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก
เป่หมิงยี่เฟิงชอบสร้างปัญหามาก เขาหันหน้าไปถลึงตาใส่คนคนนั้นครั้งหนึ่ง “คุณทำอะไรของคุณ วางกระเช้าลงบนโต๊ะทำงานของท่านประธานตรงๆเลยได้อย่างไรกัน รีบเอาลงมาเร็วเข้า”
เอ่ยจบก็หันไปมองกู้ฮอน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มขออภัย “ฮอน ขอโทษด้วยนะ เขาเป็นแค่พนักงานมาใหม่ ยังไม่เข้าใจระเบียบอะไรเท่าไร”
***
กู้ฮอนยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ดำรงตำแหน่งเพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง คุณมาที่นี่คงไม่ใช่เพื่อส่งมอบกระเช้าผลไม้ให้ฉันอย่างเดียวหรอกใช่ไหมคะ”
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มเล็กน้อย “ฮอน คุณพูดได้ถูกต้อง เป้าหมายของผมในการมาที่นี่ในครั้งนี้ก็คือเชิญคุณไปทานข้าวมื้อหนึ่ง และสามารถถือว่าเป็นคำอวยพรของผมในการขอให้คุณดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงได้อย่างราบรื่นด้วย”
“คือตัวแทนประธานค่ะ ไม่ใช่ประธาน” กู้ฮอนรีบแก้ไขในทันที เพราะเธอไม่ได้ต้องการดำรงตำแหน่งนี้ แต่ถูกเป่หมิงโม่บีบบังคับให้ขึ้นมาต่างหาก
เป่หมิงยี่เฟิงหัวเราะเบาๆ มองกู้ฮอนที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง จากนั้นก็ผายมือเป็นท่าทาง ‘เชิญ’ ไปที่ประตู “อย่างนั้นก็เชิญตัวแทนท่านประธานไปร่วมงานเลี้ยงกับผมด้วยครับ”
กู้ฮอนคิดว่าไม่ควรหักหน้าเป่หมิงยี่เฟิงต่อหน้าบุคคลอื่น
ถึงอย่างไรก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่นมา ก็ต้องจัดการทำเรื่องราวให้สำเร็จไปได้ด้วยดี ไม่ว่าอย่างไร ก่อนที่เป่หมิงโม่จะตัดใจเลือกใครมาเป็นประธานบริษัท ตัวเองก็ยังต้องฝืนอดทนแบกรับหน้าที่อันใหญ่หลวงนี้ไปก่อน
“ในเมื่อคุณให้การต้อนรับฉันอย่างอบอุ่นแล้ว อย่างนั้นฉันก็จะไปสักรอบแล้วกันค่ะ” หลังกู้ฮอนตัดสินใจเรียบร้อยแล้วก็มองไปที่ฉิงฮัว “คุณก็ไปด้วยกันกับฉันเถอะค่ะ”
ฉิงฮัวนั้นรู้แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ของเป่หมิงยี่เฟิงนั้นสักแปดส่วนก็เพื่อดึงกู้ฮอนมาเป็นพวกด้วย
เพียงแต่ว่าตอนนี้บนบ่าของตัวเองก็ยังมีภาระหน้าที่อันหนักหน่วงอื่นๆอยู่ การร่วมมือกันระหว่างบริษัทเป่หมิงและบริษัท GT กำลังดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น ยังมีงานอีกมากมายที่ตัวเองจำเป็นต้องไปจัดการให้เรียบร้อย
จะถือว่าเป็นการพยายามช่วยเจ้านายและคุณผู้หญิงแก้ไขเรื่องราวบางส่วนอย่างสุดความสามารถของตัวเองก็ได้
สำหรับความตั้งใจของเป่หมิงยี่เฟิงนั้นคิดว่ากู้ฮอนน่าจะชัดแจ้ง เธอน่าจะควบคุมของสถานการณ์ของตัวเองเป็นอย่างดี
*
กู้ฮอนนั่งอยู่บนรถของเป่หมิงยี่เฟิง
เธอหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง หนุ่มสาวที่เดินอย่างเร่งรีบบนท้องถนน
“ฮอน ที่จริงแล้วผมมีความคิดที่ดีมากอยู่อย่างหนึ่ง คืออยากจะส่งเสริมให้บริษัทเป่หมิงเจริญรุ่งเรือง นี่เป็นความรับผิดชอบและภาระหน้าที่ของผมให้ฐานะที่เป็นหลานชายคนโตของตระกูลเป่หมิง”
เป่หมิงยี่เฟิงขับรถ พลางเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน
กู้ฮอนหันหน้ามามองเขาครู่หนึ่ง “ที่จริงแล้วความคิดของคุณกับเป่หมิงโม่นั้นเหมือนกัน เป้าหมายของพวกคุณก็เหมือนกัน แต่จะต่อสู้กันไปเพื่ออะไร คุณไม่รู้จักหลักการที่ว่า ‘เกิดจากรากเหง้าเดียวกัน ใยต้องจองล้างจองผลาญกันเอง’ หรือ”
“ผมจะไม่รู้จักหลักการนี้ได้อย่างไรกัน เพียงแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหานี้ คนที่ ‘จ้องล้างจ้องผลาญ’ นั้นไม่ใช่ผมแต่เป็นเขา ในอดีตเพื่อที่จะควบคุมดูแลบริษัทเป่หมิง ไม่เสียดายที่จะแย่งชิงสิทธิ์ผู้ถือหุ้นทั้งหมดของคุณพ่อผมไป ทั้งยังไล่เขาออกจากบ้านตระกูลเป่หมิงด้วย สำหรับเรื่องนี้แล้ว ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับความเสียหายไม่ใช่หรือ” เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้คิ้วของเป่หมิงยี่เฟิงก็โกรธจนคิ้วแทบจะตั้ง
สำหรับเรื่องนี้นั้น ในใจกู้ฮอนก็ชัดเจนมาก ทั้งยังรู้สึกไม่พอใจการกระทำของเป่หมิงโม่เป็นอย่างมาก
แต่ภายหลังที่ค่อยๆได้ทำความเข้าใจเป่หมิงโม่มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว เธอก็คิดว่าเงามืดในวัยเด็กนั้นมีส่วนในการทำให้เขามีนิสัยใจคอเป็นเช่นนี้อย่างมาก
เพียงแต่ว่าเรื่องราวในอดีตเหล่านี้ เขาล้วนเก็บซ่อนแล้วแช่แข็งมันไว้ในใจของตัวเอง
จนกระทั่งวันหนึ่ง น้ำแข็งในใจก้อนนี้ของเขาก็เริ่มที่จะละลายแล้ว
เขาเริ่มที่จะไม่มีความเกลียดแค้นมากมายเช่นนั้นแล้วอย่างช้าๆ เริ่มที่จะมีความรักและเรียนรู้ที่จะเป็นห่วงผู้อื่น
เพียงแต่ว่าน้ำแข็งหนาสามฟุต มิใช่จากความหนาวเพียงวันเดียว คนอื่นๆนั้นยังคงจดจำภาพความทรงจำเขาในอดีตอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา
กู้ฮอนก้มหน้า ยื่นมือออกมาจับคางตัวเองเบาๆ เธอจมเข้าสู่ภวังค์แห่งความคิด
***
“ฮอน พวกเราถึงจุดหมายแล้ว” รถของเป่หมิงยี่เฟิงนั้นจอดนิ่งแล้ว
ดูเหมือนว่าสติของกู้ฮอนนั้นยังไม่กลับมาเต็มที่ “ที่นี่คือที่ไหน”
เป่หมิงยี่เฟิงปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออก พลางยิ้มให้กับกู้ฮอนบางๆ “อย่างไร คุณไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนหรือ พวกเราเพิ่งจะประชุมและกำหนดให้คุณเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทในการประชุมที่นี่ไปเอง”
กู้ฮอนเพิ่งจะดึงสติกลับคืนมาได้ก็มองไปรอบๆด้าน
ไม่ผิดเลย ที่นี่ก็คือโรงแรมแมนดารินนั่นเอง
“คุณเชิญฉันมาที่นี่หรือ” กู้ฮอนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เป่หมิงยี่เฟิงเชิญตัวเองมางานเลี้ยงรับรองที่นี่ นี่หมายความว่าอย่างไรกัน กำลังแสดงอำนาจต่อเป่หมิงโม่อย่างนั้นหรือ
ดูสิ คุณถูกตำรวจพาตัวไปจากที่แห่งนี้
ดูสิ คุณสูญเสียตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงไปในที่แห่งนี้
ดูสิ ผมเชิญผู้รับช่วงตำแหน่งต่อจากคุณมาดื่มเฉลิมฉลองที่นี่
ดูสิ สุดท้ายแล้วชัยชนะก็เป็นของผม เป่หมิงยี่เฟิง
กู้ฮอนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้นั้นไม่สามารถที่จะบอกปฏิเสธได้อีกแล้ว
ที่จริงแล้วบางทีเป่หมิงยี่เฟิงอาจจะไม่ได้มีความคิดมากมายขนาดนั้น เพียงแต่เชิญตัวเองมาทานอาหารมื้อหนึ่งก็เท่านั้นเอง
โรงแรมแมนดาริน สำหรับกู้ฮอนนั้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก แต่ก็ค่อนข้างเข้าใจโครงสร้างภายในของที่นี่
เป่หมิงยี่เฟิงเดินนำอยู่ด้านหน้า แต่ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร
หลังจากเขาเดินเลี้ยวโค้งไปสองครั้งแล้วก็หยุดลง
“ฮอน พวกเราถึงที่หมายแล้ว” เขาหันกลับมายิ้มให้กับเธอ
กู้ฮอนเงยหน้ามอง นี่คือประตูใหญ่บานคู่ที่ปิดสนิทอยู่ ดูจากกรอบประตูและการตกแต่งอันงดงามของประตูนี้ ด้านในจะต้องหรูหราอย่างหาที่เปรียบมิได้อย่างแน่นอน
ในความทรงจำเหมือนกับว่าตัวเองไม่เคยมาที่นี่มาก่อน
“ที่นี่คือที่ไหนหรือ” กู้ฮอนถาม
“สถานที่ที่ผมเชิญคุณมาทานข้าวอย่างไรล่ะ เข้าไปก็รู้แล้ว” เป่หมิงยี่เฟิงพูด แสดงท่าทางให้เธอเปิดประตูบานคู่นี้ออก
จนถึงตอนนี้ กู้ฮอนยังจะพูดอะไรได้อีก เธอเดินขึ้นไปด้านหน้า ยื่นแขนทั้งสองข้างออกไปผลักบานประตูเบาๆ
บานประตูทั้งสองข้างค่อยๆเปิดออกจากแรงสัมผัสของเธอ
“ปัง……”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ตามด้วยกระดาษหลากสีสันลอยล่องลงมาจากด้านบนของห้องโถง
เสียงนี้ทำให้กู้ฮอนสะดุ้งตกใจ
ตอนนี้เองที่เสียงของเป่หมิงยี่เฟิงดังขึ้นข้างๆใบหูเธอ “ไม่ต้องกลัว เดินเข้าไปด้านใน”
กู้ฮอนค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องโถง
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยว่าด้านในประดับตกแต่งได้อย่างสวยงามเจิดจรัส เดิมคิดว่าเป็นแค่มื้ออาหารกลางวันของสองคน กลับกลายเป็นงานเลี้ยงรวมตัวกันของคนหลายสิบกว่าคน
เมื่อกู้ฮอนเดินเข้ามา ด้านในห้องโถงก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมืออันอบอุ่นดังขึ้น
กู้ฮอนมองไปยังผู้คนที่อยู่ในงาน คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้รับผิดชอบแผนกต่างๆที่อยู่ในห้องประชุมวันนี้
พวกเขาจากไปตอนสิ้นสุดงานประชุมแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้มารวมตัวกันที่นี่ภายในระยะเวลาอันแสนสั้นได้อีก
ดูท่าว่าตอนนี้ เป่หมิงยี่เฟิงจะมีความสามารถในการเรียกพวกเขาให้มารวมตัวกันเป็นอย่างมาก
“ฮอน ผู้รับผิดชอบแต่ละแผนกล้วนอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อย่างนั้นคุณก็พูดสักสองสามประโยคสักหน่อยแล้วกัน”
เป่หมิงยี่เฟิงเอ่ยจบก็หันไปเอ่ยเสียงดังกับทุกคนที่อยู่ในงานว่า “ตอนนี้พวกเราขอเชิญให้คุณกู้ฮอน ประธานบริษัทเป่หมิงคนใหม่ของพวกเราพูดกับพวกเราสักสองสามประโยคแล้วกัน” ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตามมาด้วยเสียงปรบมือของทุกคนที่ดังขึ้น
กู้ฮอนรู้สึกถึงแรงกดดันขึ้นมาชั่วขณะ เธอไม่เคยมีตำแหน่งฐานะสูงขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับหัวกะทิผู้ที่มีความสามารถมากกว่าตัวเองหลายสิบเท่าไปจนถึงหลายร้อยเท่าด้วย
“ฉัน…..” กู้ฮอนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรไปชั่วขณะ
เมื่อเธออ้าปาก เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องมากยิ่งขึ้น
***
ภายใต้เสียงปรบมือดังกึกก้องนี้ กู้ฮอนจัดการกับจิตใจของตัวเองให้สงบนิ่ง จากนั้นก็ยกมือเป็นสัญญาณบอกกับทุกคนว่าตัวเองกำลังจะพูดแล้ว
ชั่วครู่เสียงปรบมือก็เงียบหายไป
กู้ฮอนมองไปที่ทุกคน “ดิฉันรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างที่ถูกเชิญมาอย่างกะทันหัน เดิมหลังจบการประชุมแล้วก็ยังคิดอยู่เลยว่า ดิฉันเป็นเพียงแค่คนมาใหม่คนหนึ่ง อีกทั้งถ้าพูดถึงคุณสมบัติและความอาวุโสแล้วล้วนเทียบกับทุกท่านไม่ได้ ดิฉันกังวลอยู่บ้างว่าการทำงานหลังจากนี้จะเริ่มอย่างไร เพียงแต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าดิฉันจะคิดมากไปเอง ดิฉันไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่ก็สามารถรับประกันกับทุกคนได้ว่า ดิฉันจะพยายามเรียนรู้จากทุกท่าน เพื่อที่จะเป็นท่านประธานที่มีคุณสมบัติครบถ้วนคนหนึ่ง ขอบคุณทุกคนมากค่ะ”
เป่หมิงยี่เฟิงรอเธอพูดจบแล้วก็เริ่มนำร่องปรบมืออีกครั้ง
ภายใต้เสียงปรบมือที่ดังขึ้นนั้น ก็ยังมีสองสามคนที่เอ่ยขึ้นมาว่า “คุณกู้ ไม่ต้องขอบคุณพวกเราหรอก พวกเราก็เพียงแค่เห็นแก่หน้าของคุณชายยี่เฟิงเท่านั้นเอง ถ้าหากว่าคุณต้องการจะขอบคุณ ก็ไปขอบคุณเขาเถอะ”
กู้ฮอนยิ้มบางๆแล้วพยักหน้า แต่ที่จริงแล้วในใจเธอรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที
คำพูดนึหมายความว่าอย่างไรกัน กำลังต่อต้านตัวเองอย่างนั้นหรือ
ตอนนี้เองที่เป่หมิงยี่เฟิงรีบเอ่ยขึ้นว่า “ฮอน อย่าไปฟังพวกเขาพูดจาไร้สาระเลย มาๆๆ พวกเราเข้าประจำที่นั่งกันเถอะ”
เป่หมิงยี่เฟิงจัดการให้กู้ฮอนนั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธาน ส่วนตัวเองก็นั่งบริเวณที่นั่งด้านซ้ายของเธอ
ส่วนด้านขวามือของเธอนั้นมีเป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยนนั่งอยู่
ในงานเลี้ยง ทุกคนล้วนพูดจามีเกียรติสง่าผ่าเผยไม่น้อย ทั้งยังถือแก้วเหล้ามาดื่มเหล้าแสดงความเคารภพเบื้องหน้าเป่หมิงยี่เฟิง เหมือนกับว่าเขาเป็นตัวเอกของงานอย่างไรอย่างนั้น
เพียงแต่เป่หมิงยี่เฟิงอาศัยเหตุผลว่าตัวเองต้องขับรถมาบอกปฏิเสธ
ในใจของกู้ฮอนเข้าใจว่าคนเหล่านี้กำลังแสดงอาการต่อต้านตัวเอง อีกทั้งยังแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมากว่ายืนอยู่ข้างเป่หมิงยี่เฟิง
มีเพียงแค่เป่หมิงเฟยหย่วนที่อยู่ข้างเธอเพียงคนเดียวอธิบายว่า “ฮอน อย่าสนใจไปเลย ปกติทุกคนทำงานก็มีความกดดันมาก บวกกับการประชุมในเช้าวันนี้ที่อึมครึมไปบ้าง ตอนนี้ทุกคนก็อยากที่จะผ่อนคลายสักหน่อย