พวกเฮฮาเจ็ดคนเล่นสนุกตลอดเวลา ตอนที่นางง่วงเหงาหาวนอนมักมีเรื่องราวเฮงซวยทำให้นางสดชื่น
เทียนชี่ไม่ได้สนใจนาง เอ่ยวาจาเจื้อยแจ้วชี้แนะยงเสวี่ยกับจื่อหรุ่ยว่าออกแรงอย่างไร
เผยซูนอนหลับบนต้นไม้เหนือศีรษะนางด้วยหน้าตาฟกช้ำ พาให้ใบไม้ร่วงใส่ศีรษะนางบ่อยครั้ง อิงไป๋ดื่มสุราอยู่อีกฝั่งหนึ่งด้วยหน้าตาฟกช้ำ บางครั้งเรอออกมาเป็นกลิ่นเหล้า ทุกผู้คนพากันตกอกตกใจ
ช่วงเย็นวันรุ่งขึ้น จิ่งเหิงปัวบังคับจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยไปนอนสักพัก สองวันสองคืน เด็กหญิงที่อยู่ดีกินดีสองคนซักผ้าจนมือถลอกหมดแล้ว
ช่วงบ่ายวันที่สาม ทุกผู้คนมาชุมนุมกันบนยอดเขา จ้องมองจิ่งเหิงปัวด้วยสายตาแพรวพราว
ท่านอาจารย์จื่อเวยก็โผล่มาแล้ว ท่าทางสูงส่งงดงามเป็นนิจเช่นนั้น พร้อมพาอินทรีขาวที่เขาแสนโปรดปรานมาด้วย มองจากไกลๆ ดุจดั่งเทวดาตกสวรรค์ชั้นฟ้า พออ้าปากก็ไม่สง่างามแม้แต่น้อยแล้ว “ฮ่าๆๆ พอนึกว่าได้หักคะแนน อีกทั้งได้เห็นพวกเจ้าขายหน้า ข้าผู้ชราก็มีความสุขเป็นล้นพ้นแล้ว…”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเขา จิ่งเหิงปัวจ้องเขาเขม็งพลางเริ่มร้องเพลงเสียงดังว่า “อาซือเตออาซือเตอไอยาโยว…”
พอเริ่มโบกมือ กางเกงชั้นในลอยลงอ่างน้ำติดต่อกัน จื่อหรุ่ยใช้มือซ้ายรับตัวต่อไป มือขวาซักเสร็จหนึ่งตัวโยนไปให้ยงเสวี่ยแล้ว ยงเสวี่ยแกว่งไม้ทุบผ้าในมือดั่งฝนตก เสียงเพียะๆๆ ถี่กระชั้นดังขึ้น กางเกงชั้นในลอยลิ่วจากปลายไม้ โปรยปรายหยดน้ำใต้แสงอาทิตย์ จิ่งเหิงปัวร้องเพลงเสียงดัง โบกมือโดยไม่มองด้วยซ้ำ ลิ้นชักทั้งหมดกระเด้งออกมา กางเกงชั้นในลอยไปทางลิ้นชักที่เป็นของแต่ละตัว สีแดงเข้าสีแดง สีเหลืองเข้าสีเหลือง เสียงพลั่กๆๆ ดังต่อเนื่อง ลิ้นชักปิดสนิทติดต่อกัน จังหวะชัดเจน ผสมผสานสอดคล้อง ราวกับเพลงที่มีทำนองพิเศษ
“สุดยอด!” เจ็ดสังหารตะโกนชื่นชม
อีชีกำลังประกาศเวลาด้วยความตื่นเต้นว่า “ครึ่งเค่อ…”
ท่านอาจารย์จื่อเวยที่อยู่ข้างบนแค่นเสียงว่า “สะเพร่า…”
“อายาโยวอายาโยวอาซือเตอเกอไตเตอเกอไตเตอเกอไต…” จิ่งเหิงปัวไม่ได้เลิกร้องเพลง พลันกะพริบกายไปถึงยอดไม้ ยกมือเปิดตู้ลิ้นชักที่อยู่ข้างหลังออก พอดีดนิ้วกางเกงในเปียกโชกตัวหนึ่งมาถึงในมือนาง ดีดนิ้วครั้งหนึ่งเข็มขัดของท่านอาจารย์จื่อเวยพลันขาดสะบั้น แค่นเสียงนกอินทรีขาวที่อยู่เหนือศีรษะพลันถูกลากลงมา จิ่งเหิงปัวคร่อมบนร่างท่านอาจารย์จื่อเวย ยัดกางเกงในเปียกโชกเข้าไปในปากเขาอย่างโหดเ**้ยม “หัวข้อเสริม! ทำได้เป็นอย่างไรบ้าง? รีบเพิ่มคะแนนให้พี่!”
ท่านอาจารย์จื่อเวยต้องหลบไปด้วยต้องหิ้วกางเกงไปด้วยซ้ำยังต้องช่วยนกอินทรีขาวสัตว์เลี้ยงแสนรักของเขาไปด้วย รอให้เขาปลอบสัตว์เลี้ยงแสนรักเสร็จสิ้น ใช้เท้าถีบจิ่งเหิงปัวออกไป หยดน้ำบนกางเกงในพรมทั่วหน้าเขาแล้ว
จิ่งเหิงปัวทะยานถอยหลังพลางกวักมือเรียกลูกหนามของต้นไม้พุ่งใส่เป้ากางเกงเขา “เพิ่มคะแนน!”
ขณะที่ใกล้จะร่วงพื้นพลิกอ่างน้ำของจื่อหรุ่ยให้คว่ำ สาดใส่ท่านอาจารย์จื่อเวยทั้งร่าง “เพิ่มคะแนน!”
หลังจากร่วงพื้นมือสะบัดเพียงครั้ง เก้าอี้ซักผ้าของยงเสวี่ยพุ่งไปทางท่านอาจารย์จื่อเวย “เพิ่มคะแนน!”
ทั่วทั้งภูเขามีแต่เสียงตะโกนทรงพลังของนางดังสะท้อนว่า “เพิ่มคะแนน! เพิ่มคะแนน!”
เจ็ดสังหารปากอ้าตาค้างเป็นครั้งแรก “แม่งเอ๊ย นี่สิเรียกว่ากล้าหาญ!”
“เจ้าชีชี นับแต่วันนี้ไปนางถึงเป็นพี่ใหญ่ของพวกเรา!”
“พี่ใหญ่!” พวกเฮฮาเจ็ดคนโค้งคำนับโดยพร้อมเพรียง
เผยซูตบขาอ่อนหัวเราะลั่น “ดี! นี่ถึงเป็นสตรีที่ข้าถูกใจ!”
เทียนชี่กลอกตาขาว “ไม่มีความสง่างามเลย!”
อิงไป๋กระดกกระบอกสุราอยู่ข้างปาก ลืมดื่มแล้ว งงงวยมองอยู่เนิ่นนาน พลันหลุดหัวเราะพรืด พึมพำกับตนเองว่า “แท้จริงแล้วสมกันไม่หยอก…”
ท่านอาจารย์จื่อเวยยืนหยัดสง่างามท่ามกลางการโจมตีประหนึ่งพายุฝนกระหน่ำของจิ่งเหิงปัว ที่จริงยังถอยไปข้างหลังอย่างลำบากไม่น้อย ถอยพลางหัวเราะฮ่าๆ “นับว่าเจ้าตั้งใจ เพียงแต่อยากเพิ่มคะแนนหรือ? รอให้เจ้าแตะต้องข้าผู้ชราได้จริงค่อยว่ากัน…”
ไม่ทันสิ้นเสียง แววตาของจิ่งเหิงปัวกะพริบวูบ หัวเราะฮิๆ
รอยยิ้มนี้ทำให้ทุกผู้คนขนลุกซู่ ท่านอาจารย์จื่อเวยพลันรู้สึกผิดปกติ พอหันหน้ากลับไปก็มองเห็นไม้ทุบผ้ากำลังลอยมาปานสายฟ้า พุ่งมาทางก้นของเขา
ที่แท้การเคลื่อนไหวที่สับสนวุ่นวายมากมายขนาดนั้นก่อนหน้าล้วนเป็นเรื่องรอง มือสังหารที่แท้จริงอยู่ตรงนี้…
จะถอยก็ไม่ทันแล้ว ข้างหลังก็เป็นหน้าผา จิ่งเหิงปัวคำนวณมาแล้ว
ป้าบ เสียงดังอู้อี้ ท่านอาจารย์จื่อเวยตะโกนลั่น
เจ็ดสังหารหัวเราะจนแทบจะหัวทิ่มตกหน้าผา
“เพิ่มคะแนน!”
“สั่งสอนลูกศิษย์ ทำร้ายอาจารย์!”
…
เวลาผ่านไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว จิ่งเหิงปัวอยู่บนเขาได้หนึ่งเดือนแล้ว
แน่นอนว่าหนึ่งเดือนนี้เผชิญการทดสอบหลากหลาย บางอย่างเพื่อฝึกฝนความสามารถของนาง บางอย่างเพื่อแกล้งนาง อีกทั้งบางอย่างเพื่อให้โอกาสนางแกล้งคนอื่น ในหนึ่งเดือนที่เฮงซวยนี้ นางเรียนรู้การทำหลายสิ่งพร้อมกัน ใช้การทำหลายสิ่งพร้อมกันแหย่ท่านอาจารย์จื่อเวย เรียนรู้การเคลื่อนที่พริบตากับเคลื่อนย้ายสิ่งของพร้อมกัน ใช้วิธีนี้ส่งอินทรีขาวตัวนั้นของท่านอาจารย์จื่อเวยไปผสมพันธุ์กับอินทรีดำตัวหนึ่ง เรียนรู้วิธีวางยาพิษกับจำแนกพิษสามสิบชนิด ตอนเริ่มเรียนนางท้องเสียทั้งวัน ภายหลังพวกเจ็ดสังหารก็ท้องเสียทั้งวัน แม้แต่จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยก็ยังมีท่าร่างที่ว่องไวกว่าเดิม จื่อหรุ่ยเรียนรู้วิชาหุ่นเชิดกับวิชาควบคุมสัตว์ ยงเสวี่ยเลือกวิชาแพทย์กับวิชาปรุงพิษ
ทุกคนวุ่นวายยิ่งนัก ท่านอาจารย์จื่อเวยก็เป็นพวกขี้แกล้ง เพียงแค่เขาอยู่ด้วย คนอื่นก็อย่าได้หวังมีโอกาสเอนหลังอย่างสงบสุข เพียงแต่ก็เห็นประโยชน์ได้ชัดเจน ฝีมือกำลังก้าวหน้า พิษก็กำลังค่อยๆ หายไป แม้แต่ลูกน้องของเผยซูที่ครึ่งเขาพวกนั้นก็ยังสภาพดีขึ้นมาก
ท่านอาจารย์จื่อเวยเป็นถึงอัจฉริยะทุกเรื่อง ครั้งหนึ่งเขาไปวนเวียนที่ครึ่งเขา มองอู่ต่อเรือที่เป็นรูปเป็นร่างของจิ่งเหิงปัว โพล่งปากชี้แนะไม่กี่คำ ช่างฝีมือเหล่านั้นก็ดุจได้รับความรู้แตกฉาน ซาบซึ้งใจจนแทบอยากจะคุกเข่าเลียเท้าของเขา
จิ่งเหิงปัวคิดว่าเล่ากันว่าเจ้าผู้ชรามีความสามารถเลิศล้ำน่าจะเป็นเรื่องจริง เสียดายเรื่องฝูงจิ้งจอกเฮงซวยนั้นในตอนแรก
จิ่งเหิงปัวยังเริ่มฝึกฝนพลังภายในชนิดหนึ่ง นางไม่รู้ชื่อ เป็นคัมภีร์ที่หล่นลงมาจากข้างบนส้วมกะทันหันตอนที่ปลดทุกข์ในวันหนึ่ง สมุดฉีกขาดเปื่อยยุ่ย ชื่อน่ากลัวมาก คล้ายเป็น ‘คัมภีร์พิษหญิงอัปลักษณ์’ อะไรสักอย่าง
นางจำได้ว่าเจ็ดสังหารเคยเอ่ยไว้ สิ่งที่ไอ้แก่หนังเหนียวให้ทำเจ้าไม่ต้องทำหรอก สิ่งที่ไอ้แก่หนังเหนียวไม่ให้ทำเจ้าลองทำสักหน่อยก็ได้ หยิบสมุดไปให้อิงไป๋กับเทียนชี่ดูทันที สองคนนั้นคิดทบทวนอยู่นาน มองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด เอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า “เจ้าไม่กลัวเสียโฉมจะลองฝึกดูก็ได้”
จิ่งเหิงปัวฝึกฝนทันที นางไม่เชื่อเรื่องเสียโฉมไม่เสียโฉมอะไรพวกนี้ ไอ้แก่หนังเหนียวงดงามขนาดนั้น โฉมงามล้วนชอบเห็นสิ่งของงดงาม สิ่งของที่เขาทิ้งไว้ ไม่ใช่สิ่งของที่ทำให้เสียโฉมแบบนั้นแน่นอน
แต่ฝึกไปฝึกมา มักจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ครั้งหนึ่งนางอดจะถามเจ็ดสังหารไม่ได้ ผลลัพธ์พวกเฮฮาเจ็ดคนหัวเราะฮ่าๆ แต่ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง สุดท้ายเอ่อร์ลู่เอ่ยยังแค่ว่า “วิชานี้หรือ? พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องเจ็ดคนเคยเรียนวิชานี้แล้ว จนบัดนี้มีเจ้าชีชีเรียนสำเร็จคนเดียวเองฮ่าๆ ขอให้เจ้าโชคดี”
จิ่งเหิงปัวได้ยินแล้วเสียกำลังใจทันที อีชีเป็นคนหนึ่งที่สติปัญญาดีที่สุด วรยุทธ์สูงที่สุดในหมู่เจ็ดสังหาร นางไม่ได้มั่นใจว่าจะเหนือกว่าเขาที่เริ่มฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่สามขวบ แต่นางยังไม่ยอมแพ้ ทุกคืนมุ่งมั่นค่อยๆ อ่านพลังภายในอะไรนั่นกระทั่งนอนหลับ
วันนี้ท่านอาจารย์จื่อเวยจะออกไปเยี่ยมสหาย ประกาศหยุดฝึก มองเห็นเขาลงเขาไป ทุกคนร้องยินดี จิ่งเหิงปัวเอนหลังนอนบนพื้นทันที แสดงท่าทางว่าใครลากนางลุกขึ้นนางก็จะกระทืบคนนั้น
สุดท้ายผ่านไปไม่นานนางก็ลุกขึ้นมาแล้ว ด้วยเพราะจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยเอ่ยว่าจะไปอาบน้ำ
พอได้ยินว่าอาบน้ำ จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าทั่วร่างออกอาการคันกะทันหัน หนึ่งเดือนนี้นาง จื่อหรุ่ย และยงเสวี่ยต่างโดนกลั่นแกล้งจนสะบักสะบอม เวลานอนยังไม่พอ บางครั้งห่างจากเตียงแค่หนึ่งเมตรยังคร้านจะลุกขึ้นไป มีเวลามีเรี่ยวแรงต้มน้ำอาบน้ำที่ไหนกัน จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยรู้ว่านางรักสะอาด อาสาจะต้มน้ำให้นางอาบน้ำตั้งหลายครั้ง แต่ต้มน้ำอยู่ดีๆ คนก็อ่อนยวบลงไป บางครั้งยงเสวี่ยแทบจะล้มลงบนเตา นับแต่นั้นจิ่งเหิงปัวบังคับให้พวกนางไม่ต้องสนใจเรื่องอาบน้ำ อย่างมากแค่ตักน้ำมารีบเช็ดตัว
ตอนนี้หยุดฝึกจนได้ คนที่ไม่ได้อาบน้ำให้สะอาดตั้งหนึ่งเดือน รู้สึกทันทีว่าตัวเองมอมเหมือนหมา จิ่งเหิงปัวลุกขึ้นมาดังฟิ้ว “อาบน้ำๆ!”
บริเวณนี้มีบ่อน้ำ แต่เล่ากันว่าในน้ำมีสัตว์ สถานที่ส่วนใหญ่ในเขาชีเฟิงล้วนมีสัตว์ แต่ยงเสวี่ยเอ่ยว่าหลายวันก่อนเทียนชี่พานางไปฝึกวิชาตัวเบา เดินผ่านหุบเขาที่มีทิวทัศน์งดงาม ทะเลสาบที่อยู่ในหุบเขาแตกต่างจากบ่อน้ำอึมครึมทางนี้ น้ำใสเป็นพิเศษ มองแวบเดียวเห็นก้นทะเลสาบ แน่ใจได้ว่าไม่มีสัตว์น้ำ
เอ่ยแล้วก็ทำเลย สตรีสามนางตัดสินใจไปอาบน้ำ ยามที่เตรียมอาภรณ์สำหรับผลัดเปลี่ยนก็เอ่ยว่าไม่ได้กินอาหารดีๆ นานแล้ว ไม่สู้ฉวยโอกาสนำวัตถุดิบไปทำอาหารด้วย ขณะที่เตรียมของใช้สำหรับไปเที่ยวพักผ่อนถูกเจ็ดสังหารที่อยู่ทั่วทุกหนแห่งพบเข้า จากนั้น…จากนั้นยามที่ออกเดินทางก็กลายเป็นขบวนยิ่งใหญ่เกรียงไกร หอบกระโจม หิ้วอาหารกับของใช้สำหรับไปเที่ยวพักผ่อน เอ่ยว่าจะไปตั้งค่ายพักแรม
จิ่งเหิงปัวถอนใจ ทั้งที่ฉันแค่บอกว่าอยากอาบน้ำเอง…
โชคดีที่ทิวทัศน์หุบเขางดงามไม่น้อยเลย ยามนี้ใกล้ต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว อากาศในหุบเขาอบอุ่น นกขมิ้นร่ำร้องนกนางแอ่นร่ายรำ ต้นหลิวแผ่ร่มเงาบนทรายขาว ต้นอิงฮวา[1]เติบโตเรียงรายในหุบเขา สีชมพูสดใสเป็นพุ่ม เป็นกลุ่มเป็นก้อน สะท้อนบนผิวน้ำที่ปานกระจกมรกต ประดุจภาพวาดเลื่องชื่อที่งดงามทอดยาวบนพรมเขียว
จิ่งเหิงปัวร้องดีใจว่า “ข้าจะกินปีกไก่ป่าย่าง!”
“พวกเราไปล่า พวกเราไปล่า!” เหล่าเจ็ดสังหารวิ่งไปอย่างร่าเริงแล้ว
ทางนั้นเทียนชี่กับอิงไป๋ขุดหลุมก่อไฟ ใช้ให้เผยซูไปหาฟืน มังกรร้ายบอกว่ามีสิทธิ์อะไรให้เขาไป ทว่าสุดท้ายก็ไปเช่นเดิม ด้วยเพราะเขาคนเดียวสู้อิงไป๋กับเทียนชี่ร่วมมือกันไม่ได้
เหลือเพียงเทียนชี่กับอิงไป๋อยู่ด้วย จิ่งเหิงปัววางใจมาก ตะโกนว่า “อาบน้ำล่ะ” พุ่งไปในทะเลสาบนั้นเป็นคนแรก
นอกทะเลสาบมีต้นไม้ดอกไม้ ข้างทะเลสาบยังมีก้อนหิน ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนคนอื่นเห็นหมด จิ่งเหิงปัวถอดเสื้อผ้าลงน้ำอย่างรวดเร็ว นางต้องรีบอาบน้ำให้เสร็จก่อนที่เผยซูกับพวกเฮฮาเจ็ดคนจะกลับมา
สตรีสามคนเพิ่งจะลงน้ำก็ได้ยินเสียงหัวเราะ “ก๊ากๆ” เสียงที่ประหลาดนั้น สามคนนั้นฟังแล้วก็หน้าเปลี่ยนสี
ไอ้แก่หนังเหนียวจื่อเวยมาแล้ว!
ไอ้แก่หนังเหนียวออกไปข้างนอกแล้วไม่ใช่หรือ!
เรื่องแรกที่จิ่งเหิงปัวทำก็คือรีบใช้พลังหยิบเสื้อผ้าที่เพิ่งวางไว้บนก้อนหินของตัวเอง
แต่ว่าสายไปเสียแล้ว บนก้อนหินว่างเปล่า เสื้อผ้าของทั้งสามคนหายไปหมดแล้ว
จากนั้นก็ได้ยินเสียงของไอ้แก่หนังเหนียวดังสะท้อนทั่วทั้งหุบเขา
“การทดสอบเฉียบพลัน!”
“ไอ้เวรเอ้ย! แกล้งคนจะใช้วิธีเฮงซวยขนาดนี้ไม่ได้!” จิ่งเหิงปัวร้องด่า “จื่อหรุ่ยยงเสวี่ยรีบไป ไม่ได้สวมอาภรณ์ยิ่งรวมกันยิ่งลำบาก”
“ไม่มีอาภรณ์จะทำอย่างไร?” สองเสียงนั้นสั่นเครือแล้ว
“มีกระโจม มีผ้าใบ หาอะไรคลุมไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน เดี๋ยวให้พวกเขาถอดอาภรณ์ให้พวกเจ้า” จิ่งเหิงปัวตะโกนลั่นว่า “อิงไป๋! เทียนชี่! ทางนี้จื่อหรุ่ยยงเสวี่ยถูกขโมยอาภรณ์ไปแล้ว หากพวกเจ้าหวังแอบมอง ข้าก็จะยกพวกนางให้สมรสกับพวกเจ้า!”
ทางนั้นเสียงดัง ฟิ้วๆ คล้ายมีคนวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วแล้ว…
“แม้นายท่านทำเพื่อพวกเรา…” จื่อหรุ่ยร้องไห้สะอึกสะอื้นเอ่ยว่า “เพียงแต่ไม่ใช้วิธีที่ทำร้ายกันขนาดนี้ได้หรือไม่…”
“เหตุใดนายท่านถึงไม่ไปด้วย?” ยงเสวี่ยค่อนข้างจริงจัง อายุยังน้อย ไม่ใส่ใจเรื่องสมรสหรือไม่เอย ศักดิ์ศรีอะไรเอย
“แม่งเอ๊ยข้าไปได้ด้วยหรือ? คนที่ไอ้แก่หนังเหนียวนั่นทดสอบก็คือข้า จะให้ข้าไปได้อย่างไร?” จิ่งเหิงปัวตีผิวน้ำ บอกใบ้ให้สองคนนั้นรีบไป
โชคดีที่จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยผ่านการฝึกซ้อมปานลมชักนี้หลายครั้ง ก็คุ้นเคยกับเหตุการณ์เฮงซวยเช่นนี้แล้ว คว้าพืชน้ำมาบังตำแหน่งสำคัญไว้ก่อน โค้งกายพุ่งออกจากทะเลสาบ วิ่งไปที่กระโจมประหนึ่งลม รอบด้านไม่มีคนจริงด้วย สองคนหาผ้าใบคลุมร่าง ซ้ำยังคิดว่าต้องยืมเสื้อคลุมจากเทียนชี่หรือไม่ จะได้ให้จิ่งเหิงปัวออกมา ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว ก็รู้สึกว่าลมหนาวพัดผ่านเหนือศีรษะ ร่างกายอ่อนยวบล้มลงไปแล้ว
[1] ต้นอิงฮวา ต้นซากุระ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cerasus yedoensis