การใช้วิชาลวงตาสวรรค์ข่มขู่ผู้อื่นและลงมือขณะที่อีกฝ่ายตกใจกลัวเป็นหนึ่งในกลยุทธ์อันยอดเยี่ยมของนิกายสวรรค์ แน่นอนว่าหากเจอผู้ที่ไม่ถูกวิชาลวงตาสวรรค์ครอบงำเช่นนี้ นิกายสวรรค์ก็ยังมีวิธีที่รอบคอบยิ่งกว่าเดิมมาจัดการ
เขาคล้ายเห็นจิ่งเหิงปัวที่ทั้งหน้าทั้งหลังเป็นโพรงใหญ่…
ลมหนาวกับแสงหิมะปะทะรวมกัน แทบมองไม่เห็นเงาร่างจิ่งเหิงปัวที่แทรกอยู่ตรงกลาง
ชั่วพริบตาที่ใกล้จะชนกันโดยสิ้นเชิง น่ามู่เอ่อร์พลันพบว่าเงาของจิ่งเหิงปัวคล้ายสั่นไหว
การสั่นไหวครั้งนี้ทั้งเร็วทั้งแผ่วเบายิ่งนัก ดูท่าทางดั่งเงากระเพื่อมในคลื่นน้ำ ไม่คล้ายความจริง
เขาไม่ทันได้ใคร่ครวญ
พริบตาต่อมา เสียงพลั่กก็ดังขึ้น
กรงเล็บน้ำแข็งของเขากระแทกหน้าอกที่แข็งแกร่ง
เขาเผยสีหน้าดีใจ จากนั้นหน้าเปลี่ยนสี…เหตุใดถึงเป็นหน้าอก?
แข็งแกร่ง เป็นหน้าอกของบุรุษ
เหตุใดไม่ใช่ข้างหลัง?
ลมหนาวเงาหิมะหยุดลง แผ่นน้ำแข็งร่วงเกรียวกราว พอเขาเงยหน้าขึ้น ก็เห็นคนที่ปะทะกับตน ข้างหน้าคือลูกศิษย์ในนามผู้หนึ่งซึ่งติดตามตนเอง
มือของเขาแทงทะลุหน้าอกของอีกฝ่ายพอดี กระบี่ในมือคนนั้นชะงักกลางอากาศ บนใบหน้ายังหลงเหลือความดีใจเป็นล้นพ้นที่ ‘แทงเข้าแล้ว’ อยู่ครึ่งหนึ่ง ขณะนี้แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ทำให้สีหน้าอัปลักษณ์ มองแล้วรู้สึกหวาดหวั่นในใจ
“เป็นเจ้าได้อย่างไร!” น่ามู่เอ่อร์ตวาดออกมา ทว่าไม่ได้ชักมือออกจากหน้าอกอีกฝ่าย ด้วยความโมโหสุดขีด มือทั้งล้วงทั้งคว้านข้างในอย่างแรง
เสียงร้องโหยหวนเสียดแทงความเงียบสงัดของทุ่งกว้าง ยามที่น่ามู่เอ่อร์ชักมือออกมา ฝ่ามือมีหัวใจที่ยังเต้นอยู่ ชุ่มโชกไปด้วยโลหิต
เขาปาหัวใจดวงนั้นลงพื้นอย่างแรง
“จุดจบของเศษสวะ!”
คนชุดขาวรอบด้านต่างเป็นลูกศิษย์ในนาม ตำแหน่งต่ำกว่าลูกศิษย์นอกสำนักเช่นเขา พากันก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยวาจา
บนพื้น เด็กหนุ่มที่ตายเปล่าผู้นั้นหน้าอกเป็นโพรงใหญ่ คล้ายอ้าปากโหยหวนต่อสวรรค์
วงล้อมที่อยู่ยิ่งไกลออกไป บางคนกำลังส่งสัญญาณ “พวกเขาอยู่ในแม่น้ำ!”
รองเท้าหุ้มข้อของน่ามู่เอ่อร์กระทืบหัวใจที่อยู่บนพื้นอย่างแรง “ตามไป!”
…
บนทุ่งกว้างแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีคนชุดขาวที่ลึกลับซับซ้อนอยู่มากเท่าใด
จิ่งเหิงปัวคิดว่านิกายสวรรค์เชี่ยวชาญต้มตุ๋นหลอกลวงเป็นลำดับแรก เชี่ยวชาญกลยุทธ์คลื่นมนุษย์เป็นลำดับสอง ลำดับสามถึงเป็นวรยุทธ์
ปาฏิหาริย์หลอกเจ้าไม่ได้ ข้าก็ใช้คลื่นมนุษย์บดขยี้เจ้า
นางรู้สึกเลื่อมใสในเรื่องนี้…ทั้งบ้าระห่ำ ทั้งไร้อางอาย นับว่าฝีมือไม่ธรรมดาจริงด้วย
ซ่า! นางเข้าสู่แม่น้ำที่เย็นเยือก
“คือว่า…ขอโทษนะ” นางขอโทษท่านมู่ที่อยู่บนหลังอย่างวิงเวียน “…อึก ข้าเมาแล้ว คล้ายจะควบคุมทิศทางไม่ค่อยได้…”
นางเสียใจนิดหน่อย ตอนอยู่ที่เขาชีเฟิง ไม่มีโอกาสอะไรได้ดื่มเหล้า ไม่ได้ฝึกฝนการควบคุมพลังเคลื่อนที่พริบตาหลังเมาเหล้า
ท่านมู่ยังบาดเจ็บภายในไม่หาย แช่น้ำเย็นนี้น่าจะไม่ค่อยสบายตัว
เขาตบหลังคอของนางเบาๆ กระแสไออุ่นสายหนึ่งพุ่งเข้ามา นางร้อง “อึ่ก” รู้สึกว่าความรู้สึกพะอืดพะอมตรงหน้าอกดีขึ้นมาก
“ลูกไม้เมื่อครู่นั่น ยอดเยี่ยมยิ่งนัก” เขากระซิบ
นางหัวเราะฮิๆ คล้ายรู้สึกปลื้มใจที่ถูกอาจารย์ชื่นชม พอหัวเราะจบก็รู้สึกได้ทันทีว่าผิดปกติ…เหตุใดน้ำเสียงของเจ้าคนนี้ถึงโบราณคร่ำครึขนาดนี้? นึกว่าเป็นอาจารย์ของนางจริงๆ หรือ?
นางเลิกคิ้วแบะปาก “แน่นอน ข้ายอดเยี่ยมกว่าเจ้าตลอดล่ะ”
เขาหัวเราะ แล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ยามนี้ข้าจึงหมอบราบกราบกราน”
“มันต้องอย่างนั้น” นางปลื้มใจเหลือเกิน ก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าผิดปกติอีกแล้ว…หมอบราบกราบกราน? หมอบราบกราบหลังสินะ? อีกทั้ง ตรงไหนหมอบราบบ้าง?
สมองก็แล่นเห็นตำแหน่งพิลึกพิลั่นกะทันหัน นางเริ่มรู้สึกว่าบนหลังอึดอัดนิดหน่อย ตอนนี้เริ่มรู้สึกถึงลมหายใจบริสุทธิ์และหอมกรุ่นของชายข้างหลัง แม่น้ำเย็นเยือก ส่วนลมหายใจร้อนผ่าวของเขาพัดผ่านข้างหู
นางสะบัดศีรษะอย่างแรงทันที จนเกือบจะสะบัดเขาที่อยู่บนหลังออกไป
“เป็นอะไรไป” เขาเกาะไหล่ถามนาง
ความรู้สึกประหลาดในใจของนางยิ่งแรงขึ้น แต่ขณะนี้ไม่ทันได้ตอบเขา เงาคนก็กะพริบวูบเข้าใกล้ข้างแม่น้ำน้อยแล้ว เงาสีขาวสายหนึ่งพุ่งมารวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เมื่อครู่ยังอยู่ห่างออกไปหลายจั้ง พอกะพริบตาก็ใกล้ถึงตรงหน้า
“เยือกแข็ง!” น่ามู่เอ่อร์ยังมาไม่ถึงก็ออกคำสั่งดังลั่นแล้ว เสียงเคร่งขรึมอำมหิต
คนชุดขาวที่ตามมาถึงริมฝั่งแม่น้ำล้อมเป็นวงกลม ชักกระบี่ฟันลงมา แทงเข้าไปในแม่น้ำพร้อมกัน
เสียง ฉึก! ดังขึ้นแผ่วเบา ไอเย็นสีขาวฟุ้งกระจาย ผิวแม่น้ำเยือกแข็งอย่างรวดเร็ว ผิวน้ำแข็งขยายขอบขรุขระดั่งกระบี่น้ำแข็งนับมิถ้วน เข้าใกล้จิ่งเหิงปัวกับท่านมู่ที่อยู่กลางแม่น้ำจากทั่วสารทิศ
บนผิวแม่น้ำแผ่ขยายภาพนามธรรมอันกว้างใหญ่ พื้นหลังขาวราวหิมะ เส้นบางตัดกัน ขอบเขตไม่เท่ากัน รวมกันตรงกลางอย่างรวดเร็ว
จิ่งเหิงปัวกำลังจะเคลื่อนไหวไม่ได้ ผิวน้ำแข็งบางมาก นางก็ปีนขึ้นไปผิวน้ำแข็งไม่ได้ นางอยากทะยานขึ้นฟ้าก็จะถูกคมกระบี่ที่รออยู่รอบแม่น้ำแทงทะลุ นางอยู่ในน้ำต่อไปก็จะถูกกระบี่น้ำแข็งในแม่น้ำที่ขยายเข้ามาปานสายฟ้าแทงทะลุ
ไม่ว่ามองอย่างไรก็เป็นความตาย
น่ามู่เอ่อร์เผยยิ้มน่าครั่นคร้ามออกมาจนได้
ราวกับว่าเขาเห็นร่างกายของสองคนนี้ถูกกระบี่แห่งแม่น้ำแทงทะลุอีกแล้ว
ต่อให้วิชาตัวเบาดีกว่านี้ หนีรอดจากลูกน้องของตนในชั่วพริบตา ทำให้ตนเองเข้าใจผิดฆ่าลูกน้องได้แล้วอย่างไร คงแสดงวิชาตัวเบาในแม่น้ำนี้ไม่ได้กระมัง?
สามจั้ง สองจั้ง หนึ่งจั้ง
น้ำแข็งบนผิวแม่น้ำเข้าใกล้จิ่งเหิงปัวที่อยู่ตรงกลางมากขึ้นเรื่อยๆ
“เวียนหัวจัง…เห็นกระบี่ขาวจั๊วะพวกนี้ยิ่งเวียนหัว…” จิ่งเหิงปัวพึมพำ “…เกาะให้แน่น!”
พริบตาต่อมาเสียงซ่าก็ดังขึ้น ตอนนี้นางโผล่มาริมฝั่งแม่น้ำ ข้างหลังคนชุดขาวพวกนั้น
ท่านมู่ยกมือขึ้น คนชุดขาวแถวนั้นที่ยังตั้งใจแช่แข็งแม่น้ำอยู่ข้างหลัง รู้สึกว่ากลางหลังเย็นวาบ
พวกเขาก้มหน้ามองอย่างงงงัน ก็เห็นลิ่มน้ำแข็งเจือโลหิตที่ทะลุออกมาจากหน้าอกของตน
คนเหล่านี้อยากหันหลัง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงพลันถูกจู่โจมจากข้างหลังได้ แต่ทว่าชาตินี้ พวกเขาก็หันหลังไม่ได้อีกแล้ว
ตูมๆ! เสียงร่างมนุษย์ร่วงหล่นดังขึ้นติดต่อกัน คนหนึ่งแถวตกลงไปในแม่น้ำ กระแทกผิวน้ำแข็งแหลกละเอียด จมลงไปก้นแม่น้ำ
น่ามู่เอ่อร์ยังอยู่ฝั่งตรงข้าม ยืนงงมองกลางแม่น้ำที่ว่างเปล่า มองศพเหล่านั้นที่ล้มลงริมฝั่ง ครึ่งร่างจมลงไปในแม่น้ำ ดั่งถูกตบหน้าหลายสิบครั้ง
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!” เขาเสียกิริยาคำรามจนได้
ทุกคนชูกระบี่ขึ้นอย่างงงงวย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่ครู่ก่อนหน้ายังเห็นสองคนนั้นอยู่กลางแม่น้ำ ครู่ต่อมาก็เห็นศพคนของตนล้มลงทั้งแถว
ชั่วพริบตานั้น ลูกศิษย์ในนามของนิกายสวรรค์เหล่านี้แทบนึกว่าเหล่าผู้ดูแลอาวุโสในสำนักของตนมาเยือนแล้ว
หากไม่ใช่คนเก่งดั่งเทพเซียนเหล่านั้นในสำนักของตน อภินิหารเช่นนี้จะมาจากที่ใดในโลกนี้?
น่ามู่เอ่อร์วิ่งไปข้างศพเหล่านั้น สำรวจบาดแผล สีหน้ายิ่งอัปลักษณ์
คนเหล่านี้ตายด้วยลิ่มน้ำแข็งแทงหัวใจ มองฝีมือของอีกฝ่ายไม่เห็นความพิเศษใดๆ เพียงแต่โหดเ**้ยมอำมหิตยิ่งนัก แม้แต่อาวุธที่ใช้ยังเลียนแบบพวกเขา เยือกแข็งเป็นลิ่ม
นี่มันดูถูกกันจริงๆ เลย
เขาเงยหน้าขึ้น ตรงหน้าคือทุ่งกว้าง สายลมพัดผ่านไม่จบสิ้น ไม่เห็นเงาของสองคนนั้น
ความเร็วปานภูตพราย…
เป็นไปไม่ได้!
บริเวณนี้ไม่มีที่ให้หลบซ่อนมากเท่าใด พวกเขายังอยู่แถวนี้!
เขาลุกขึ้นโดยพลัน แววตาโหดเ**้ยม “ค้น!”