บทที่ 545 จับให้แน่นหน่อย อย่าปล่อยให้ฉันหลงล่ะ
ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกทิ้งไว้ที่หน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอก็เกิดมาได้สองสามวันแล้ว คณบดีไม่รู้วันเกิดจริงๆของเธอ จึงเอาวันที่เก็บเธอมาเลี้ยงเป็นวันเกิดของเธอแทน
แต่ความเป็นจริง วันเกิดของเวินเที๋ยนเที๋ยนคือก่อนหน้านั้นสองสามวัน
จี้จิ่งเชินถามคุณนายหล่อน ถึงได้รู้วันเวลาจริงๆ
เดิมที วันนี้เขาวางแผนว่าหลังจากที่เธอกลับมาที่ปราสาท เขาก็จะพาเธอออกไปฉลองวันเกิดจริงๆครั้งแรก แต่ไม่คิดว่ารอสักพักใหญ่ เธอก็ยังไม่กลับมา
เขาจึงโทรศัพท์ไปเร่งเธอ
ได้ยินดังนั้น การกระทำของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็หยุดชะงักทันที เธอเบิกตาโต
“ วันเกิดจริงๆของฉัน? ”
จี้จิ่งเชินยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร เขาหมุนตัวขึ้นรถ และพูดไปด้วย: “ เดิมที ผมได้เตรียมห้องอาหารไว้ แต่ตอนนี้…… ”
เขามองนาฬิกาข้อมือ และพูดขึ้นอย่างน่าเสียดาย: “ เหลืออีกครึ่งชั่วโมง ห้องอาหารก็จะปิดแล้ว ”
เขาเพิ่งพูดจบ อยู่ๆมีเสียงท้องร้องดังขึ้นมาจากด้านข้าง
จี้จิ่งเชินชะงักไปนิดหน่อย หลังจากนั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้
และเขาก็หันมามองเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ หิวแล้วหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกุมท้อง และพยักหน้า เธอเริ่มเก็บของตั้งแต่ตอนบ่าย และยุ่งจนถึงตอนนี้กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จ เธอจะไปมีเวลากินข้าวได้ยังไงล่ะ?
แต่ถ้ารีบไปตอนนี้ ห้องอาหารก็คงปิดแล้ว
เดิมที เมื่อสักครู่เธอยังไม่รู้สึกหิว แต่พอได้ยินจี้จิ่งเชินพูดขึ้น เธอก็ยิ่งหิวมากกว่าเดิม
ไม่ได้จริงๆ ทำได้เพียงกลับไปทำอาหารกินกันที่ปราสาทแล้วล่ะ
แต่วันเกิดจริงๆของเธอครั้งแรก
อีกทั้ง ดูเหมือนว่าจี้จิ่งเชินได้เตรียมกิจกรรมไว้อยู่ไม่น้อย ถ้ากลับปราสาท ก็ไม่เท่ากับว่าคว้าน้ำเหลวหรอกหรอ?
คิดมาถึงตรงนี้ เวินเที๋ยนเที๋นก็พูดขึ้นมาอย่างแน่วแน่: “ ไม่ ฉันไม่หิว ”
ได้ยินดังนั้น จี้จิ่งเชินก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
ดูจากท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็เห็นอยู่ว่าไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่ตอนเย็น ยังจะปากแข็งอีก
แต่เขากลับไม่ได้เปิดโปงเธอ ทำเพียงถือโอกาสพูดขึ้น: “ เวลายังไม่ค่อยดึกเท่าไหร่ ขับรถไปตามทาง บางทีอาจจะเจอที่ที่น่าสนใจก็ได้ ”
พูดเสร็จ เขาก็ติดเครื่องรถยนต์ และไถลไปตามสีท้องฟ้ายามราตรี
ขับผ่านท้องถนนมาได้สักพัก เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้สึกว่าท้องของเธอยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกหิว
เธอค่อยๆลดกระจกลง กลิ่นหอมอ่อนๆก็ปะทะเข้ากับใบหน้าทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไปนิดหน่อย เธอรีบหันไปมองด้านนอก หลังจากนั้นก็สูดดมกลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ และตาของเธอก็เป็นประกายทันที
“ จี้จิ่งเชิน จี้จิ่งเชิน! ฉันคิดออกแล้ว แถวนี้มีที่ที่น่าสนใจอยู่ที่นึง แถมยังทานอาหารได้ด้วย ”
“ ที่ไหน? ”
จี้จิ่งเชินมองไปรอบๆ และรู้สึกสงสัยนิดหน่อย
ที่ตรงนี้ไม่ถือว่าอยู่ใจกลางเมือง แต่ตำแหน่งที่ตั้งค่อนข้างเปลี่ยวนิดหน่อย ส่วนมากล้วนเป็นตึกที่พักที่เก่าและชำรุดอีกต่างหาก
เห็นในตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังเป็นประกาย ยังมีกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยอยู่ในอากาศ มุมปากของจี้จิ่งเชินก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ เมื่อก่อนคุณเคยมาหรอ? ”
“ เมื่อก่อน ตอนอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันมักหาเวลามาที่นี่บ่อยๆ ต่อมาก็ไม่ได้กินตั้งนานแล้ว เราไปที่นั่นดีไหม? ”
ดูเหมือนจะนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย
ในตาของจี้จิ่งเชินมีรอยยิ้มลุ่มหลง เขาหมุนพวงมาลัย เพื่อขับรถไปที่นั่น
“ วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ ต้องทำตามที่คุณตัดสินใจอยู่แล้ว ”
ไม่นาน เบนท์ลี่สีดำก็มาหยุดที่ปากซอย ไม่นานก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ไม่น้อยเลย
นี่เป็นถนนของกินที่ดูเหมือนจะแออัดมาก ผู้คนเบียดกันไปมา
คนส่วนมากเป็นนักเรียนกับคนที่อาศัยอยู่แถวนี้ ส่วนมากจะออกมากินอาหารว่างตอนกลางคืน
ถ้าอยู่แถวนี้ก็จะเดินมา แต่ถ้าอยู่ไกลหน่อยก็ขี่จักรยานมา ส่วนมากผู้คนจะแต่งกายธรรมดาง่ายๆ มีบางคนใส่ชุดนอนมาเลยก็มี
พอเห็นว่ามีรถหรูมาจอดตรงปากซอย ผู้คนเหล่านั้นก็หันมามองอย่างตะลึง
รอจนคนบนรถเดินลงมา ชายหนุ่มใส่ชุดสูทสีดำ รูปร่างสูงใหญ่ อวัยวะบนใบหน้าชัดเจน ต่อให้อยู่ภายใต้แสงไฟที่มืดสลัว ก็ยากที่จะบดบังอวัยวะบนใบหน้าที่หล่อจนเกินไปของเขา
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ล้วนขัดแย้งกับถนนของกินเส้นนี้โดยสิ้นเชิง จึงทำให้เขาดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ไม่น้อยเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนลงจากรถ หลังจากนั้นเธอก็รับรู้ได้ถึงสายตาสงสัยของผู้คนที่จับจ้องมาที่จี้จิ่งเชิน
เธอหันไปมองรอบๆ และตระหนักถึงปัญหาใหญ่นี้
เมื่อก่อน จี้จิ่งเชินคงจะไม่เคยมาทานอาหารในที่แบบนี้ล่ะสิ?
อีกอย่าง ถ้าชุดสูทที่สั่งทำมาอย่างมีระดับชุดนั้นถูกกลิ่นเขม่าน้ำมันรมควัน หรือถูกขีดข่วนอย่างไม่ระวัง ก็คงจะใช้ต่อไม่ได้อีก
เธอขมวดคิ้วนิดหน่อย หลังจากนั้นก็สูดดมกลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ และยิ่งทำให้เธอรู้สึกหิวมากกว่าเดิม
“ ช่างเถอะ เราเปลี่ยนที่กันดีกว่า ”
เธอกำลังจะหมุนตัวขึ้นรถ แต่ถูกจี้จิ่งเชินเรียกไว้เสียก่อน
“ กินที่นี่แหละ ”
“ แต่…… ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสายตาของผู้คนที่ทำเหมือนกำลังมองลิงอยู่ เธอจึงรู้สึกลังเลนิดหน่อย
เธอยังดี แต่มีคนเริ่มถ่ายรูปจี้จิ่งเชินแล้ว พวกเขาคงคิดว่าเขาเป็นดารา
จี้จิ่งเชินถอดเสื้อคลุมออก และนำมาพาดไว้ที่ข้อพับ หลังจากนั้นเขาก็ถอดเนคไทโยนเข้าไปในรถ และปลดกระดุมบนเสื้อเชิ้ตออกสองเม็ด
การกระทำของเขาสง่างาม และเป็นธรรมชาติมาก จึงทำให้ดึงดูดเสียงอุทานของผู้คนได้ไม่น้อยเลย
ผ่านการเปลี่ยนแปลงเมื่อสักครู่ ดูเหมือนสภาพของเขาจะไม่เป็นที่สะดุดตามากแล้ว
“ คุณหิวไม่ใช่หรอ? ”
จี้จิ่งเชินยื่นมือไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยน และพูดขึ้น: “ อีกอย่าง ผมก็หิวแล้วเหมือนกัน ”
พูดเสร็จ เขาก็เอาหน้าเข้าไปใกล้หูของเวินเที๋ยนเที๋ยน และลดเสียงลงนิดหน่อย ในน้ำเสียงผสมไปด้วยความขี้เล่นอย่างเห็นได้ชัด
“ ถ้าไม่ให้ผมกินของอีกสักครู่ พอขึ้นไปบนรถแล้ว ก็คงต้องกินคุณแทนแล้วล่ะ ”
พูดจบ ปลายลิ้นของเขาก็เลียไปที่ข้างหูของเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนตัวสั่นตามการกระทำของเขาทันที และร่างกายของเธอก็อ่อนปวกเปียกลงไปครึ่งนึง
ภายใต้การบดบังของแสงไฟที่มืดสลัว แก้มของเธอก็ค่อยๆแดงขึ้นช้าๆ
คนที่อยู่รอบๆส่งสายตาอิจฉาและริษยามาทางพวกเขาไม่มากก็น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ได้มีคนเก็บภาพเหตุการณ์ตรงหน้าไว้อีกด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลง ถ้ายังไม่เข้าไป เธอก็ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินจะทำอะไรอีก
คนบ้าคนนี้ ตราบใดที่เขาพูดแล้ว เขาก็จะทำมัน
“ รู้แล้ว เราไปกันเถอะ ”
พูดเสร็จ เธอก็ก้มหน้า และเดินเข้าไปด้านใน
เธอเดินมาข้างหน้าสองก้าว กลับพบว่าจี้จิ่งเชินไม่ได้เดินตามมา เธอจึงหันกลับไปมอง
จี้จิ่งเชินยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน
“ ผมไม่รู้ทาง ”
น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินค่อนข้างไร้เดียงสา
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ต่อให้ไม่รู้ทาง เดินตามเธอมาก็ได้หนิ?
แต่พอเห็นสายตาของจี้จิ่งเชิน เธอก็รู้ว่าเขาไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
สายตาของผู้คนที่กำลังจ้องดูความสนุก เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงทำได้เพียงเดินกลับไปอีกครั้งด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ หลังจากนั้นเธอก็จับมือจี้จิ่งเชิน
“ ตามฉันมา ”
น้ำเสียงของเธอเบาจนคล้ายกับเบ่งออกมาจากในลำคอ
มีเพียงจี้จิ่งเชินคนเดียวที่ได้ยิน
จี้จิ่งเชินพลิกมือจับมือเธอไว้ และเดินตามเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าไปด้านใน
“ จับให้แน่นๆหน่อย อย่าปล่อยให้ผมหลงนะ ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
ยิ่งเดินเข้าไปในถนนของกิน คนก็ยิ่งเยอะ คนเดินไปมาอย่างพลุกพล่าน และแออัดมาก
ถ้าไม่ระวัง ก็อาจจะถูกชนจนแยกจากกันจริงๆ
“ อือ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างตั้งใจ และกระชับมือให้แน่นขึ้น
เมื่อก่อนเป็นจี้จิ่งเชินที่พาเธอเดินเข้าไปในโลกของเขา ครั้งนี้ เธอจึงอยากแนะนำเรื่องของตัวเองในอดีตกับโลกของเธอให้จี้จิ่งเชินได้รู้จัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งใจเดินมาก
จึงไม่รับรู้ถึงสายตาของจี้จิ่งเชินที่กำลังมองเธออยู่ตลอด แถมในสายตาของเขายังผสมไปด้วยความอาลัยอาวรณ์กับความอ่อนโยนที่เข้มข้นจนละลายออกจากกันไม่ได้