ในโรงงานส่วนตัวสำหรับผู้บัญชาการกองทัพในวังแบล็คสตาร์ หานเซี่ยวเดินมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง วางมันบนโต๊ะ เปิดมัน หยิบเอาภาชนะทรงกระบอกสองใบออกมา ถือพวกมันไว้ในมือ
ความสามารถเอสเปอร์สีเขียวมรกตมีลักษณะเหนียวเหมือนของเหลว ส่วนอีกความสามารถเอสเปอร์แรกเริ่มอีกชนิดมีสีฟ้าเหมือนเมฆหมอก
ตัวสีเขียวมรกตรู้จักกันในชื่อ’พลังวิญญาณธรรมชาติ’ ซึ่งสามารถควบคุมพืชต่างๆและเร่งการเติบโตได้อย่างมาก มันสามารถเรียกสัตว์และครอบครองพลังธรรมชาติต่างๆได้เช่นเดียวกันดรูอิด ความสามารถต่อสู้มันอ่อนแอ แต่มันสามารถสกัดและสังเคราะห์สารพิษจากพืชหลายชนิดซึ่งเป็นผลดีต่อการวิจัย เทพอำนวยคงใช้ความสามารถนี้ปลูกพืชและสารพิษต่างๆ ตัวสีฟ้าชื่อ’อำนาจเยือกแข็ง’ ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะควบคุมความหนาวเย็นได้แต่มันยังเปลี่ยนน้ำแข็งกับหิมะให้เป็นนักรบโกเลมน้ำแข็งได้ชั่วคราว มันยังสามารถสร้างชุดเกราะกับอาวุธน้ำแข็ง สร้างปีกน้ำแข็ง กระจายความตายผ่านการขาดความร้อน.. กล่าวกันว่าเจ้านายที่ทรงพลังพอจะสามารถแช่แข็งโมเลกุลได้ในช่วงเวลาสั้นๆ สร้างผลกระทบต่อการหยุดมิติเวลา ความสามารถทั้งสองนี้ดีมาก เหนือสิ่งอื่นใด พวกมันถือเป็นความสามารถเอสเปอร์แรกเริ่ม แต่ผลของพวกมันเป็นรอง สิ่งหลักคือการทำให้ภารกิจฉันลุล่วง
ฉายา[ผู้สะสมความสามารถเอสเปอร์แรกเริ่ม]ช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับเอสเปอร์
สำหรับชิ้นส่วนวิหารสาม แม้มันจะดูไร้ประโยชน์ในตอนนี้ หานเซี่ยวก็รู้สึกว่ามันจะมีประโยชน์หลังเขารู้วิธีเปิดวิหารสามจากเทพอำนวย
ฉันควรมอบความสามารถเหล่านี้ให้กับใคร?
เขาค้นหาผู้สมัครในใจ
ตัวเลือกแรกควรเป็นอีวาน ด้วยพรสวรรค์เขา เขาควรสามารถเมินเฉยต่อปัญหาด้านการปรับตัวได้เหมือนเทพเอสและใช้ความสามารถเอสเปอร์ได้ง่ายๆ
แต่ทว่า เมื่อคิดดู หานเซี่ยวก็ปฏิเสธ ตอนนี้ ภารกิจแรกของอีวานคือเพิ่มระดับตัวเอง พัฒนารูปแบบการต่อสู้ตัวเองผ่านการดูดซับความสามารถต่างๆ ถ้าเขามอบความสามารถเอสเปอร์แรกเริ่มทั้งสองให้อีวาน เขาจะไม่เหลือพลังงานไปจดจ่อกับการค้นคว้า
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยระดับปัจจุบันของอีวาน เขาไม่มีโอกาสได้สู้ และความสามารถเอสเปอร์แรกเริ่มก็คงมีไว้ประดับเฉยๆ ฉันควรหาเจ้านายที่เหมาะสมสุดในหมู่เจ้าหน้าที่กองทัพ ทางเลือกสุดท้ายควรเป็นอีวาน
เมื่อพับเก็บเรื่องนี้ทิ้ง หานเซี่ยวก็เปิดที่เก็บข้อมูล นำเอาข้อมูลพิมพ์เขียวเกรดทองทั้งสองออกมาดู พิมพ์เขยวที่เทพอำนวยให้ล้วนเป็นเทคโนโลยีเก่า ซึ่งน่าจะเก็บไว้ตั้งแต่ยุคสำรวจและไม่พัฒนามาก หนึ่งในพิมพ์เขียวเรียกว่า’โอเบลิสก์’ซึ่งมีผลต่อการแปลงพลังงานและการก่อตัวของม่านพลังงาน สิ่งที่แยกมันจากม่านพลังงานไซโอนิคทั่วไปคือมันมีความต้านทานสูงต่อการโจมตีด้วยพลังงาน และยังสามารถดูดซับความเสียหายส่วนหนึ่งมาฟื้นฟูความทนทานของม่านพลังงาน
แต่นี่แค่คุณสมบัติพื้นฐานเท่านั้น หน้าที่หลักของมันคือการมอบพลังงานจำนวนมากที่สามารถหยิบยืมได้โดยไม่ต้องใช้ท่อส่ง พูดง่ายๆ ของชิ้นนี้สามารถเพิ่มความเข้มข้นของพลังงาน ณ พื้นที่นั้นให้หนาแน่นได้
ดังนั้น โอเบลิสก์จึงเทียบเท่ากับอาวุธเวทย์ซึ่งสามารถเพิ่มความเข้มข้นของพลังได้
เพราะโอเบลิสก์ให้พลังงานฟรีที่สามารถหยิบยืมได้โดยไร้ข้อจำกัด มันจึงไม่แตกต่างจากสิ่งที่อารยธรรมพื้นผิวถือว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ปัจจัยด้านพลังงานจะช่วยให้คนมีวิธีใช้พลังงานมากขึ้นและยังมีโอกาสสูงที่จะก่อให้เกิดระบบผู้ใช้พลังอื่น ในเวลาเดียวกัน การได้รับเตาพลังงานขนาดใหญ่จากโอเบลิสก์ยังสามารถส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว ช่วยให้คนธรรมดาครอบครองพลังต่อสู้ ผลของมันสามารถพูดได้ว่าคล้ายกับโทเท็มวิวัฒนาการ แต่จุดสนใจหลักต่างกัน อย่างแรกจะเพิ่มความหนาแน่นพลังงานโดยรวมภายในพื้นที่ ส่วนอย่างหลังเป็นการปรับยีนของคน เทียบกันแล้ว โทเท็มวิวัฒนาการหายากกว่า แต่ของเล่นชิ้นนี้ก็ยังมีประโยชน์ การวางมันไว้ในฐานของกองทัพสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกของสมาชิกได้ แถมยังวางขายให้ผู้เล่นได้ด้วย ต่อให้ปริมาณการขายจะเทียบกับโทเท็มวิวัฒนาการไม่ได้ มันก็ยังทำเงินได้ดี
เพราะเทพอำนวยให้ความสนใจกับความลับของมัน พวกเขาจึงไม่ขายโอเบลิสก์ของพวกเขา พิมพ์เขียวทั้งหมดนี้แค่เศษของสะสมในคลังพวกเขา พวกเขาไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยีจักรกล และเนื่องจากพวกเขาทำได้เกือบหมดด้วยเทคโนโลยีความสามารถเอสเปอร์ พวกเขาจึงเลือกมอบเส้นทางโชคลาภให้แบล็คสตาร์
ในความเป็นจริง พิมพ์เขียวที่องค์กรเทพอำนวยอยากนำออกมาไม่ใช่อันนี้ แต่ผู้รักษาสัจจะรู้สึกว่าแบล็คสตาร์เป็นคนที่ยากจะหยั่งถึง เขาจึงเปลี่ยนเป็นพิมพ์เขียวที่ดีขึ้น หวังว่ามันจะถือเป็น’ค่าคุ้มครอง’
พิมพ์เขียวอีกอันชื่อเก็ตตะ ฮาโดเค็น มันฟังเหมือนเทคนิคนักสู้ แต่จริงๆแล้วเป็นอุปกรณ์โจมตีแบบผสาน
อุปกรณ์นี้ต้องใช้การรวมกันของสายพลังงานและอาวุธ มันเป็นอุปกรณ์ซับซ้อนครบชุด แต่มันไม่ได้ประกอบกันเหมือนอาวุธปืน แต่กระจัดกระจายเหมือนยานบรรทุกภายนอก ด้วยวิธีการพิเศษของการรวมพลังงาน บีบอัดและการเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้จะปล่อยการโจมตีทรงพลัง และการโจมตีที่ออกมาก็เรียกว่า’เก็ตตะ ฮาโดเค็น’ อุปกรณ์นี้ไม่ได้มีแค่นั้น ตามเส้นทางปฏิบัติการที่ต่างกันของอุปกรณ์ มันมีรูปแบบต่างๆมากมาย รวมถึงการต่อสู้ระยะใกล้ กลางและไกล เส้นทางสนับสนุนนับสิบบันทึกไว้ในพิมพ์เขียว แต่ละเส้นทางแสดงวิธีการโจมตี มันมีชื่อเฉพาะของพวกมันโดยมีคำนำหน้าเหมือนกันว่า’เก็ตตะ’
แทนที่จะเรียกมันว่าพิมพ์เขียว สิ่งนี้ดูเหมือนคู่มือนักสู้สำหรับช่างกลมากกว่า มันเหมือนสิ่งนี้จะเหมาะกับนักสู้จักรกลมากสุด
หานเซี่ยวเกาหัว
ด้วยโอเบลิสก์กับเก็ตตะ ฮาโดเค็น บวกกับพิมพ์เขียวทองไขกระดูกสันหลังยักษ์และอาณาเขตจักรกลที่ได้รับจากสหพันธ์ ในที่สุดเขาก็รวมทุกอย่างได้
ด้วยพิมพ์เขียวในมือ สิ่งต่อไปที่จะทำคือเปลี่ยนให้มันเป็นของจริง
พิธีชมเชยสำหรับสามอารยธรรมจักรวาลจะจัดในอีกสองเดือน มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการขังตัวเองและผลิตของทั้งสี่ รับเอาแต้มการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งเทพเพิ่ม…ฉันอยู่ในที่ต้องแสงมากเกินไป มันดีกว่าที่จะเก็บตัวสักพัก ย่อยอิทธิพลและรักษาชื่อเสียงให้คงที่
หานเซี่ยวตัดสินใจ และรีบเขาสู่สถานะการผลิต
ในฐานลับแห่งหนึ่งของจักรวรรดิ กลุ่มเจ้าหน้าที่กำลังยุ่งอยู่กับห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องมือ กำแพงห้องฝั่งหนึ่งเป็นกระจกโปร่งใสขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่อาวุโสยืนด้านหน้ากระจก หนึ่งในนั้นคือผู้ดูแลฐาน อีกคนคือจ่าฝึก
ทั้งสองมองผ่านกระจก ก้มมองพื้นที่คล้ายปิรามิดคว่ำด้านล่าง ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในจุดลึกสุดลงไปร้อยเมตร ปลดปล่อยความผันผวนพลังงานรุนแรงและอนุภาคพลังงานเปล่งแสง มันกระจายไปรอบๆกำแพงก่อนรวมตัวกันด้านบนและตกลงไปซ้ำๆ
นี่คือสนามฝึกพิเศษของผู้ใช้พลังที่สามารถพัฒนาประสิทธิภาพการบ่มเพาะของพวกเขา ครั้งนี้ คนในห้องคือกอดด์ คนในห้องทั้งหมดกำลังยุ่งกับการอ่านความผันผวนพลังงานของกอดด์
ความคืบหน้าของเขาเร็วมาก นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี จ่าฝึกจ้องบุคคลด้านล่าง พยักหน้าด้วยความพอใจ
ถูกต้อง เขาคือคนที่มีความสามารถมากสุดในชั้น ไม่เพียงเขาจะมีศักยภาพ แต่ความสามารถของเขาก็ยังทรงพลัง บางทีสักวัน เขาคงมารับตำแหน่งแทนจ้าวแห่งความมืด คล็อตติ ผู้ดูแลฐานกล่าวชม
แบล็คสตาร์ยังอยู่ มันคงไม่ถึงคราวของเขาในเร็ววัน
ฉันแค่กำลังเดา และนอกจากนี้ แบล็คสตาร์ก็ไม่ใช่สายตรง
ทั้งสองคุยกันเสียงเบา
กอดด์ฝึกฝนมาหลายปีแล้วและเขาก็คืบหน้าเร็วมาก อุปสรรคทุกอย่างผ่านไปอย่างง่ายดายราวกับเขาไร้คอขวด การระเหิดในระดับชีวิตของเขาด้วยวิธีรุนแรงแบบนี้อันตราย แต่เขาก็ทำให้คนรู้สึกว่าเขาคุ้นเคยกับเส้นทางนี้มาก
ในสายตาทั้งสอง ต่อให้พรสวรรค์ของกอดด์จะไม่ดีเท่าแบล็คสตาร์ ผู้ทำลายทุกสถิติ แต่ก็อยู่ไม่ไกลเกิน
จ่าฝึกจ้องค่าพลังงานของเครื่องมือก่อนอุทาน ในอัตรานี้ เกรงว่าเขาคงจะเข้าสู่อาณาจักรผู้อยู่เหนือในสองถึงแปดปี นี่นับเป็นคนที่รวดเร็วสุดที่ฉันเคยเห็น…ยกเว้นแบล็คสตาร์
มันดูเหมือนเรากำลังจะได้เห็นการถือกำเนิดของผู้อยู่เหนืออีกคน ผู้ดูแลหัวเราะ เบื้องบนได้ส่งคนมาดูสองครั้งแล้ว มันดูเหมือนพวกเขาจะกังวลถึงความคืบหน้าของกอดด์มาก
มันเป็นความสำเร็จที่สามารถบ่มเพาะผู้อยู่เหนือสายตรงได้ ตราบเท่าที่กอดด์ยกระดับสำเร็จ ผู้ดูแลก็จะได้รับคำชมเช่นกัน
หลังคุยไร้สาระกัน ทั้งคู่ก็กลับไปเรื่องหลัก
รายชื่อผู้เข้ารับการฝึกใหม่นี้รวบรวมไว้แล้วหรือยัง? จ่าฝึกถาม
เรียบร้อยแล้ว ฉันกำลังเตรียมส่งให้นาย ผู้ดูแลฐานเรียกหน้าจอเสมือนขึ้นมาแสดงรายชื่อ
ฐานฝึกลับนี้ได้คัดเลือกผู้มีพรสวรรค์จากจักรวรรดิตามเป้าหมายเป็นระยะ ถ้ามีศักยภาพ จักรวรรดิก็ไม่รังเกียจที่จะเลี้ยงดูทารกจนถึงภัยพิบัติ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เพียงรับสมัครภัยพิบัติ แต่ยังแบ่งพวกเขาตามอันดับและสายที่แตกต่างกันตามเกรด
ยิ่งเกรดต่ำ การแข่งขันยิ่งรุนแรง ในเกรดที่ต่ำกว่าภัยพิบัติ มีระบบคัดเลือก ถ้าไม่ผ่านการประเมิน พวกเขาก็จะต้องเก็บข้าวของกลับกองทัพ
ถ้าทำไม่ได้ งั้นก็ออกไป
รายชื่อค่อนข้างยาว ทุกคนมีประวัติย่อ มีคนนับไม่ถ้วนที่มีเกียรติต่างกัน พวกเขาเป็นชนชั้นสูงของแต่ละกองยาน
จ่าฝึกมองดูและเมื่อมาถึงรายชื่อสุดท้าย เขาก็ผงะ เขาเห็นว่าในหมู่พวกหัวกะทิประวัติยาวเหยียด มีคนที่แทบไร้ผลงาน และใบหน้าโง่เขลาในรูปถ่ายก็ทำให้เขายิ่งดูแย่ไปอีก
คาร์ล็อตต์?ชายคนนี้มาจากไหน?ทำไมพวกระดับบนถึงเลือกคนธรรมดาให้เข้ามา?
จ่าฝึกแสดงสีหน้าสับสน
แม้ฐานลับจะไม่ได้รับแค่นักเรียนหัวกะทิ พวกเขาก็ต้องมีคุณสมบัติบ้าง แต่ชายคนนี้กลับเข้ามาได้ยังไง?
หรือจะมีเส้นสาย?
อย่าบอกนะว่าแม้แต่เบื้องบนของจักรวรรดิก็ยังแปดเปื้อน!
จ่าฝึกใจสลาย
ฉันไม่เข้าใจเหมือนกัน ผู้ดูแลลังเล มันดูเหมือนว่าแบล็คสตาร์จะแสดงความรู้สึกดีต่อคนคนนี้หลายปีก่อน แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีผลงานโดดเด่นจากเขาเลย เบื้องบนวางแผนให้โอกาสเขาดูว่านายสามารถฝึกเขาได้ไหม
แบบนี้นี่เอง.. จ่าฝึกขมวดคิ้ว ฉันรู้สึกว่านี่เป็นการเสียพื้นที่ มันผ่านมาหลายปีแล้ว ถ้าเขามีศักยภาพ งั้นเขาก็คงแสดงมาแล้ว มีประเด็นอะไรให้ต้องบ่มเพาะเขาด้วยแนวคิดของนักพนัน?
ถ้านายคัดค้านอย่างรุนแรง ฉันจะช่วยส่งต่อให้
จ่าฝึกขมวดคิ้วขณะไตร่ตรอง ในที่สุดก็ส่ายหัว ช่างมัน ในเมื่อพวกเบื้องบนตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะทำตามคำสั่งและให้โอกาสเขา..แต่ฉันจะไม่ยอมเบามือ ถ้าเขาไม่ผ่านการประเมิน เขาก็จะถูกคัดออก
ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมในที่นี่ จ่าฝึกจะชอบแค่นักเรียนหัวกะทิและขี้เกียจใช้พลังงานไปกับพวกกาก เขายังคิดว่าการเหลือบแลก็ยังเสียเวลา
ไม่เลว ผู้ดูแลเหลือบมองรายชื่อก่อนพูด งั้นฉันจะวางเขาไว้ในกลุ่มที่โดดเด่นสุดและให้คู่ต่อสุ้ที่ทรงพลังสุดกับเขา เขาคงอยู่ได้ไม่นาน ฉันประเมินว่าเขาคงออกไปในไตรมาสแรก
ผู้ดูแลเองก็มีความคิดเหมือนกัน การฝึกนักเรียนยากจนให้เป็นหัวกะทิไม่ได้สร้างผลงานทางการเมืองให้เขาเลย มีแค่การฝึกพวกหัวกะทิให้เป็นนักสู้ระดับสูง พวกเขาจึงได้รับความดีความชอบ
ดังนั้น เขาจึงไม่รังเกียจที่จะใช้อำนาจตนเพื่อกำจัดนักเรียนยากจนไร้คุณสมบัติออกไปก่อน
ในสายตาเขา นี่คือการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เหมาะสม และการอยู่รอดของคนที่เหมาะสมสุดก็คือกฏแห่งธรรมชาติ
ภายในสถาบันวิทยาศาสตร์ของจักรวรรดิคือสำนักงานโครงการตำแหน่งรูหนอน
สถาบันวิทยาศาสตร์แบ่งออกเป็นหลายทีมหลายโครงการ ตำแหน่งรูหนอนเป็นโครงการใหญ่และข้อมูลรูหนอนที่น่าสงสัยก็ถูกรวบรวมไว้ที่นี่ ข้อมูลรูหนอนที่เทพเอสทิ้งไว้แค่หนึ่งในเป้าหมายของโครงการวิจัย และมันก็แค่กลุ่มตัวอย่างที่ไม่สำคัญนัก
ขณะที่หัวหน้าทีมวิจัยกำลังคำนวณแบบจำลองรูหนอนในห้องทดลอง เลขาของเขาก็วิ่งมา
หัวหน้า คำอนุมัติจากเบื้องบนส่งมาแล้ว พวกเขาปฏิเสธการยื่นคำขอทดสอบรูหนอนของเรา
ปฏิเสธ? หัวหน้าทีมแปลกใจ นี่แค่ขั้นตอนทั่วไปไม่ใช่เหรอ?ทำไมพวกเขาถึงหยุดเรา?
หลังอนุมานส่วนหนึ่งของพิกัดรูหนอน การทดสอบคือขั้นตอนต่อไป อุปกรณ์ตรวจจับหลายคุณสมบัติก็จะถูกโยนผ่านรูหนอนเพื่อตรวจสอบสถานที่ ตำแหน่งเพื่อสร้างระบบพิกัดที่แม่นยำขึ้น นี่จะช่วยให้พวกเขาทดสอบได้ว่ามีการเบี่ยงเบนไปจากการอนุมานของพวกเขาหรือเปล่า ซึ่งเป็นวิธีทดลองทั่วไป หัวหน้าทีมค่อนข้างสนใจตัวอย่างทดลองชุดนี้ ซึ่งรวมถึงข้อมูลรูหนอนที่เทพเอสทิ้งไว้
เขาไม่สนใจมากนักเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่อีกด้านของรูหนอนและสาเหตุส่วนใหญ่ก็เพราะตัวอย่างนั้นคำนวณได้ยากมาก หลังกำหนดขอบเขต เขาจึงอยากรู้ว่าการคำนวณของเขาถูกต้องหรือเปล่า
เลขาดันแว่นขึ้น ตอบอย่างลังเล ผมไม่รู้รายละเอียด แต่มันดูเหมือนนี่จะเป็นคำแนะนำจากท่านแบล็คสตาร์ เบื้องบนคิดว่าคำพูดของเขาสมเหตุสมผล ดังนั้นการตรวจสอบมาตรฐานสำหรับโครงการส่วนใหญ่จึงเข้มงวดขึ้น
แบล็คสตาร์อีกแล้ว?
เขาดูเหมือนจะพูดถึงบางอย่างเกี่ยวกับพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอด เมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้น สามอารยธรรมจักรวาลจะไม่มีเวลาไปสนใจอะไร ดังนั้น มันจึงดีสุดที่จะลดความเสี่ยง ฝ่ายบริหารยอมรับข้อเสนอของเขาเกี่ยวกับโครงการรูหนอนเรา หัวหน้าทีมอดบ่นไม่ได้ แบล็คสตาร์เป็นแค่กึ่งนักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ว่าเขากำลังทำให้เราลำบากมากขึ้น?
ตอนนี้ หนึ่งในวิจัยถาม หัวหน้าครับ งั้น..เราจะยังทดการทดสอบไหมครับ?
เมื่อได้ยิน หัวหน้าก็รำคาญ อยากทำอะไรละ?โดยปราศจากคำอนุมัติจากเบื้องบน นายยังกล้าศึกษาแบบส่วนตัวอีกงั้นเหรอ?ดีมาก ไม่คิดเคารพผู้บังคับบัญชา ฉันคงต้องสั่งสอนนายหน่อยแล้ว มานี่ รับข้อมูลรูหนอนไร้การคำนวณไปและทำการคำนวณมา!ถ้าแก้สมการไม่ได้ งั้นวันหยุดปีนี้ของนายก็โดนยกเลิก!
…เอ่อ เรามีวันหยุดด้วยงั้นเหรอครับ? นักวิจัยที่มีปัญหาเกาหัวด้วยความสับสน