ร่างกายของเย้นหว่านกระตุกขึ้นในทันที รู้สึกเหมือนเลือดในร่างกายของเธอเดือดดาลขึ้นมาทันที
“เพี๊ยะ—”
แส้กระทบลงบนร่างกายเล็กๆ ของโห้หยูเซิงอย่างแรง เสื้อผ้าตัวเล็กๆ ที่เขาสวมอยู่ ถูกแส้ฟาดจนฉีกขาด ผิวขาวของเขามีเลือดไหลออกมา และเกิดเป็นรอยแผลสีม่วงคล้ำในทันที
ใบหน้าซีดเซียวของโห้หยูเซิงตอนนี้เหมือนมีแป้งทาจนเต็มหน้า มันซีดเผือดไร้สีเลือด
มันซีดเซียวมาก
แต่ถึงแม้จะถูกแส้ฟาด แต่เขาก็ไม่ส่งเสียงร้องออกมา เขานั่งลงบนพื้น ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ท่าทางต่อต้านและไม่ยอมแพ้
เขามองไปที่ผู้ชายคนนั้น เหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว ดูเหมือนจะทำให้เขาปิดกั้นตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวอีกครั้ง ไม่ให้ใครเข้ามาได้
นี่เป็นช่วงที่อาการโรคปิดกั้นตัวเองของโห้หยูเซิงรุนแรงที่สุด ถึงได้เป็นแบบนี้
หัวใจของเย้นหว่านเหมือนถูกมีดทิ่มแทง
ไอ้บ้าพวกนั้น กล้าทำร้ายโห้หยูเซิงได้ยังไงกัน เขายังเด็กถึงขนาดนั้น!
“เด็กบ้า ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ากระดูกแกแข็ง หรือว่าแส้ของฉันจะเจ็บกว่ากัน”
ผู้ชายคนนั้นก่นด่า แล้วฟาดแส้ลงบนร่างของโห้หยูเซิงอีกครั้ง
ทันใดนั้น มีรอยแผลใหม่เพิ่มขึ้นมา แล้วมีเลือดไหลลงมา
สีหน้าของโห้หยูเซิงซีดมาก ร่างกายเล็กๆ ของเขานั่งไม่มั่นคง และสั่นเทาอย่างรุนแรง
หัวใจของเย้นหว่านแทบแหลกสลาย
น้ำตาของเธอไหลออกมาเต็มหน้า เธอทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ในสมองมีเพียงความคิดเดียว คือต้องปกป้องลูก ปกป้องลูก!
เธอหันกลับแล้ววิ่งไปที่ประตู แล้วเพิ่งวิ่งไปที่ประตู จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาคว้าเธอไว้
“ปล่อย…ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
ทันทีที่เย้นหว่านเอ่ยพูด ปากของเธอก็ถูกปิดไว้แน่น
ชายหนุ่มลากเธอกลับไปในห้องด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แล้วผลักเธอติดผนังห้อง ทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้
“ใจเย็นก่อน! ถ้าออกไปตอนนี้เราจะตายกันทั้งหมด”
“อื้อ!”
เย้นหว่านรู้สึกกังวลใจมาก ในหัวแทบจะระเบิด
ในสถานการณ์แบบนี้ เธอจะนิ่งสงบอยู่ได้ยังไงกัน?
นั่นคือลูกชายของเธอ แล้วยังเป็นโรคปิดกั้นตัวเองด้วย รับแรงกระทบไม่ได้
“ถึงคุณออกไปแบบนี้ก็ช่วยโห้หยูเซิงไม่ได้ ตอนนี้เขาแค่ถูกทำร้าย แต่ถ้าคุณออกไปลูกชายของคุณจะถูกฆ่า คุณอยากให้เขาถูกฆ่าหรือไง”
คำพูดต่อว่า เหมือนน้ำแข็ง ที่ถูกราดใส่ศีรษะของเธอ
สมองของเธอว่างเปล่า ถูกทำให้สงบลงเล็กน้อย
ก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหลออกมา ราวกับน้ำตก ทำให้มือของเด็กหนุ่มเปียกไปในพริบตา
ชายหนุ่มมองที่มือของเขา ท่าทางของเขาสั่นเล็กน้อย ส่วนลึกของหัวใจเขาถูกกระตุกขึ้นมา
น้ำตาของคนเป็นแม่
เป็นความรักที่มีต่อลูก
แต่ในชีวิตของเขา คงไม่สามารถรู้สึกได้แล้ว
ตั้งแต่จำความได้ มีเพียงวิธีในการเอาชีวิตรอดจากกฎเกณฑ์ที่โหดร้ายนี้ เขาไม่เคยรู้เลยว่าแม่ที่พาเขามาที่โลกใบนี้หน้าตาเป็นยังไง
และไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าการได้รับความรักจากแม่ มันเป็นยังไง
แต่บางที เธอก็คงเหมือนกับเย้นหว่านที่อยู่ตรงหน้าเขา ต้องมาร้องไห้เพื่อเขาและเป็นห่วงเขา
มือของเด็กหนุ่มที่ปิดปากของเย้นหว่านไว้ค่อยๆ คลายลง ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยความหดหู่ ในห้องมืด มีเพียงเสียงร้องไห้ของเย้นหว่านดังอยู่
นอกจากนี้ยังมีเสียงแส้จากออกมาจากห้องข้างๆ
แส้ทุกอันเหมือนตีลงบนร่างกายของเย้นหว่าน มันทรมานจนแทบขาดใจตาย
“พวกเขาจะไม่ฆ่าเด็กง่ายๆ หรอก พวกเขาแค่ทำให้พวกเขาลำบาก เพื่อสั่งสอนพวกเขา ให้พวกเขาเชื่อฟัง คุณทนไว้ก่อน มันผ่านไปแล้ว ขอแค่ช่วยเด็กๆ ออกไปได้ แค่นั้นก็พอแล้ว”
ผ่านไปแล้ว พูดได้ง่ายจริงๆ
เหตุการณ์นี้ ในหัวใจของโห้หยูเซิง จะทิ้งความทรงจำที่ไม่ดีให้เขาไว้ เธอยังพยายามรักษาโรคปิดกั้นตัวเองของโห้หยูเซิงให้หาย ช่วงที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าโห้หยูเซิงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและดูผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว
ในภายหน้า เขาน่าจะค่อยๆ กลายเป็นเด็กปกติ
แต่ว่า ตอนนี้มาเจอเรื่องแบบนี้ เธอกลัวว่าอาการของโห้หยูเซิงจะรุนแรงขึ้น และทำให้เขากลัวโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น
แล้วยังทิ้งความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนไปชั่วชีวิตกับเขาได้
เย้นหว่านเกลียดตัวเองมาก เกลียดตัวเองที่ทำไมเธอถึงไม่มือเร็วกว่านี้ ทำไมเธอคว้าโห้หยูเซิงไว้ไม่ได้ มันเป็นเพราะความประมาทของเธอที่ทำให้เขาวิ่งหนีออกมาเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้
เป็นความผิดของเธอเอง เป็นความผิดของเธอ
เย้นหว่านปิดหน้าของเธอ แล้วนั่งยองๆ ลงกับพื้น ก่อนจะเอาหัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอแล้วร้องไห้ออกมา แต่เธอทำยังไงก็ร้องไห้ออกเสียงไม่ได้ ร่างกายของเธอเองก็ตกใจเช่นกัน
เด็กหนุ่มยืนตัวตรง มองเธออย่างแข็งทื่อ ความรู้สึกซับซ้อน
สักพักก็มีเสียงผู้ชายดังมาจากห้องข้างๆ
“พอได้แล้ว อย่าตีจนตาย เอาไปใส่ไว้ในกรงก็พอ ถ้าไปถึงที่นั่น จะมีคนฝึกเขาเอง ไม่ต้องให้เราเสียแรงหรอก”
“หึ ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งนี้มีเด็กไม่พอ ฉันจะฆ่าเด็กคนนี้เดี๋ยวนี้เลย”
ผู้ชายคนนั้นตะโกนใส่เขา และหยุดการเฆี่ยนตี
จากนั้นมีเสียงเปิดปิดประตูเหล็กก็ดังขึ้นมา
เด็กหนุ่มบอกว่า นี่เป็นกรงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับขังเด็ก และเด็กที่ไม่เชื่อฟังก็ถูกขังอยู่ในนั้น และถูกส่งตัวไปเหมือนสัตว์
เย้นหว่านนิ่งฟังอย่างเงียบๆ เธอกัดริมฝีปากจนห้อเลือด
ปฏิบัติต่อคนเหมือนเป็นสัตว์?
เฆี่ยนตีเด็กอย่างโหดร้าย?
พวกนี้มันไม่ใช่คน!
เธอจะให้พวกเขาตาย ให้พวกเขาตกขุมนรกสิบแปดชั้น!
หลังจากซ่อนตัวอยู่ในห้องข้างๆ เป็นเวลานาน คนสุดท้ายก็อพยพออกไปแล้ว เด็กหนุ่มก็เดินพาเย้นหว่านออกมาเงียบๆ
เย้นหว่านยืนอยู่ตรงประตู มองดูสภาพที่น่าอนาถในห้องข้างๆ
เธอจ้องตรงไปที่รอยเลือดสดบนพื้น
นี่คือจุดที่โห้หยูเซิงถูกแส้เฆี่ยน เลือดบนพื้นเป็นเลือดของเขาทั้งหมด เด็กอายุน้อยขนาดนั้น ตัวเล็กขนาดนั้น กลับมีเลือดไหลออกมาเยอะขนาดนี้
ตอนนี้ เขาจะเป็นยังไงบ้าง
มันต้องเจ็บมากแน่ๆ
เย้นหว่านยกมือจับหน้าอกของเธอ แม้แต่ตอนหายใจเธอก็รู้สึกเจ็บ ความรู้สึกนี้ มันทุกข์ทรมานมาก
“พวกเรารีบตามออกไปเถอะ”
เด็กหนุ่มพูดเร่ง
เย้นหว่านไม่สามารถเคลื่อนย้ายสายตาไปได้ แต่ถูกเด็กหนุ่มลากตัวไป
ชายหนุ่มพาเย้นหว่านไปที่ห้องเก็บของ แล้วยัดเธอลงในกล่องกระดาษแข็ง เพื่อซ่อนเธอไว้ ก่อนจะยกกล่องลงมาชั้นล่าง
พอลงมาข้างล่าง ก็มีผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“หมายเลข 73 ให้นายไปขนของหน่อย ทำไมถึงช้าแบบนี้”
“ผมปวดท้อง เมื่อตะกี้ไปเข้าห้องน้ำมา”
“ม้าขี้เกียจมันขี้ม้าเยอะว๊ะ เร็วเข้า วางกล่องลง เราจะออกเดินทางกันแล้ว”(ม้าขี้เกียจมันขี้ม้าเยอะหมายถึงคนขี้เกียจชอบหาข้ออ้างอู้งาน)
พอจบคำสั่งของผู้ชายคนนั้น เด็กหนุ่มก็รีบวางกล่องลง แต่ตอนที่เขาเดินไปที่รถบรรทุก เขาพบว่ากล่องนั้นยัดใส่เข้าไปไม่ได้
ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ใครให้นายมาช้า ที่ว่างเต็มแล้ว นายเอากล่องนั้นไปใส่ในรถนั้นก็แล้วกัน”
เด็กหนุ่มไปที่รถอีกคันพร้อมกับกล่องที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา
ห้องเก็บท้ายรถบรรทุกถูกเปิดออก ด้านในมีกรงเหล็กหลายกรงที่มีขนาดไม่ถึงหนึ่งลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีเด็กที่มีรอยแผลเป็นอยู่ทั่วร่างกายอยู่ข้างในนั้น
กรงเหล็กทับซ้อนกันเหมือนกับกรงสัตว์ในร้านขายสัตว์เลี้ยง
แต่ข้างในล้วนเป็นคน
ถึงแม้เด็กหนุ่มจะเห็นภาพนี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่แค่เห็นสีหน้าของเขาก็ยังหดหู่ ราวกับว่าเขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะอดทนกับบางสิ่งบางอย่างอยู่
สายตาของเขาจ้องมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จากนั้น เขาก็มองออกไปทางอื่นอย่างเฉยชา แล้ววางกล่องกระดาษแข็งไว้ข้างกรงเหล็ก แล้วปิดประตูรถตามหลัง