บทที่ 557 เป็นของผม
เคอเหยียนรุ่ยและหลวนจื่อนั่งลงพร้อมกัน
เห็นหน้าตาที่ตั้งใจฟังของพวกนักข่าว หลวนจื่อหายใจลึกๆหนึ่งครั้ง แล้วก็รับไมค์มา
ไม่มีคำพูดอะไรมากมาย เธอเอ่ยปากก็พูดขึ้นมาเลยว่า: “ฉันคือหลวนจื่อ วันนี้แถลงข่าวก็เพื่อต้องการชี้แจงข่าวที่ลือกันในอินเตอร์เน็ต”
เพิ่งจะพูดถึงตรงนี้ ก็มีนักข่าวที่ทนรอไม่ไหว
“เกี่ยวกับข่าวหมินอันเกอหรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ” หลวนจื่อตอบตรงๆ: “เกี่ยวกับเขาโดยตรงจริงๆ”
หลังจากนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นและหันไปทางกล้อง
ในขณะนี้ ภาพนี้ก็ได้ถูกถ่ายทอดสดออกอากาศไปด้วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนและพ่อบ้านนั่งอยู่ในห้องรับแขก กำลังดูการแถลงข่าวนี้ด้วย
หมินอันเกอเดินออกมาจากห้องนอน เห็นพี่เจี้ยนกำลังเปิดดูข่าวนี้อยู่
ได้ยินคำนี้ เขาก็หยุดเดินกะทันหัน มองดูคนที่อยู่ในทีวี
ได้ยินเสียงแล้ว พี่เจี้ยนหันมามอง
เห็นหมินอันเกอ แล้วพูด: “ตอนเช้าในวันนี้ หลวนจื่อเชิญนักข่าวทั้งหมดมาเปิดแถลงข่าว ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร”
หมินอันเกอไม่พูดจา แต่กำลังมองดูทีวีตลอด
พี่เจี้ยนขมวดคิ้ว แล้วพูดต่อไป: “ผมกังวลอยู่ เธอจะพูดอะไรที่ไม่ดีต่อนายรึเปล่า ตอนนี้สถานะของนายแย่มากพอแล้ว ถ้า……”
“ไม่หรอก” หมินอันเกอเอ่ยปากพูดทันที
พี่เจี้ยนมองหน้าเขาด้วยความตกใจ กลับมองเห็นในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
แต่ไม่ใช่เป็นห่วงตนเอง แต่เหมือนกำลังเป็นห่วงหลวนจื่อ
บนทีวีกำลังถ่ายทอดสดอยู่ ภาพได้สับเปลี่ยนมาอยู่ที่ตัวหลวนจื่อ
ตาของเธอจ้องตรงกับกล้อง พูดต่อไปอีกว่า: “เมื่อวานนี้ มีคนเผยแพร่คลิปเสียงหนึ่งบนเว็บไซต์ ทุกคนน่าจะได้เห็นกันหมดแล้ว” “ที่ตรงนี้ ฉันจะบอกว่า เสียงนั้นเป็นของหมินอันเกอจริงๆ ตอนนั้นเขากำลังคุยกับฉันอยู่ ฉันก็กำลังตั้งครรภ์จริง เรื่องนี้ ทุกคนน่าจะดูออกแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ เธอหยุดไปสักพัก หันหน้าไปสบตากับเคอเหยียนรุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ
เห็นท่าทางเช่นนี้ หมินอันเกอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
หลวนจื่อ เธอจะทำอะไรกันแน่?
นักข่าวที่นั่งอยู่ด้านล่างได้ยินเช่นนี้แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้น คุณหลวนจื่อ ลูกในท้องของคุณเป็นลูกของหมินอันเกอจริงๆหรือ?”
นักข่าวที่นั่งอยู่ด้านล่างต่างก็ซุบซิบคุยกันอีกครั้ง เสียงดังวุ่นวายไปหมด
หลวนจื่อจึงต้องขึ้นเสียงสูงอีกหน่อย
“หมินอันเกอก็คิดอย่างนี้เช่นกัน”
แค่ประโยคเดียว ทำให้ทุกคนเงียบลงทันที
“นี่หมายความว่ายังไง?”
“หรือว่าไม่ใช่ลูกของเขา?”
นักข่าวทั้งหลายตั้งใจมองดูบนตัวของหลวนจื่อ
แววตาของหลวนจื่อก็มองหน้านักข่าวทุกท่าน จากนั้นก็พยักหน้า
“ถูกต้องค่ะ”
พูดคำนี้แล้ว ทุกคนตกใจกันจนชุลมุนวุ่นวาย!
แววตาของหลวนจื่อมั่นคงแน่วแน่มากยิ่งขึ้น พูดต่อไปอีกว่า: “ฉันบอกหมินอันเกอว่า เด็กในท้องเป็นของเขา ที่จริงแล้วฉันโกหกเขา”
เห็นแววตาที่ตกตะลึงของทุกคน หลวนจื่อก็ยังพูดต่อ: “ฉันกับหมินอันเกอเคยคบกันช่วงหนึ่งจริงๆ แต่ก็เลิกกันตั้งนานแล้ว ส่วนเด็กในท้อง ก็ท้องหลังจากที่เราเลิกกันนานแล้ว ไม่มีความเกี่ยวพันกับหมินอันเกอเลยสักนิดเดียว”
“หมินอันเกอถูกฉันหลอก จึงได้พูดคำพูดเหล่านั้นที่อยู่ในคลิปเสียงนั้น”
พอพูดจบ ทั้งห้องประชุมเงียบมาก ไม่มีเสียงซุบซิบใดๆเลย ไม่มีใครเอ่ยปากพูด
พอผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงดังวุ่นวายขึ้นมา
“คุณหลวน ที่คุณพูดทั้งหมดเป็นความจริงหรือเปล่าครับ?”
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็คือคุณหลอกหมินอันเกอและทุกคน?”
“แล้วพ่อของเด็กคือใคร? บอกพวกเราได้ไหม?”
… …
นักข่าวทั้งหลายต่างก็สอบถามขึ้นมาพร้อมกัน
หลวนจื่อใจเย็นและนิ่งมาก: “ต้องขออภัยด้วยค่ะ ฉันหลอกหมินอันเกอ ถึงได้เกิดเรื่องเข้าใจผิดมากขนาดนี้ เห็นข่าวในเว็บไซต์แล้ว ในที่สุดฉันรู้สึกได้ว่าตนเองผิดไปแล้ว จึงต้องเปิดการแถลงข่าวในครั้งนี้”
“คุณหลวน พ่อแท้ๆของลูกคือใครคะ?”
“พวกคุณจะแต่งงานกันเพราะเรื่องนี้หรือไม่?”
“ทำไมพ่อของลูกถึงไม่ออกมาเปิดเผยตัวตนสักทีล่ะคะ?”
นักข่าวทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่หลวนจื่ออีกครั้ง เหมือนจะต้องรู้ให้ได้ อยากจะถามออกมาจากปากของหลวนจื่อให้ได้ว่าพ่อของลูกคือใคร หลวนจื่อขมวดคิ้ว หลีกเลี่ยงกับคำถามนี้
“เรื่องนี้กับการแถลงข่าวในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด”
แต่พวกนักข่าวก็ยังไม่หยุด
“คุณหลวนคะ ถ้าเป็นเช่นนี้ คุณคิดจะมีลูกก่อนแต่งงั้นหรือคะ?”
“พ่อของเด็กไม่ออกมาเปิดตัวสักที เป็นเพราะไม่ยอมรับเด็กคนนี้ใช่หรือไม่?”
“เดี๋ยวก็บอกว่าหมินอันเกอเป็นพ่อของเด็ก เดี๋ยวก็บอกว่าเป็นของคนอื่น จะให้เราเชื่อได้ยังไง?”
“ตอนที่คุณบอกกับหมินอันเกอว่าลูกในท้องเป็นของเขา เป็นเพราะจะแก้แค้น หรือว่าล้อเล่น?”
คำถามที่ฉุนเฉียวต่างๆนาๆพุ่งใส่ตัวหลวนจื่อมากมาย
สีหน้าของเธอซีดลงนิดๆ ปิดปากเงียบๆ ไม่เอ่ยปากพูดอะไร
แต่นักข่าวก็ยังไม่หยุดตั้งคำถามเพราะเหตุนี้
เคอเหยียนรุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆมองหน้าเธอด้วยความเป็นห่วง
เห็นสีหน้าของหลวนจื่อไม่ค่อยดีนัก ทนจนทนไม่ไหว จึงลุกขึ้นยืนทันที
“คือผมเอง”
พอเขาเปิดปากพูด ทุกคนหันหน้าไปมอง
ตอนเมื่อสักครู่นี้ หลวนจื่อเข้ามาถึง ทุกคนต่างก็มองไปที่ตัวหลวนจื่อ ไม่สังเกตเห็นมีคนอยู่ข้างๆเลยสักนิด
ตอนนี้ดูดีๆแล้วเพิ่งสังเกตเห็นคนที่ออกมาพร้อมกับเธอเมื่อสักครู่นี้ เป็นดีไซน์เนอร์ที่เคยมีชื่อเสียงอยู่ช่วงหนึ่ง
เคอเหยียนรุ่ย
หลวนจื่อได้ยินคำพูดของเขา แล้วก็หันหน้ามาอย่างตกตะลึง
พูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ: “คุณกำลังพูดมั่วอะไร?”
เคอเหยียนรุ่ยปลอบโยนเธอด้วยการลูบๆบนหลังมือของเธอ
“ถ้าผมไม่พูดเช่นนี้ นักข่าวไม่มีทางปล่อยคุณแน่”
พูดไปด้วย แล้วก็ลุกขึ้นยืน มองไปทางนักข่าวทุกๆคน จากนั้นก็เอ่ยปากพูด: “เด็กในท้องของหลวนจื่อ เป็นของผม พวกคุณไม่ต้องถามอีกแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนต่างหายใจลึกๆ
นึกถึงตอนเมื่อสักครู่ที่ทั้งสองเดินออกมาด้วยกัน ท่าทางของทั้งสองคนดูแล้วไม่ธรรมดาจริงๆ
หรือว่าพ่อของเด็กในท้องของหลวนจื่อจะเป็นเคอเหยียนรุ่ยจริงๆหรือ?
หลวนจื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว รีบยืนขึ้นมาอย่างร้อนใจ อยากจะอธิบาย แต่ถูกเคอเหยียนรุ่ยห้ามไว้
“การแถลงข่าวในวันนี้ขอจบลงเพียงเท่านี้”
พูดเสร็จ เขาจูงมือหลวนจื่อ เตรียมจะออกไป
ทันใดนั้นมีเสียงดัง ปั้ง ประตูห้องประชุมถูกคนเปิดออก
“เดี๋ยวก่อน!”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา หลวนจื่อหันหน้าไปมอง เห็นมีเงาร่างของคนๆหนึ่ง ยืนอยู่ตรงประตูและมีแสงสะท้อน
ถึงแม้จะดูไม่ค่อยชัดเจน แต่หลวนจื่อรู้ว่านั่นคือหมินอันเกอ
วินาทีที่เขาแสดงตัว มีคนไม่น้อยที่ดูเขาออก ต่างหันหน้ามามองเขาอยู่
แสงไฟสว่างขึ้น ส่องหน้าของหมินอันเกอจนขาวสว่าง
สายตาของเขามองผ่านหลวนจื่อและเคอเหยียนรุ่ย
ดวงตาดูหมองเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เหมือนสองสามวันนี้พักผ่อนไม่เพียงพอ สุดท้ายแววตาก็หันกลับมาที่ตัวของหลวนจื่อ จ้องมองเธออยู่
ในเวลานี้ หัวใจที่วุ่นวายและร้อนรน ในที่สุดก็สงบนิ่ง
หลวนจื่อ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ
หลายวันมานี้ เขาเคยสับสน ตอนนี้มาถึงตรงนี้ กลับรู้สึกทะลุปรุโปร่งขึ้นมาทันที
เขาเดินก้าวเท้าเข้าไป รู้สึกว่าตนเองโล่งใจไม่น้อย
ในใจของหลวนจื่อรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาทันที รีบยื่นมือดึงตัวเขาไว้
“หมินอันเกอ คุณคิดจะทำอะไร?”
แววตาของหมินอันเกอนิ่งมาก หลวนจื่อตกใจไปสักพัก เหมือนรู้สึกว่าเขาได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างแล้ว
จากนั้น เขาก็สลับมาจับมือของตนเอง