ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 553 แพ้ท้องหนัก

บทที่ 553 แพ้ท้องหนัก

บทที่ 553 แพ้ท้องหนัก

หลินชิงเหอคิดว่าเรื่องนี้มันช่างรู้สึกทรมาน ถ้าเธออายุน้อยกว่านี้หน่อย เธอก็คงไม่ต้องแพ้ท้องแบบเดี๋ยวมีเดี๋ยวหายแบบที่เป็นอยู่

นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปหลินชิงเหอจะได้รับรู้ว่าการเป็นแม่คนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เธอคล้ายกับจู่ ๆ รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาเองขณะเดินแบบนั้นเลย

ดังนั้นต่อให้หลินชิงเหอไม่เต็มใจที่จะลาออกจากงานแค่ไหน สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงต้องลาออก

โจวเอ้อร์นีให้หวังหยวนเป็นคนเลี้ยงแฝดมังกรหงส์เอง ส่วนหล่อนกับโจวซื่อนีก็มาเยี่ยมหลินชิงเหอที่บ้านนี้

“อาสะใภ้สี่ หนูได้ยินมาว่าอาแพ้ท้องหนักเลยเหรอคะ?” พอโจวเอ้อร์นีกับโจวซื่อนีมาถึง หลินชิงเหอก็กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก

“ใช่จ้ะ แพ้หนักเกินไปหน่อย” หลินชิงเหอพูด มองโจวเอ้อร์นี “ตอนเธอท้องลูกแฝด ทำไมไม่เห็นเธอเป็นอะไรเลยสักนิดเดียว?”

ไม่เพียงแค่โจวเอ้อร์นี โจวซานนีเองก็ไม่มีผลกระทบอะไรด้วยเช่นกัน พวกหล่อนพอท้องก็กินได้กินดี อยากอาหารกันทั้งวันทั้งคืน

แล้วทำไมหลินชิงเหอไม่เป็นแบบนั้นบ้าง? เธอไม่กล้ากินมากขึ้นแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นหากกินมากไปสักหน่อยหนึ่งก็จะรู้สึกอยากอาเจียนแล้ว

ยิ่งกลิ่นคาวปลายิ่งทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้

แต่จะให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร? อายุครรภ์ 3 เดือนแรกเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด ต่อให้หลินชิงเหอกินไม่ลงก็ต้องกินเนื้อกับอาหารทะเลมากหน่อย และยังมีผลไม้เป็นของว่าง เดิมทีเธอก็ต้องกินอยู่แล้วในทุกวัน เพราะจำเป็นต้องเพิ่มกรดโฟลิกให้เพียงพอ

เนื่องจากเห็นว่ามันมีประโยชน์ หลินชิงเหอจึงให้โจวชิงไป๋ต้มโจ๊กปลิงทะเลให้กินมา 3 วันแล้ว

พวกเขาบำรุงโภชนาการกันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เรียกได้ว่าไม่อาจทำให้เจ้าตัวเล็กในท้องขาดอะไรได้เลย แม้ว่าหลินชิงเหอจะไม่ได้หวังให้เขามาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขาก็ได้มาเกิดแล้วไม่ใช่เหรอ หล่อนต้องดูแลเขาอย่างดี

แม้ว่าโจวเอ้อร์นีจะเคยคลอดลูกมาก่อน แต่ก็ไม่มีประสบการณ์พอจะพูดอะไรได้ เพราะว่าสถานการณ์ที่คุณแม่แต่ละคนต้องเผชิญย่อมไม่เหมือนกัน

“ตอนที่ท้องพวกเจ้าใหญ่ คุณอาเป็นแบบนี้ไหมคะ?” โจวซื่อนีถาม

“นานเกินไปแล้ว อาจำไม่ได้แล้วละ” หลินชิงเหอพูด

“หนูได้ยินคุณย่าบอกว่าเมื่อก่อนไม่เป็นนะคะ ตอนที่คุณอาท้องเจ้าใหญ่คุณย่าบอกว่าสบายดีมาก นี่หมายความว่าอาจจะเป็นน้องสาวก็ได้?” โจวเอ้อร์นีพูด

“น้องสาวคนนี้ของเธออายุน้อยว่าแฝดของเธอเสียอีก” หลินชิงเหอพูดด้วยความรู้สึกหลากหลาย

โจวเอ้อร์นีแทบกลั้นขำไม่อยู่ “พวกเขาสมควรต้องเรียกน้าเล็กอยู่ดีค่ะ”

“คบกับกั๋วต้งเป็นยังไงบ้าง” หลินชิงเหอมองโจวซื่อนีแล้วถาม

“ช่วงนี้เขาต้องทำงาน เลยไม่ค่อยมีเวลาน่ะค่ะ” โจวซื่อนีพูด ถ้าเป็นตอนเย็นละก็เวิงกั๋วต้งยังพอมีเวลาว่าง แต่เธอเองสิที่ไม่มี เพราะเธอมีเรียนภาคค่ำ

เรียกว่าไม่ได้เจอกัน 2-3 วันแล้ว

“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอไม่ได้ชอบเขากันนะ” หลินชิงเหอพูดออกมาตามตรง

โจวเอ้อร์นีก็พูดอย่างอดไม่ได้ “หล่อนไม่สนใจเขาเลยค่ะ หนูไม่เคยเห็นหล่อนพูดถึงเขาเลย”

ตอนที่หล่อนคบหาดูใจกับหวังหยวน ยังไม่นิ่งเงียบแบบนี้เลย ตอนที่ยุ่ง ๆ นั้นก็แล้วไปเถอะ แต่พอมีเวลาว่างหล่อนมักจะคิดถึงหวังหยวนขึ้นมา

แต่น้องสาวของหล่อน กลับให้ความรู้สึกเหมือนคนห่างคนไกลอย่างไรอย่างนั้น

โจวซื่อนีมองอาสะใภ้สี่ของหล่อน และพูดออกมาตามตรง “หนูรู้สึกว่าเขาน่าจะไม่มองหนูหรอกค่ะ” ในเมื่อเขาไม่น่าจะมองเธอแบบนี้ งั้นทำไมเธอต้องเอาใจไปชอบเขาด้วย?

หลินชิงเหอกุมขมับ กลายเป็นว่าตอนนี้เวิงกั๋วต้งชอบไม่ชอบกลับไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นซื่อนีที่ยังไม่มีความรู้สึกอะไรกับเวิงกั๋งต้งเลยแม้แต่นิดเดียวใช่ไหมเนี่ย?

“ไม่สนพวกเธอแล้ว จัดการกันเอาเองเถอะ” หลินชิงเหอโบกไม้โบกมือ

ตอนนี้ตัวเธอเองก็ยังจะไม่รอดแล้ว ไหนเลยจะไปยุ่งเรื่องอื่นให้มากความได้?

“เมื่อวานหนูโทรศัพท์คุยกับแม่หนู แม่บอกว่าถ้าอาสะใภ้สี่ว่างให้โทรไปหาหล่อนหน่อยน่ะค่ะ” โจวเอ้อร์นีพูดยิ้ม ๆ

“ได้จ้ะ ถ้าฉันมีเวลาจะโทรกลับไปนะ” หลินชิงเหอพยักหน้า “เจ้าแฝดสองคนล่ะ”

“อยู่ที่โรงงานเสื้อผ้างานกับพ่อของพวกเขาน่ะค่ะ” โจวเอ้อร์นีพูด

“หวังหยวนงานยุ่งเหมือนกันนะ เธอกลับไปก่อนเถอะ” หลินชิงเหอพูด “ซื่อนีเธอก็กลับไปด้วยเถอะ ฉันว่าฉันจะไปนอนแล้ว”

เธอง่วงง่ายเกินไปแล้ว ขนาดกิน ๆ อยู่ยังรู้อยากนอนได้เลย โดยเฉพาะตอนนี้ที่อากาศยังคงหนาวเย็นอยู่ พอได้ขึ้นเตียงแล้วก็ไม่รู้สึกอยากลงมาอีก

โจวเอ้อร์นีและโจวซื่อนีไม่ได้อยู่นาน พวกหล่อนเดินมาที่ร้านเกี๊ยวและก็เจอโจวชิงไป๋กำลังห่อเกี๊ยวอยู่

“อาสี่หนูขอเกี๊ยว 1 กิโลนะคะ” โจวเอ้อร์นีพูด

โจวชิงไป๋พูด “เธอห่อกลับเอาเองได้เลย”

โจวเอ้อร์นีก็ถือเอาถุงไปห่อเกี๊ยวกลับ ตอนเที่ยงเพียงเอาเกี๊ยวออกมาก็กินได้แล้ว พอห่อเสร็จหล่อนก็เอาเงินใส่ไว้ในถัง

“พวกเราขอตัวกลับก่อนะคะ” โจวเอ้อร์นีพูด

“อืม” โจวชิงไป๋พยักหน้า

เขาห่อเกี๊ยวเสร็จหมดแล้ว ก็ส่งต่อร้านให้คุณป้าหม่าดูแลต่อ ป้าหม่ารู้เรื่องที่หลินชิงเหอท้อง แต่นางก็ไม่คิดจะเอาไปพูดข้างนอก

ตอนที่โจวชิงไป๋กลับมาถึงบ้าน หลินชิงเหอก็นอนหลับไปแล้ว ทั้งยังหลับลึกมากจนเขากลับมาเมื่อไรเธอก็ไม่รู้สึกตัวเลย

โจวชิงไป๋ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาไม่ได้ปลุกเธอ จัดการงานบ้านเสร็จก็มาที่ร้านเกี๊ยวแล้ว

“อาจารย์หลินละ” คุณป้าหม่าถาม

“นอนอยู่ครับ หล่อนขี้เซาทีเดียว” โจวชิงไป๋พูดยิ้ม ๆ

“ขี้เซาเป็นเรื่องธรรมดา อาจารย์หลินอายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ท้องนี้มาก็บังเอิญมากเลยนะ” คุณป้าหม่าพูด

หล่อนคิดว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะไม่มีลูกอีกแล้ว เนื่องจากพี่น้องโจวข่ายอายุตั้งเท่าไหร่กันแล้วละ?

โจวกุยหลายที่อายุน้อยสุดปีนี้ก็อายุ 17 ปี โตเป็นหนุ่มคนหนึ่งแล้ว

แต่ในเมื่อมาแล้วก็ถือว่าเป็นชะตาร่วมกัน อย่างไรก็ต้องคลอดออกมา

เรื่องงานที่เสียไปก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เพราะต่อให้พวกเขาไม่ทำงานก็สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้

หลินชิงเหอพอนอนถึงสิบเอ็ดโมงกว่า ก็เป็นโจวชิงไป๋เอาโจ๊กซี่โครงหมูเม็ดบัวกลับมาให้ หลินชิงเหอเพิ่งจะตื่นขึ้นมา

“ตอนนี้ฉันกลายเป็นหมูน้อยตัวหนึ่งแล้ว” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋พูด “ลองกินดูครับ ผมไม่ได้ใส่เกลือเยอะ ค่อนข้างจะจืด”

“จืดสิคะถึงจะดี” หลินชิงเหอพูด หลังจากนั้นหล่อนก็เริ่มทานโจ๊กซี่โครงหมูเม็ดบัว มันอร่อยมากจริง ๆ แต่หล่อนกลับทานไม่ได้มากเหมือนเดิม

หล่อนทานไปสองชาม ที่เหลือก็ให้โจวชิงไป๋ทานต่อแล้ว

“รอปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว พวกเราไปซื้อบ้านที่เซี่ยงไฮ้อยู่กันดีไหมครับ?” โจวชิงไป๋พูด

“ก็ได้ค่ะ” หลินชิงเหอไม่ออกความเห็น เรื่องพวกนี้ให้เขาจัดการไปก็พอ เขาต้องหาสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดให้หล่อนอยู่แล้ว

ช่วงบ่ายแม้ว่าหลินชิงเหอจะหาวออกมาหวอดใหญ่ แต่เธอไม่อยากจะนอนแล้ว เพียงงีบกลางวันไปพร้อมกับโจวชิงไป๋ครู่หนึ่ง เขาก็มาที่ร้านเกี๊ยวต่อ ส่วนเธอก็ออกมาโทรศัพท์กลับไปหาพี่สะใภ้ใหญ่โจว

พอโทรติดเสียงหัวเราะจากปลายสายก็ดังขึ้นทันที “สะใภ้สี่ฉันได้ยินจากเอ้อร์นีแล้วนะว่าเธอท้องแล้วใช่ไหมจ๊ะ?”

“ใช่ค่ะ พี่ว่าอายุขนาดฉันจะทรมานหรือเปล่าคะ” หลินชิงเหอพูดอย่างจนปัญญา

“อะไรกัน หอยแก่ฟักไข่มุก* ได้มอบไข่มุกให้น้องชายสี่ออกมาแบบนี้ น้องชายสี่คงจะดีใจจนหน้าบานเลยสิ” สะใภ้ใหญ่โจวพูดยิ้ม ๆ

(*เปรียบเทียบผู้หญิงอายุมากแล้วยังมีลูกได้)

“จริงสิพี่สะใภ้ใหญ่พี่มีเคล็ดลับอะไรไหม? ฉันแพ้ท้องหนักมากเลย อ้วกบ่อยมากเลย ” หลินชิงเหอพูด

“ฉันเห็นเมื่อก่อนไฉ่ปาเม่ยที่อยู่ข้างบ้านสะใภ้สามของหล่อนเมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ แต่ว่าพอผ่านไปสามเดือนก็ดีขึ้นแล้ว เธออดทนเถอะนะเดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว” สะใภ้ใหญ่โจวพูด

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

น้องอย่าทำคุณแม่แพ้ท้องบ่อย สงสาร

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท