ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1919 อันตรายของไกลกันดาร

ตอนที่ 1919 อันตรายของไกลกันดาร

แม้ว่าพวกของธิดาราชันฉีหลินจะติดตามหลี่ชิเย่ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป แต่ว่า เวลานี้บรรยากาศได้กลายเป็นหนักอึ้งยิ่งนัก ทุกคนต่างไม่ได้พูดอะไรออกมา เรื่องที่หลี่ชิเย่เล่ามานั้นคล้ายดั่งเป็นฝันร้ายที่สิงสถิตอยู่ภายในใจของทุกคน แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดล้วนแล้วแต่แตกต่างกันออกไป แต่ ภายในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งตลอด ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร พวกเขารู้สึกสังหรณ์ใจถึงความไม่ปลอดภัยอยู่เสมอ

ในเวลานี้ ผู้ที่ขึ้นมายังไกลกันดารมีเป็นจำนวนมากแล้ว แม้ว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าไกลกันดารมีอันตรายยิ่ง แต่ว่า ไหนๆ ก็ได้ขึ้นมายังไกลกันดารแล้ว จะไม่มีคนหนึ่งคนใดยอมละทิ้งง่ายๆ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดยอมพลาดโอกาสง่ายดาย เนื่องจากไกลกันดารมีของวิเศษที่ดีที่สุด หากได้ครอบครองเมื่อใดล่ะก็ จะได้รับประโยชน์ไปชั่วชีวิตทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือจำนวนมากไม่ได้มาโดยลำพังคนเดียว พวกเขามากันเป็นหมู่คณะ อีกทั้งในกลุ่มของพวกเขายังมีระดับจอมเทพอยู่ด้วย เหตุนี้เองจึงทำให้พวกเขารู้สึกมีความกล้ามากขึ้น และเริ่มทำการค้นหากันไป

จะไปโทษว่าผู้ที่มาผจญภัยเหล่านี้โลภมากก็ไม่ถูก เนื่องจากในไกลกันดารสามารถพบเจอของดีจริงๆ สิ่งที่พบเจอในไกลกันดารทรงพลังยิ่งนัก มีสิ่งของจำนวนไม่น้อยสามารถสยบศาสตราวุธเต๋าจอมราชันเซียนหวังได้ ลองนึกภาพดู สิ่งของลักษณะเช่นนี้ไม่ทำให้ผู้คนหัวใจเต้นตูมตามได้รึ?

สามารถได้รับของวิเศษจากไกลกันดารสักชิ้นหนึ่ง ย่อมเป็นเรื่องที่จะได้รับประโยชน์มหาศาล ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าใช่จะได้รับประโยชน์เพียงคนเดียว กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่า ทั้งสำนักจะได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้าก็เป็นได้

เนื่องเพราะอย่างนี้นี่เอง ไกลกันดารจึงไม่ขาดแคลนนักผจญภัยตลอดมา แน่นอนที่สุด ผู้ที่มาผจญภัยยังไกลกันดารล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือโดยแท้จริง ไม่เว้นแม้แต่จอมเทพ กระทั่งจอมราชันเซียนหวังก็มาที่ไกลกันดารด้วยตนเอง!

นักท่องเที่ยวจากเรือนิรันดรหาใช่เป็นหนึ่งเดียวที่ขึ้นไปยังไกลกันดาร ความจริงแล้วในเวลานี้มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยกำลังเดินค้นหาอยู่ที่ไกลกันดารมาก่อนแล้ว และมียอดฝีมือโดยแท้จริงบางส่วนที่เฝ้าอยู่แต่สถานที่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เนื่องจากยอดฝีมือโดยแท้จริงเหล่านี้ไม่ได้มาที่ไกลกันดารเพียงครั้งเดียวเท่านั้น พวกเขามีประสบการณ์รู้ว่าบริเวณไหนจะมีของวิเศษปรากฏออกมา

“อ๊ากก…” ระหว่างที่หลี่ชิเย่เดินผ่านเนินทรายในระยะห่างไกลอยู่นั้น ที่ตรงนั้นก็มีขบวนผู้คนจำนวนหลายร้อยคนเดินผ่านมา ทันใดนั้น เนินทรายพลันยุบตัวลงปรากฏเป็นหลุมกลวงกลืนกินขบวนผู้คนจำนวนหลายร้อยคนนี้ไปทันที เสียงร้องน่าเวทนาดังก้องท่ามกลางหลุมนั้น

ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนหลายร้อยคนหายสาบสูญอยู่ในหลุมกลวงเช่นนี้ เรียกว่าตายไม่พบศพ เป็นไม่พบตัว จากนั้น ได้ยินเสียงดังช่าา หลุมดังกล่าวหายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ปรกติอีกครั้ง เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

“โอ้ แม่จ๋า…” ภาพที่ปรากฏ ทำเอาอู่ชีตกใจสุดขีด ถึงกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว และกล่าวว่า “ใต้พื้นดินมีสัตว์ประหลาด”

“ถ้าหากเจ้ายังคงก้าวถอยหลังไปทางด้านซ้ายอีกก็จะมีสัตว์ประหลาดจริงๆ แล้วหละ” ในขณะที่อู่ชีกำลังตกใจสุดขีด หลี่ชิเย่ได้กล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “เวลานี้พวกเรากำลังเดินอยู่บนหลังของมัน หากยังชิดเข้าไปทางด้านซ้ายอีกต่อไป ระวัง หัวอีกหัวหนึ่งของมันจะกินเจ้าเข้าไป”

คำพูดของหลี่ชิเย่พลันสร้างความตระหนกให้กับอู่ชีจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง ร่างของเขาสั่นเทิ้มทีหนึ่ง และกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่าน ท่านล้อเล่นแบบนี้มันไม่ขำเลยสักนิด”

“ใครล้อเล่นกับเจ้า?” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “นี่มันเป็นเพียงสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ที่นอนหลับอยู่ใต้พื้นดินตัวหนึ่งเท่านั้นเอง จะให้ปลุกมันตื่นขึ้นมาให้เจ้าดูไหม”

“อย่า อย่า อย่า น้องแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง พูดล้อเล่นกับท่าน น้องเชื่อ เชื่อคำพูดของพี่ใหญ่แน่นอน” ทำเอาอู่ชีรีบกล่าวยอมแพ้ขึ้นมา

ขณะที่หลี่ชิเย่พาพวกของธิดาราชันฉีหลินเดินผ่านหน้าผาสูงชันแห่งหนึ่ง ทันใดนั้น เสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น ใต้พื้นดินพลันพวยพุ่งเป็นหมอกเลือดนับไม่ถ้วน ผู้บำเพ็ญตนหลายสิบคนที่กำลังผจญภัยอยู่บริเวณหน้าผาแห่งนั้นร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมา “อ๊ากก อ๊ากก อ๊ากก” หมอกเลือดที่พวยพุ่งออกมาถูกตัวพวกเขาเหล่านั้น ร่างกายผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่ถูกหมอกเลือดถึงกับเริ่มละลาย เนื้อหนังบนตัวหลุดออกมาทีละชิ้นๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างกายของพวกเขาก็ละลายกลายเป็นน้ำเลือดไปสิ้น และซึมหายเข้าไปภายในพื้นดิน

“เวรเอ๊ย นี่มันอะไรของมันนะ…” ภาพนี้ทำให้พวกของธิดาราชันฉีหลินที่ยืนอยู่ใต้หน้าผาอย่างปลอดภัยถึงกับขนลุกซู่ในใจ มิน่าเล่าใครๆ ถึงได้พูดว่าไกลกันดารอันตรายยิ่งนัก เต็มไปด้วยความตายทุกย่างก้าว หากไม่ทันระวังก็จะต้องตายอยู่ที่นี่ เวลานี้ดูไปแล้วมันเป็นเช่นนี้จริงๆ หากไม่เป็นเพราะติดตามหลี่ชิเย่มาล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงตายไปหลายครั้งแล้ว

แน่นอน ใช่ว่าทุกคนที่อยู่ในไกลกันดารจะต้องเป็นฝ่ายที่ถูกเชือดได้ตามอำเภอใจเสมอ ผู้ที่ก้าวข้ามไกลกันดารอย่างดุเดือด อาศัยท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่าง

“ตูม ตูม ตูม…” เสียงดังตูมตามก้องทั่วฟ้าดิน ท่ามกลางกลุ่มของภูเขาแต่ละลูกที่สูงเสียดท้องฟ้ามองเห็นมีคนที่กำลังต่อสู้อยู่ตรงนั้นอย่างดุเดือด

เป็นคนสองคนที่กำลังต่อสู้กันจนฟ้าถล่มดินทลายอยู่ตรงนั้น พวกเขาได้กระแทกจนภูเขาหักเป็นลูกๆ โจมตีทะลุทะลวงภูเขาแต่ละลูก ภายใต้การโจมตีสังหารกระทั่งพื้นดินยังถูกฉีกขาด

ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดนั้น ฝ่ายหนึ่งเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ อีกฝ่ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสีแดงเลือดทั้งตัว ผู้เฒ่าผู้นั้นเป็นระดับจอมเทพ บนศีรษะปรากฏดวงตราสัญลักษณ์หกดวง ดวงตราทั้งหมดประสานเข้าด้วยกัน แผ่กลิ่นอายการเข้าถึงตัวตนอันแท้จริงที่น่าเกรงขามปราศจากผู้เทียบเทียมออกมา ผู้เฒ่าผู้นี้สวมเสื้อเกราะเอาไว้ อาศัยกลยุทธประสานสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตน และทำลายฝ่ายตรงข้าม แต่ละกระบวนท่าเปี่ยมด้วยพลังถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านตัน

สิ่งมีชีวิตสีเลือดที่มีรูปร่างเหมือนคน แต่ไม่ทราบชนิดของเผ่าพันธุ์ แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างเหมือนคน แต่กลับมีหนามแหลมคมบนแผ่นหลัง อีกทั้งยังมีปีกคู่ที่งอกออกมาจากชายโครง โดยปีกคู่นี้ได้เน่าเปื่อยไปแล้ว ขณะที่ปีกคู่โบกสะบัดกลับปรากฏเพลิงมารรุนแรงพุ่งขึ้นมา

สิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนคนถือหอกแหลมในมือ หอกแหลมที่อยู่ในมือของเขามีความยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง สามารถแทงทะลุดวงดาว ทิ่มทะลุพื้นดิน มีความแหลมคมยิ่งนัก ไม่มีสิ่งใดต้านทานมันได้

บริเวณที่พวกเขาต่อสู้กันอยู่มีเจดีย์วิเศษตั้งอยู่ เจดีย์วิเศษนี้มีสีแดงทั้งหลัง เหมือนมีเลือดจะหยดลงมาจากเจดีย์นี้อย่างนั้น มันได้แผ่กลิ่นอายที่อมตะออกมา เหมือนว่าไม่มีวันดับสูญเป็นนิรันดร์ ดูท่าพวกเขาทั้งสองคนเกิดการต่อสู้เพื่อต้องการแย่งชิงเจดีย์วิเศษนี้

“จอมเทพเจี้ยนเฟย เขาคือจอมเทพที่ยอดเยี่ยมมากในยุคก่อน” ซึหุนหลินจดจำประวัติจอมเทพผู้มีดวงตราสัญลักษณ์หกดวงผู้นี้ได้ทันที กล่าวด้วยความรู้สึกตกใจระคนแปลกใจ

จอมเทพผู้นี้ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนกันจนแยกกันไม่ออก เกรงว่าภายในระยะเวลาอันสั้นคงไม่สามารถรู้ผลแพ้ชนะกันได้

“ฆ่า…” ในเวลานี้ จอมเทพผู้นี้ได้ถอนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงเสียดฟ้าลูกหนึ่งขึ้นมา แล้วทุ่มเข้าหาสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายคนอย่างแรง ขณะที่สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายคนคำรามเสียงดัง หอกยาวทลายฟ้า ทิ่มตรงไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั่น ได้ยินเสียงดัง “ตูม ตูม ตูม” เป็นเสียงแตกละเอียดดังขึ้น

หลังจากที่สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายคนทำลายภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว “ตึง” หอกยาวในมือได้ตรงเข้าหาจอมเทพผู้นั้น จอมเทพผู้นี้คำรามเสียงดัง มือทั้งสองทำท่ามุทรา เข้าสยบโดยตรง

อู่ชีที่มองดูสิ่งมีชีวิตที่สามารถสู้รบกับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์หกดวงโดยไม่รู้ผลแพ้ชนะได้ เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “นั่นมันคือสิ่งมีชีวิตอะไร?”

“เลือดกันดาร” ซึหุนหลินกล่าวว่า “เผ่าพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของไกลกันดาร ตามตำนานเล่าว่า พวกเขานอนหลับใหลอยู่ใต้พื้นดิน ถ้าหากเจ้าตามหาสมบัติวิเศษ ก็จะมีโอกาสไปทำให้เขาตกใจตื่น เมื่อใดที่ทำให้เขาต้องตกใจตื่นแล้ว เขาจะไม่ตายไม่เลิกรา ไม่ใช่เจ้าตายก็คือเขาม้วย!”

“เลือดกันดารมีจำนวนมากไหม?” อู่ชีเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าแค่เลือดกันดารเพียงหนึ่งเดียวก็สามารถสู้รบตีเสมอจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์หกดวงได้

ซึหุนหลินกล่าวว่า “ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่า ที่โชคดีก็คือ ฟังว่าเลือดกันดารไม่สามารถไปไกลจากไกลกันดาร มิฉะนั้นล่ะก็น่ากลัวเหลือเกิน เนื่องจากเคยมีเลือดกันดารสังหารจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายไปองค์หนึ่ง”

“พวกเขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตของยุคสมัยที่ยังคงอยู่เท่านั้นเอง พวกเขาผ่านภัยพิบัติใหญ่มาได้ แต่สามารถมีชีวิตอยู่ท่ามกลางยุคสมัยของตนเท่านั้น ไม่สามารถออกมาได้ตลอดกาล อีกทั้งได้แต่เหมือนดั่งกาลเวลายุคสมัยของพวกเขา ได้แต่หยุดนิ่งและหลับใหล” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ถ้าหากพวกเขาต้องการออกไปจากที่นี่ เท่ากับกาลเวลาเป็นล้านล้านปีไหลเคลื่อนผ่านตัวของพวกเขาไปโดยพลัน ทำให้ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปในทันที!”

“ยังดี ถ้าหากเลือดกันดารเหล่านี้สามารถออกไปได้ ยุ่งแน่นอนเลย” อู่ชีถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก

“ในเมื่อพูดถึงจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายองค์นั้น งั้นข้าจะพาพวกเจ้าไปดูสักหน่อย” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งแล้วไม่ไปดูการต่อสู้ระหว่างจอมเทพกับเลือดกันดารอีก

พวกของอู่ชีต่างรู้สึกดีใจกับคำพูดของหลี่ชิเย่ เรื่องเกี่ยวกับคำเล่าลือนี้พวกเขาได้ยินมานานมากแล้ว จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายได้ตายอนาถในไกลกันดาร ช่างเป็นเรื่องที่สะเทือนหวั่นไหวยิ่งนัก

สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้พาพวกของธิดาราชันฉีหลินปีนขึ้นไปบนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงมากๆ ลูกหนึ่ง ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้สูงทะลุขึ้นไปยังส่วนที่ไกลมากของจักรวาล มีทางช้างเผือกล้อมรอบ

“สมรภูมิสู้รบของจอมราชันในครั้งนั้นอยู่ที่นั่น” เวลานี้หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บนยอดเขาได้ชี้ไปข้างหน้า

พวกของธิดาราชันฉีหลินมองตามไปช้าๆ มองเห็นข้างหน้าเป็นแผ่นดินที่กว้างใหญ่ผืนหนึ่ง ในอดีตสถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูก แต่ว่า ปัจจุบันภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกทำลายจนละเอียด พื้นดินทั้งหมดถูกไถจนราบเรียบ ภูเขาแต่ละลูกถูกถอนขึ้นมา ทั้งหมดถูกทุบทำลายจนแหลกลาญ

แม้แต่ทางช้างเผือกแต่ละสาย ดวงดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้าก็ถูกทำลายจนแตกละเอียดไปทั้งหมด แม้แต่ผืนแผ่นดินก็ถูกฉีกขาดกระจุย ทั่วทั้งบริเวณสมรภูมิรบกลายเป็นเสมือนหนึ่งเศษซากปรักหักพังวันสิ้นโลก

อีกทั้งทั่วสมรภูมิรบตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของการฆ่าล้างผลาญที่น่าสยดสยองยิ่ง แม้จะผ่านไปเป็นพันล้านปี กลิ่นอายการฆ่าล้างผลาญนี้ยังคงไม่ถูกทำลายไป ไม่ว่าใครก็ตามหากกล้าก้าวเท้าเข้าไปยังสมรภูมิจอมราชันรบแห่งนี้ ก็จะถูกกลิ่นอายการฆ่าล้างผลาญที่น่าสยดสยองนี้สังหาร กลิ่นอายฆ่าล้างผลาญเช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่จอมเทพอย่างซึหุนหลินก็รับไม่ได้ และเขาไม่สามารถเข้าไปยังสมรภูมิสู้รบจอมราชันนี้ได้อย่างแท้จริง

ท่ามกลางสมรภูมิรบจอมราชัน ปรากฎโซ่เหล็กที่มีขนาดใหญ่ยากจะหาใดเทียมแต่ละเส้นที่ดูเหมือนเป็นหอกศักดิ์สิทธิ์ปักอยู่บนพื้น ดูไปแล้วเหมือนมีคนพุ่งหอกเหล่านี้ลงมาจากฟากฟ้า ต้องการตรึงสังหารสิ่งมีชีวิตอะไรสักอย่าง เมื่อสังเกตดูให้ละลเอียดจึงได้พบว่ามันไม่ใช่หอกศักดิ์สิทธิ์อะไร และไม่ใช่โซ่เหล็ก แต่เป็นกฎเกณฑ์จอมราชันขนาดยักษ์แต่ละสาย หลักกฎเกณฑ์จอมราชันแต่ละสายที่ตรึงอยู่ที่ตรงนี้ คล้ายต้องการตรึงสังหารสิ่งที่ดุร้ายซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินอย่างนั้น

ตรงกลางสมรภูมิรบมีทะเลเลือดที่กว้างใหญ่ไพศาล ความจริงมันไม่ใช่ทะเลเลือด แต่เป็นบึงเลือดที่เกิดจากการรวมตัวและจับกันเป็นก้อนของเลือดสดๆ ปริมาณนับไม่ถ้วน นับว่ายิ่งใหญ่เหลือเกิน จนแลดูคล้ายดั่งเป็นทะเลเลือดอย่างนั้น

ทะเลเลือดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเลือดจอมราชัน หรือว่าเลือดของคู่ต่อสู่ที่ถูกตรึงสังหารกันแน่

สามารถมองเห็นท่ามกลางทะเลเลือดมีกระดูกขาวที่สูงใหญ่ยิ่งยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ส่วนกะโหลกศีรษะนี้ค้ำยันท้องฟ้า เท้าเหยียบผืนแผ่นดิน แม้ว่าพันล้านปีผ่านไปจนเหลือไว้เพียงโครงกระดูกเท่านั้น แต่ยังคงแผ่กลิ่นอายจอมราชันที่สยบเหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินออกมา

ในมือทั้งสองของจอมราชันผู้นี้กุมหอกยาวที่ขาวดั่งหยกเล่มหนึ่ง หอกยาวพุ่งลงจากฟากฟ้า ทิ่มทะลุลงไปพื้นดินอย่างแรงจนทะลุไปถึงส่วนที่ลึกที่สุด เหมือนต้องการแทงพื้นดินให้ทะลุไปทั้งหมดอย่างนั้น

หอกยาวเช่นนี้ไม่เพียงแผ่อานุภาพเข่นฆ่าของจอมราชันออกมา เท่านั้น แต่มีปณิธานการฆ่าที่สามารถฆ่าล้างทุกสิ่งทุกอย่างได้ เหมือนว่าสิ่งนี้คือหอกยาวที่น่าสยองขวัญที่สุดในหล้า สามารถสังหารสิ้นสรรพสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท