ลูกเขยมังกร – บทที่ 903 เปิดโปงแผนชั่วร้าย

บทที่ 903 เปิดโปงแผนชั่วร้าย

เดิมทีเฟิ่งซีคิดอยากจะบุกเข้าไปด่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงสักยกหนึ่ง แต่กลับถูกหลงหลินห้ามเอาไว้ “เขาจะเป็นยังไงนั้นเดิมทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอยู่แล้ว พวกเราก็ได้ทำสิ่งที่พวกเราควรจะทำแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”

เฟิ่งซียังคงมองอย่างโกรธแค้น แต่ก็เดินตามหลังหลงหลินออกไปด้วยกัน

เฉินเฟิงก็เดินตามหลังพวกเธอไป แต่ว่าร่างกายกลับรู้สึกอ่อนล้ามากยิ่งขึ้น เดินทีร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บเช่นนั้นอยู่แล้ว ประกอบกับการที่ไปบีบเค้นพลังภายในที่ซ่อนอยู่ออกมาจนหมด เขากลัวว่าถึงเวลานั้นแล้วตัวเองก็จะต้องสลบล้มลงไป

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากที่พวกเขาเดินออกจากที่นี่แล้ว หนำซ้ำยังไม่ทันถึงข้างนอกเลย เฉินเฟิงก็ล้มลงไปอย่างกะทันหัน

ทำให้หลงหลินสองคนพี่น้องตกใจไม่ทันได้ตั้งรับ พวกเธอจึงรีบพุ่งตรงเข้าไปตรวจดูอาการ แต่ว่าไม่ว่าพวกเธอจะตะโกนเรียกอย่างไร เฉินเฟิงก็ได้สลบแน่นิ่งไปแล้ว

ในขณะที่หลงหลินสองคนพี่น้องกำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น ก็มีผู้ชายใส่สูทสีดำสองคนเดินจากข้างนอกเข้ามา พวกเขาดูเหมือนจะลงมือกับเฉินเฟิง

หลงหลินรีบเข้าไปขวางตรงหน้าพวกเขา แล้วตะโกนพูดกับสองคนนั้นว่า “พวกแกคิดจะทำอะไร?”

แต่ว่าไอ้สองคนนั้นกลับไม่สนใจหลงหลินแม้แต่นิดเดียว ได้แต่เดินเข้าไปแล้วแบกเฉินเฟิงขึ้นบนหลังไป จากนั้นก็เดินมุ่งตรงออกไปข้างนอก

หลงหลินก็คิดที่จะเข้าไปขวางอีก แต่หนึ่งในคนพวกนั้นก็บอกว่า “พวกเรามาช่วยเขา สภาพเขาตอนนี้ถ้าไม่รีบช่วยละก็ คงต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”

หลงหลินเมื่อครู่ได้ตรวจดูสภาพร่างกายของเฉินเฟิงครั้งหนึ่งแล้ว ก็เป็นอย่างที่เจ้าสองคนนี้พูดจริงๆ ร่างกายของเฉินเฟิงย่ำแย่มากทีเดียว มิหนำซ้ำขาข้างหนึ่งก็ได้ก้าวเข้าไปเหยียบอยู่ในสุดเขตแดนแห่งความตายแล้ว

แต่ว่าไอ้คนแปลกหน้าสองคนนี้ เธอคิดดูแล้ว จึงได้แต่เดินตามหลังพวกเขาไป

เมื่อมาถึงข้างนอก ไป๋ซิงก็ยืนรออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นหลงหลินก็เดินตามมาด้วย จึงไปหยิบกระเป๋ายาใบหนึ่งลงมาจากรถ แล้วโยนไปให้หลงหลินตรงหน้า

“สภาพเขาตอนนี้ ถ้าคุณช่วยเขาไม่ได้ละก็ งั้นเขาก็คงมีแต่ตายอย่างเดียว”

หลงหลินก็ยังแสดงท่าทีไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ แต่เธอรู้ว่าสถานการณ์ของเฉินเฟิงตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตแล้ว จึงได้แต่ปล่อยวางความสงสัยทุกอย่างลง รีบช่วยเฉินเฟิงขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง

หลงหลินตะโกนพูดกับเฟิ่งซีว่า “รีบฝังเข็มให้เขาเร็ว”

เฟิ่งซีเดินไปตรงหน้าพวกเขาด้วยความกังวลใจ มองเห็นสภาพของเฉินเฟิงที่นอนอยู่บนพื้นแล้ว อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

หลงหลินตะโกนห้ามไว้ว่า “รีบลงมือเร็วเข้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่แกจะมาโศกเศร้าเสียใจแล้ว”

เฟิ่งซีจึงรีบเปิดกระเป๋ายานั้นออก แล้วหยิบชุดถุงสำหรับใช้ฝังเข็มออกมา ส่วนตอนนี้หลงหลินก็ได้ถอดเสื้อผ้าของเฉินเฟิงออก

รอยบาดแผลเป็นทางที่น่าสะพรึงกลัวบนร่างของเฉินเฟิงนั้นก็ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกสยดสยองทันที เฟิ่งซีตกใจกลัวจนร้องตะโกนออกมา หลงหลินก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆจึงควบคุมสติอารมณ์ตัวเองไว้ได้

“อย่าเสียสมาธิ” เธอยังปลอบโยนเฟิ่งซีอีกด้วย

เฟิ่งซีควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ แล้วหยิบเข็มทองจากถุงออกมาหนึ่งเล่ม ปักลงไปตรงจุดเทียนฉวนของเฉินเฟิง

ส่วนหลงหลินทางนี้ขณะเดียวกันก็ได้ดึงเข็มออกมา แล้วปักลงไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเฟิ่งซีเสียอีก

ทั้งสองคนจึงสลับกันฝังเข็มด้วยความว่องไวเช่นนี้ เข็มที่ใช้ฝังหนึ่งชุดก็ได้ปักกระจายลงไปทั่วร่างของเฉินเฟิงจนหมดแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่เคยรักษานายท่านเชียนนั้น ยังยุ่งยากมากกว่าเสียอีก

ขณะที่ฝังเข็มไปได้ประมาณร้อยกว่าเล่มนั่นเอง ไป๋ซูก็พาลูกน้องเดินออกมาจากประตูทางออก

สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือเฉินเฟิงที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่นั่น ต่อมาก็คือไป๋ซิงที่ยืนจ้องมองเขาอยู่อีกด้านหนึ่ง

เขาจึงถามอย่างตกตะลึงว่า “เป็นแกได้ยังไงกัน?”

ส่วนไป๋ซิงก็ตอบอย่างเรียบเฉยว่า “หรือว่าแกคิดไม่ถึงเลยเหรอ? ไอ้น้องชายแสนโง่เขลาของฉัน”

ไป๋ซูหันไปมองหลงหลินสองพี่น้องที่กำลังเหงื่อไหลหยดเต็มหน้า พูดกับไป๋ซิงต่อไปว่า “แกทำลายแผนฉันขนาดนี้ หรือว่าคิดว่าฉันไม่กล้าลงมือกับแกล่ะ คนในตระกูลเราตอนนี้ใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่าฉันเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลรุ่นต่อไป แกก็เป็นได้แค่เครือญาติเท่านั้นแหละ ถ้าฉันจะจัดการกับแกละก็ ไม่มีใครกล้าขัดขวางทั้งนั้น”

ไป๋ซิงแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเศษสวะในตระกูลเราพวกนั้น คำพูดของพวกเขาแกก็ยังไปเชื่ออีกเหรอ มันช่างน่าขำสิ้นดี ฉันก็แค่เอาโรงงานเหมืองแร่ที่หนึ่งออกมา คนพวกนั้นต่างก็คุกเข่ากราบลงแทบเท้าฉันแล้ว หัวหน้าครอบครัวเหรอ มันต้องมีความสามารถเพียงพอจึงจะเป็นได้”

ดูเหมือนไป๋ซูก็รู้จักนิสัยของไอ้คนพวกนั้นดี แต่ก็คิดไม่ถึงว่าไป๋ซูถึงกับกล้าเอาโรงงานเหมืองแร่มาซื้อใจไอ้คนพวกนี้ได้

ถึงแม้รู้ว่าตัวเองเสียหน้าแล้ว แต่ก็ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองเช่นกัน ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปก็รังแต่จะถูกคนเขาหัวเราะเยาะ จึงรีบพาลูกน้องข้างกายตัวเองเดินออกจากที่นี่ไป

ส่วนหลงหลินสองพี่น้องที่กำลังฝังเข็มอยู่นั้นก็มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแล้ว ความเร็วในการฝังเข็มของพวกเธอยิ่งรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สำหรับหลงหลินแล้ว ก็นับว่ายังไม่เท่าไหร่ แต่ว่าเฟิ่งซีนั้นเหงื่อไหลไคลย้อยมานานแล้ว หยาดเหงื่อไหลลงมาอาบแก้มทีละหยด จนเสื้อผ้าเปียกแฉะไปทั้งตัว

หลงหลินพูดว่า “ถอนเข็ม”

เฟิ่งซีจึงหยุดกิจกรรมในมือของตัวเองลง จากนั้นก็เริ่มถอนเข็มเงินที่ปักอยู่ตามจุดฝังเข็มบนร่างกายของเฉินเฟิงออกมา

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้นต่างหาก

หลังจากที่เฟิ่งซีนำเข็มทองมาเผาฆ่าเชื้ออีกครั้งแล้ว หลงหลินก็เริ่มนำกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อกระตุ้นให้ลมปราณในร่างกายของเฉินเฟิงได้ไหลเวียนดีขึ้น

ทำการถอนเข็มสลับกับฝังเข็มเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่หยุดยั้ง เวลาผ่านไปแล้วครึ่งค่อนวัน แม้แต่หลงหลินก็เริ่มจะทนไม่ค่อยไหวแล้ว

เฟิ่งซีจึงรีบพูดว่า “พี่ ที่เหลือให้ฉันทำแทนเถอะ”

หลงหลินก็รู้ว่าถ้าใช้เทคนิควิธีการฝังเข็มชุดนี้ต่อเนื่องไปอีก อาศัยลำพังเธอเพียงคนเดียวคงทำไม่ไหวแน่ จึงพยักหน้า แล้วแลกเปลี่ยนงานในหน้าที่ของตัวเองกับเฟิ่งซี

แม้แต่คนพวกที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แต่ว่าลมหายใจที่แผ่วเบาของเฉินเฟิงนั้นก็ยังคงรักษาไว้ได้แล้ว ยังไม่ถึงขั้นที่ขาดหายไปจนหมดสิ้น

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ไป๋ซิงให้คนขับรถมาเปิดไฟหน้ารถช่วยส่องสว่างให้กับพวกเธอ จนกระทั่งไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว เฟิ่งซีก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ถึงกับนอนสลบลงไปกับพื้นตรงนั้น

หลงหลินจึงได้แต่ทำหน้าที่สองอย่างในเวลาเดียวกันโดยลำพังจนสำเร็จลุล่วง สำหรับเธอแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ท้าทายมากที่สุดทีเดียว

หลังจากลมหายใจที่แผ่วเบาของเฉินเฟิงนั้นก็ค่อยๆกลับสู่สภาวะการหมุนเวียนที่ปกติแล้ว หลงหลินก็ไม่อาจที่จะฝืนทนต่อไปได้อีกแล้ว ก็ล้มลงนอนสลบไปกับพื้นทั้งที่เข็มทองเล่มหนึ่งยังคาอยู่ในมือเธอ

มองดูคนทั้งสามที่นอนสลบอยู่บนพื้นนั้น ไป๋ซิงก็พูดกับคนที่อยู่ข้างๆว่า “ยกพวกเขาขึ้นไปในรถด้วย”

แล้วคราวนี้ตื่นมาอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปอยู่ในสถานที่ใดได้อีก

แต่คราวนี้เฉินเฟิงตื่นขึ้นมา เขาไม่ได้อยู่ในคุกใต้ดินที่มองไม่เห็นแสงตะวันอีกแล้ว แต่กลับนอนอยู่บนเตียงใหญ่ที่สะอาดสะอ้าน และยังมีหญิงสาวที่สวยงามมากคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงอีกด้วย

ใบหน้าที่เรียวยาวสะสวย ผมยาวสลวยดกดำเป็นเงา ริมฝีปากที่แดงหยาดเยิ้มสดใส และยังมีดวงตาทั้งคู่ที่สวยสดงดงามส่องประกายแวววาว

ผิวหนังที่อ่อนนุ่มบางใสวิ้ง รูปทรงองค์เอวสำหรับความเซ็กซี่ของผู้หญิงนั้นเห็นส่วนเว้าส่วนนูนได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนมีขนาดใหญ่เล็กที่พอเหมาะพอดี ขณะที่เฉินเฟิงมองดูเธออยู่นั้น ผลที่ได้รับกลับมาก็คือสีหน้าที่โกรธเคืองของเธอ

“หรือว่าเวลาที่คุณเจอหน้าคนครั้งแรก ก็จ้องมองคนแบบนี้เลยเหรอ?”

น้ำเสียงสดใสกังวาน ราวกับเสียงนกขมิ้นที่ร้องขับขาน ทำให้เฉินเฟิงถึงกับไม่ได้ยินเนื้อหาที่เธอพูดจึงไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท