บทที่ 384 อกตัญญู
ตระกูลเย้น ห้องหนังสือ
ตกแต่งด้วยสไตล์ขาวดำโทนเย็น ดูหรูหราและเคร่งขรึม ทำให้พื้นที่ทั้งหมดดูเข้มงวดมากเป็นพิเศษ ทำให้บรรยากาศหดหู่โดยไม่รู้ตัว
ในเวลานี้บนโซฟาหนังสีดำ มีชายชรา ผมขาวและใบหน้าเหี่ยวย่นกำลังนั่งอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาอายุมากแล้ว อย่างน้อยก็เจ็ดสิบกว่าปีแล้ว
อย่างไรก็ตามการตกตะกอนของยุคสมัย กลับไม่ได้ทำให้ขอบและมุมของเขาราบเรียบ แววตาของเขาคมเหมือนคบเพลิง และแรงพละกำลังรอบๆกายรุนแรง เป็นคนระดับสูงที่ชอบออกคำสั่ง
ดวงตาของเขาเฉียบคม และเขามองตรงไปที่โห้หลีเฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เสียงแก่ แต่ดุดัน“ เมื่อสักครู่นายไปเจอเย้นหว่านมาเหรอ?”
ตรงไปตรงมาตรง ตรงเข้าประเด็นโดยทันที
คิ้วของโห้หลีเฉินขยับเล็กน้อย การคาดเดาในใจได้รับการยืนยันแล้ว หยูฉู่สองรู้ตัวตนของเย้นหว่านตอนอยู่เมืองหนานจริงๆด้วย และตรวจสอบพบสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรอีกต่อไปแล้ว พูดอย่างตรงไปตรงมาจนหมดเปลือกเลยแล้วกัน
โห้หลีเฉินยืนตัวตรง เผชิญหน้ากับชายชราที่มีอำนาจและแข็งแกร่ง แต่กลับวางตัวอย่างไม่น้อยเนื้อต่ำใจและไม่เย่อหยิ่งจองหอง หรืออ่อนแอเลยแม้แต่นิด
เขาตอบน้ำเสียงทุ้มว่า “ใช่”
“เย้นหว่านเป็นคู่หมั้นของผม ผมไม่ยอมให้เธอแต่งงานกับหยูซือห้านแน่ๆ” ทีละคำ ท่าทีของโห้หลีเฉินยืนกรานแน่วแน่ และไม่มีว่าจะปรึกษาหารือเลยแม้แต่น้อย
หยูฉู่สองขมวดคิ้วอย่างรุนแรง และพละกำลังก็แข็งแกร่งมากขึ้นในทันที
เขาก็กำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงได้เรียกหาโห้หลีเฉินอย่างเร่งด่วน คิดไม่ถึงว่าหลานชายคนนี้ของเขาจะเจ้าอารมณ์มากกว่า ไม่รอให้เขาซักถาม ก็บอกการตัดสินใจของเขาโดยตรง
เขาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับเย้นหว่าน จะก่อให้เกิดผลกระทบและเสียงดังสะท้านในตระกูลหยูมากแค่ไหน?
ตั้งแต่คลอดเย้นหว่านออกมาก็กำหนดให้เป็นคู่หมั้นของหยูซือห้านแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนในตระกูลหยูยอมรับกันหมด และหลายปีมานี้ หยูซือห้าน ก็ไม่ได้แต่งงานมาโดยตลอด รอแต่เย้นหว่าน
ถ้าเย้นหว่านแต่งเข้ามาในตระกูลหยู ก็จะต้องเป็นภรรยาของหยูซือห้านเท่านั้น นี่ถึงจะเป็นสถานการณ์ที่ตระกูลหยูยอมรับได้
“เรื่องระหว่างนายกับเธอได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ตระกูลหยู นายกับเธอก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้! นายหยุดความคิดนี้ไว้แต่ต้นซะ”
หยูฉู่สอง ให้คำสั่งโดยตรง ด้วยท่าทีที่แข็งแกร่ง
โห้หลีเฉินเคยคิดเกี่ยวกับการตัดสินใจต่างๆของหยูฉู่สอง แต่ตอนนี้เห็นการต่อต้านอย่างเด็ดขาดของเขา ส่วนโค้งของมุมปากก็เย็นชาลงเล็กน้อย
“ ถ้าผมไม่ทำล่ะ?”
“ โห้หลีเฉิน!”
ไม้เท้าที่ยันในมือของหยูฉู่สองก็กระแทกลงกับพื้นสองสามครั้ง เสียงนั้นหนักหน่วงและทรงพลัง เต็มไปด้วยความโกรธและคำเตือน
เขาพูดอย่างโมโหว่า : “นายควรรู้ตัวตนและสถานการณ์ของตัวเอง!แม้ว่านายจะเป็นทายาทโดยตรงเพียงคนเดียวของฉัน และเป็นผู้สืบทอดตระกูลหยูที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด แต่นายก็ต้องรู้ด้วยว่า ตอนนั้นคุณแม่ของนายแอบหนีไป ตระกูลถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อเธออย่างมาก
ตอนนี้นายกลับมา โดยไม่มีรากฐานใด ๆ มีไม่กี่คนในครอบครัวที่สนับสนุนนาย ถ้าหากยังสร้างปัญหากับหลานชายเรื่องแย่งภรรยาอีกล่ะก็ นายจะยืนหยัดอย่างมั่นคง ในตระกูลหยูได้ยาก! ”
“ผมไม่สน”
โห้หลีเฉินตอบกลับโดยไม่คิด ท่าทางจำเป็นจะต้องชนะมากขึ้นไปอีก “ผมต้องการเย้นหว่าน ผมจะแต่งงานกับเธอ”
“ คุณไม่สนใจจริงๆเหรอ?นายจะรู้ว่า พอถึงตอนนั้นตอนนายอยู่ในตระกูลหยู จะลำบากมากแค่ไหน!”
หยูฉู่สองขมวดคิ้วอย่างเหี้ยมโหด พูดแต่ละประโยครุนแรงกว่าประโยคเดิมเรื่อยๆ “ จะมีทายาทเพียงคนเดียวในตระกูลหยู ถ้าหากนายเป็นไม่ได้ ไม่ได้รับการนับถือ ก็ยังเป็นแค่นายได้ และวิธีที่จะเปลี่ยนทายาท ก็คือการเสียชีวิตเท่านั้น ถ้าหากนายไม่สามารถยืนหยัดในตระกูลหยูได้ นายก็จะกลายเป็นปลาบนเขียงของคนอื่น จะถูกกดขี่ข่มเหง และแม้แต่ชีวิตก็จะสูญสิ้น!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นายก็ยังยืนยันที่จะขอแต่งงานกับเย้นหว่านอีกเหรอ? ”
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปากบาง แม้ว่าจุดจบจะเลวร้ายเช่นนี้ แต่เขากลับไม่ขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย บนใบหน้าหล่อเหลานั้น มีแค่เพียงความไม่เปลี่ยนแปลงและแน่วแน่
“ดื้อรั้น! ดื้อรั้นเหมือนแม่นาย! ดื้อรั้นอย่างไม่มีเหตุผล!”
หยูฉู่สองโมโหจนด่าทออย่างรุนแรง และเคาะไม้เท้าลงกับพื้นอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า
โห้หลีเฉินยืนหยัดอย่างไม่ได้รับผลกระทบใดๆ สาเหตุที่เขากลับมาตระกูลหยู ก็เพราะว่าเย้นหว่านและแบ่งแยกความสำคัญอย่างชัดเจนเช่นนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะวางลำดับหน้าหลังสลับกัน เพื่อตำแหน่งในตระกูลหยูและละทิ้งเย้นหว่าน
เขาอ้าริมฝีปากบางเล็กน้อย น้ำเสียงอย่างไม่แยแส “ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาต้องไปหาเย้นหว่านต่อ
หลังจากพูดเสร็จ โห้หลีเฉินก็หันตัวเดินออกไป การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบ
หยูฉู่สองโมโหจนตาแดง ดูแลตระกูลหยูมานานขนาดนี้ เขาคอยออกคำสั่งและสั่งการมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนเขามาก
ตอนนั้นหยูรั่วถองไม่ฟังเขา ตอนนี้ลูกชายของเธอก็ไม่ฟังเขาด้วยเช่นกัน
หน้าอกของหยูฉู่สอง กระเพื่อมขึ้นและลงอย่างรุนแรง และพูดด้วยความโกรธว่า:
“ ถ้าวันนี้นายกล้าก้าวออกจากประตูห้องนี้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่สนใจเรื่องของนาย ในตระกูลหยูอีก! ไม่มีการสนับสนุนจากฉัน นายอยู่ในตระกูลหยู จะตกอยู่ในภาวะลำบาก!
โห้หลีเฉิน นายคิดให้ดีๆ สิ่งแลกเปลี่ยนเช่นนี้นายรับไหวรึเปล่า? ”
โห้หลีเฉินกลับไปที่ตระกูลหยูโดยไม่มีรากฐาน คนในตระกูลไม่พอใจอย่างทั่วไป แต่เป็นเพราะสถานะทายาทเพียงคนเดียวของเขา และบวกกับวิธีการปราบปรามที่เหมือนสายฟ้าของหยูฉู่สอง ถึงทำให้เขาตั้งหลักในตระกูลหยูได้
แต่ถ้าหยูฉู่สองปล่อยมือ งั้นมือมืดที่อยู่ในความลับหลายๆคู่นั้น จะยื่นออกไปหาโห้หลีเฉินอย่างกำเริบเสิบสาน
ตระกูลร่ำรวยยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก ภูมิหลังและความแข็งแกร่งของตระกูลหยูจะไม่สามารถถูกดูถูกดูแคลนได้ พวกที่มีวิธีการอันน่าตกใจยิ่งกว่านั้น ถ้าโห้หลีเฉินรับมือกับพวกหลายๆคนเพียงคนเดียวนั้น จะเป็นเรื่องยากมากๆ …
เรียกได้ว่าไม่มีลุ้นกันเลยทีเดียว
ฝีเท้าของโห้หลีเฉินหยุดลงอย่างกะทันหัน ร่างสูงยังคงยืนตรง เหมือนหอกที่ไม่โค้งงอ แหลมราวคมราวกับแสง
เขาเม้มริมฝีปากบาง ๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ และก้าวใหญ่เดินออกไปข้างนอก
“ ไอ้เลว!”
เมื่อเห็นเงาคนหน้าประตูห้องได้หายไปแล้ว หยูฉู่สองก็โมโหจนเคาะไม้เท้าบนโต๊ะอย่างเหี้ยมโหด ขนมและถ้วยชาข้างบนก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลังจากออกจากห้องหนังสือ โห้หลีเฉินก็ไม่ได้หยุดพัก และรีบตรงไปที่สนามบินส่วนตัวที่เย้นหว่านกำลังจะจะออกเดินทาง
เย้นหว่านนั่งบนเครื่องบิน และมองออกไปนอกเครื่องบินผ่านหน้าต่าง ดวงตาสับสน ราวกับหนักราวว่ามีก้อนหินก้อนใหญ่ถูกกดอยู่ในใจ จึงทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวก
เมื่อไม่นานมานี้ เธอเพิ่งขึ้นเครื่องบิน ออกจากเมืองหนาน เพื่ออยู่ห่างจากโห้หลีเฉิน
ตอนนี้ เธอก็นั่งบนเครื่องบินอีก เพื่ออยู่ห่างจากโห้หลีเฉินอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอกลับไปที่ตระกูลเย้น ในที่ซ่อนลับขนาดนั้น ทั้งชีวิตนี้ก็คงจะไม่เจอโห้หลีเฉินจริงๆอีกแล้วสินะ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จิตใจของเธอก็ยิ่งหดหู่ และสับสนวุ่นวาย
สมองปรากฏเหตุการณ์ที่อยู่ในตระกูลหยูอย่างไม่หยุดหย่อน อุณหภูมิที่เขากอดเธอ และจูบเธออย่างนุ่มนวลนั้น …
เธออาลัยอาวรณ์มากๆ
แต่ผู้ชายคนนั้นไร้หัวใจและใจร้ายขนาดนั้น แม้ว่าเธอจะอาลัยอาวรณ์ต่อ ก็ไม่สามารถพัวพันกับเขาอย่างไร้ความสัมพันธ์แบบนี้ และถูกเขาใช้เป็นเครื่องมืออีกแล้ว
ที่เธอต้องการ ก็คือผู้ชายคนหนึ่งที่รักเธอด้วยหมดใจจริง
“คุณชายครับ มีรถหลายขับเข้ามาบนเส้นทางขึ้นบิน และปิดเส้นทางขึ้นบินไปหมดแล้วครับ”
ชายหนุ่มวัยรุ่นเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน และบอกเย้นโม่หลิน
เส้นทางทางขึ้นบินไม่สามารถถูกยึดไปใช้ได้ง่ายๆ และรถพวกนี้ขับเข้ามาก่อนที่เครื่องบินจะร่อนเห็นได้ชัดว่ามาสร้างความวุ่นวาย
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเย้นโม่หลินก็เย็นชาลงหลายระดับ รอบๆกายปรากฏแรงดื้อรั้นและทำให้ผู้คนกลัว
เขาลุกขึ้นยืน และเดินออกไปข้างนอก
เย้นหว่านมองออกไปนอกหน้าต่างโดยประหลาดใจเล็กน้อย ก็มองเห็นรถยนต์ยี่ห้อ Lamborghini สีดำคันหนึ่งขับเข้ามา มันเป็นรถที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ว่าหัวใจของเธอ กลับรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างประหลาด
ในสมอง อดไม่ได้ที่จะปรากฏใบหน้าของโห้หลีเฉินออกมา