ยอดสตรีฉางอิ๋ง – ตอนที่ 138-2 องค์หญิงสามพระองค์

ตอนที่ 138-2 องค์หญิงสามพระองค์

ตอนที่ 138-2 องค์หญิงสามพระองค์
Xiaobei
นางหลิวและเว่ยฉางอิ๋งพากันตกตะลึง สะใภ้ทั้งสองพลันนึกเรื่องของเว่ยฉางเจวียนในวันที่ซูอวี๋ลี่ออกเรือนก่อนหน้านี้ขึ้นมาพร้อมกัน …นางหลิวพอจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสตรีชั้นสูงในเมืองหลวงดี เว่ยฉางอิ๋งเองก็เคยได้ยินกับหูว่า เว่ยฉางเจวียนเคยอวดอ้างว่าตนเองและองค์หญิงสองสามพระองค์ในวังมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน

หรือว่าหลังจากเว่ยฉางเจวียนกลับไปก็ไม่พอใจ จึงไปพูดจาบิดเบือนกับบรรดาองค์หญิง?

เว่ยฉางอิ๋งพลันขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างชัดเจน กล่าวว่า “องค์หญิงทรงมีเรื่องใช้สอย หม่อมฉันรับพระบัญชา”

นางหลิวแอบจับแขนเสื้อนางหนหนึ่ง เอ่ยเสียงเบาว่า “อีกประเดี๋ยวข้าจะขอให้ พระชายาท่านอ๋องรุ่นส่งคนไปเรียกเจ้า”

แต่เรื่องที่สะใภ้ทั้งสองเป็นกังวลกลับได้ผิดคาดเลย เพิ่งจะแยกจากพระมารดา ท่านอ๋องรุ่นและพระชายาท่านอ๋องรุ่น องค์หญิงชิงซินก็จู่โจมในทันใด “ได้ยินว่าเจ้าอาศัยฐานะของลูกผู้พี่จงใจไปรังแกฉางเจวียน? มีพี่สาวคนใดเป็นอย่างเจ้ากัน?”

เว่ยฉางอิ๋งได้ฟังคำที่กลับดำเป็นขาวทั้งไม่ว่าด้วยเหตุผลดังนี้แล้วพลันรู้สึกรำคาญใจนัก นางอดนึกถึงเจียงเจิงครูฝึกของตนไม่ได้ ‘วันนั้นท่านลุงเจียงถูกองค์รัชทายาทเซินสวินให้ร้ายอยู่กลางถนน คนที่มีวรยุทธเก่งกาจแต่กลับอาจตอบโต้ได้ เพราะเซินสวินมีอำนาจเหนือกว่า และต้องปล่อยให้ผู้ติดตามของเซินสวินรุมทำร้ายตามอำเภอใจ ยามนี้องค์หญิงชิงซินก็คิดจะทำเช่นนี้กับเข้ารึ?’

นางคิดเชื่อมโยงกันไปดังนี้ ยังไม่ได้ตอบคำองค์หญิงชิงซินในทันใด องค์หญิงชิงซินยิ่งโกรธเกรี้ยวกว่าเดิม หยุดเดินในทันใด ใบหน้าน้อยๆ เนื้อนวลแสนงดงามเต็มไปด้วยไฟโทสะ พูดเสียงดังว่า “ในเมื่อเจ้าไม่ยอมตอบคำข้า เช่นนั้นก็จงนั่งคุกเข่าอยู่ที่นี่ นั่งคุกเข่าไปสามวันสามคืน พิจารณาตนเองให้ดี!”

สะใภ้ท่านอ๋องรุ่นที่นำทางอยู่ข้างหน้าได้ยินเสียงดัง รีบหันกลับมา ได้ยินคำรีบเข้าไปไกล่เกลี่ยว่า “องค์หญิงโปรดระงับโทสะ เหตุใดลูกผู้น้องเว่ยจะไม่ยอมตอบคำ องค์หญิงเล่าเพคะ? คงเป็นเพราะเรื่องราวสับสน ลูกผู้น้องเว่ยต้องคิดสักหน่อยจึงอธิบายออกมาได้เพคะ” ว่าแล้วส่งสายตาให้แก่เว่ยฉางอิ๋ง

เว่ยฉางอิ๋งกลั้นโทสะเอาไว้ กล่าวว่า “เรื่องในวันนั้น มีคนในงานมากมายนัก ที่แท้แล้วเป็นผู้ใดถูกผู้ใดผิด ทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกัน คำที่องค์หญิงตรัสนี้ หม่อมฉันไม่ทราบว่าควรจะตอบอย่างไรจริงๆ เพคะ!”

องค์หญิงชิงซินกล่าวด้วยความโกรธว่า “เจ้าไม่ได้ยินคำข้ารึ? ยามนี้ข้ากำลังถามเจ้าอยู่!”

“อาเป่า เจ้าหมายถึงเรื่องในวันที่ซูอวี๋ลี่ออกเรือนนั่นหรือ?” องค์หญิงหลินชวนพลันเอ่ยปาก และทำให้ทุกคนรู้สึกคาดไม่ถึง “เจ้าถูก เว่ยฉางเจวียนหลอกเอาแล้วกระมัง? เรื่องในวันนั้นข้าได้ยินหลายคนเอ่ยถึง บอกว่าเป็นเว่ยฉางเจวียนเองที่ทำเรื่องเลอะเลือน คล้ายว่านางยังบอกว่าหลังจากวันนั้นแล้วจะไปขอมาเว่ยฉางอิ๋งด้วย เหตุใดเจ้าจึงฟังว่าเป็นเว่ยฉางอิ๋งไปรังแกเว่ยฉางเจวียนเสียได้?”

สะใภ้ท่านอ๋องรุ่นรีบบอกว่า “องค์หญิงหลินชวนตรัสถูกต้องแล้วเพคะ วันนั้น…”

“เว่ยฉางเจวียนจะทำไม่ดีได้อย่างไร?” องค์หญิงชิงซินเห็นว่าพี่สาวและพี่สะใภ้ต่างพากันไปช่วยเว่ยฉางอิ๋งมาเล่นงานตน รู้สึกว่าตนเองถูกทิ้งเสียแล้ว จึงยิ่งรู้สึกโกรธอยู่ในใจ …เดิมทีนางก็อายุไม่มาก อีกทั้งถูกเอาใจจนเคยตัว ได้ดังใจจนเคยตัว จึงเอ่ยพาลไปเสียเลยว่า “ต่อหน้าข้า นางเป็นคนที่รู้จักธรรมเนียมดีที่สุดเสมอมา และเป็นคนที่รู้จักกาลเทศะมากที่สุด เหตุใดเมื่อมาพบเจ้าแล้วจึงไม่ดีไปได้? นี่จักต้องเป็นเพราะ เว่ยฉางอิ๋งไม่ดี!”

เว่ยฉางอิ๋งรู้สึกชิงชังรังเกียจฮองเฮากู้สามแม่ลูกอยู่ในใจเป็นที่สุด นางรีบใคร่ครวญอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบเฉยว่า “อาจเป็นเพราะลูกผู้พี่เช่นหม่อมฉันยอมให้นางไม่พอกระมังเพคะ”

“พูดจากเหลวไหล!” องค์หญิงชิงซินเท้าสะเอว ดูท่าว่าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเอาเรื่องนางให้ถึงที่สุด แล้วเอ่ยอย่างยโสว่า “ข้าก็ไม่ได้ยอมให้เว่ยฉางเจวียนเช่นกัน!”

องค์หญิงหลินชวนยังอยากเอ่ยปากสิ่ง แต่องค์หญิงอันจี๋ที่เดิมทีคอยเป็นปรปักษ์กับนางในทุกเรื่องกลับหัวเราะออกมาหนหนึ่ง กล่าวว่า “อาเป่า เจ้าช่างน่าขายหน้านัก!”

องค์หญิงชิงซินเป็นพระราชธิดาองค์เล็กสุดของฮ่องเต้และฮองเฮากู้ มีฐานะสูงส่ง นับว่าสูงสุดในบรรดาองค์หญิงและองค์ชายด้วย แล้วนางจะเคยถูกคนตำหนิเช่นนี้แต่เมื่อใด? จึงโมโหโกรธาขึ้นมายกใหญ่ หันหน้าพรึบไปหา ตวาดว่า “นังหญิงชั่วลูกเจินอี้ เจ้ากล้าว่าข้าเช่นนี้รึ!”

พระมารดาถูกด่าทอ องค์หญิงอันจี๋พลันมีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นทันใด… แต่ความสูงศักดิ์และเป็นที่โปรดปรานขององค์หญิงชิงซินก็หาได้ทำให้นางไม่กล้าลงมือ ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นผลักชิงซินจนเซ นางผลักไม่เบาเลย ชิงซินก็อายุยังน้อย เซถลาไปข้างหลังหลายก้าว เพราะก่อนหน้านี้องค์หญิงชิงซินยืนถามอยู่ตรงหน้าเว่ยฉางอิ๋งพอดี เวลานี้จึงถลันมาบนตัวเว่ยฉางอิ๋ง

ฉินเกอสาวใช้ของเว่ยฉางอิ๋งรีบเข้าไปประคองนาง …องค์หญิงชิงซินกลับไม่รับน้ำใจ ผลักฉินเกอออก เพราะนางเคลื่อนไหวอย่างรีบร้อนเกินไป คล้ายว่าที่แขนจะถูกบางสิ่งรั้งเอาไว้นางก็ไม่สนใจแล้ว พลันพุ่งตัวเข้าไปสู้ตายกับองค์หญิงอันจี๋ “ลูกนังชั้นต่ำเจินอี้! เจ้ากล้าผลักข้า! เจ้าเห็นว่าข้าเป็นพี่สิบหกรึ?”

คำพูดนี้ทำเอาองค์หญิงหลินชวนไม่เหลือหน้าตาอีกแล้ว เดิมทีคิดจะแสร้งทำเป็นกล้าหาญเข้าไปห้ามปราม…เพราะอย่างไรในบรรดา องค์หญิงทั้งสามนางก็โตที่สุด และพวกนางก็มาที่จวนท่านอาอ๋องเพื่ออวยพรลูกผู้พี่ด้วยกัน แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้พบหน้าลูกผู้พี่เลย น้องสาวทั้งสองก็มามีเรื่องกันเสียแล้ว เช่นนี้นางก็ต้องรับผิดชอบด้วย แต่เพราะองค์หญิงชิงซินพูดจาไม่น่าฟัง องค์หญิงหลินชวนจึงกัดฟัน และเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ เพียงแต่เอ่ยไปว่า “พระขนิษฐาทั้งสองอย่าทำเช่นนี้ ที่นี่เป็นเรือนของท่านอาอ๋องรุ่นนะ!”

องค์หญิงชิงซินพุ่งตัวไปตรงหน้าองค์หญิงอันจี๋ …แม้แต่องค์หญิงสิบหกหลินชวนเองก็ไม่รู้ว่าตบตีกับองค์หญิงสิบเจ็ดอันจี๋มากี่ครั้งแล้ว องค์หญิงชิงซินยังไม่ทันโต แล้วจะเป็นคู่ปรับของพระพี่นางผู้นี้ได้ที่ใด? คราวนี้นับว่าเว่ยฉางอิ๋งได้เห็นองค์หญิงอันจี๋ลงมืออย่างดุร้ายเสียที นางอาศัยที่ตนสูงกว่า ยกมือขึ้นจับมวยผมก้นหอยคู่ของ องค์หญิงชิงซินแล้วกระชากลงอย่างแรง!

องค์หญิงชิงซินเจ็บปวดจนร้องเสียงดังออกมา แล้วยิ่งร้องด่าว่า “นังชั้นต่ำเจินอี้” อยู่ไม่ขาดปาก องค์หญิงอันจี๋กดหัวนางไว้แล้วยกขาขึ้นถีบด้วยหน้าตาเกรี้ยวกราดและด่าทอไปว่า “ไอ้ตัวเล็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! พระมารดาของข้าเกี่ยวพันกับเจ้าอย่างไร? แม้แต่เสร็จแม่ฮองเฮาก็ยังไม่เคยเอ่ยถึงพระมารดาของข้าเช่นนี้เลย เจ้านึกว่าเจ้าเป็นสิ่งใด! อาศัยว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่รักหลงเจ้า ก็เลยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงใดเลยสักน้อย ทำพวกเรากิ่งทองใบหยกเสียหน้าจนหมดแล้ว! เจ้ามันตัวบ่อนทำลาย!”

องค์หญิงหลินชวนเอาแต่ขยับปากไม่ขยับมือ เว่ยฉางอิ๋งก็ยืนดูองค์หญิงชิงซินถูกตีอย่างมีความสุข แต่นางโจวสะใภ้ท่านอ๋องรุ่นกลับร้อนใจจนขวัญเตลิด รีบเข้าไปห้ามทับพร้อมกับสาวใช้ “องค์หญิงทั้งสอง! องค์หญิงทั้งสอง! อย่าทำเช่นนี้ อย่าทำเช่นนี้เพคะ! ค่อยๆ ตรัสกันดีๆ เพคะ ล้วนเป็นสายเลือดเดียวกันแท้ๆ ไยต้องลงไม้ลงมือกันเพคะ!”

องค์หญิงชิงซินเจ็บปวดเพราะถูกถีบ ร้องห่มร้องไห้ทั้งอาละวาดยกใหญ่ “ผู้ใดเป็นสายเลือดเดียวกับลูกนังชั้นต่ำ? เสด็จแม่ข้ายังแอบพูดบ่อยๆ ว่านางไม่ใช่ของดี!”

องค์หญิงอันจี๋รีบเอ่ยทันใดว่า “เสด็จแม่เคยตรัสว่าข้าเช่นนี้? เช่นนั้นก็ดี เจ้ากลับวังกับข้าไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปถามเสด็จแม่ดู ว่ามีเรื่องใดที่ข้าทำไม่ดี จักได้ตรัสบอกให้ข้าปรับปรุงตัว!”

พูดพลางออกแรกลากองค์หญิงชิงซินกลับออกไปทางเดิม

องค์หญิงชิงซินไม่ยอม ระหว่างที่นางดิ้นรนก็ถูกองค์หญิงอันจี๋ออกแรงดึง จนทำให้นางล้มลงบนพื้น แล้วยังขืนลากนางไปบนก้อนกรวด …ทันใดนั้นก็ได้ยินองค์หญิงชิงซินร้องไห้โฮดังลั่น เว่ยฉางอิ๋งยืนอยู่ข้างๆ มองเห็นชัดเจนว่าบนก้อนกรวดที่นางถูกลากผ่านไปนั้นมีรอยแดงสองรอย คิดว่าเนื้อตัวขององค์หญิงน้อยผู้นี้บอบบางนัก พอถูกลากไปอย่างนี้ก็ทำให้หัวเข่าครูดไปบนก้อนกรวดจนถลอกแล้ว

______________________________________

ยอดสตรีฉางอิ๋ง

ยอดสตรีฉางอิ๋ง

Status: Ongoing
“ตอนนั้นท่านปู่จัดการหมั้นข้ากับสามีฝ่ายบู๊เพราะชะตาต้องกันเพียงคราเดียว!
ข้าไม่ร้องไห้โฮออกมาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังจะให้มีความสุขทั้งสองฝ่าย?
ตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ วันเวลาแสนหวานชื่นในอนาคตที่ข้าคิดว่าจะมีได้
ก็คือตีจนกว่าเขาจะต้องเชื่อฟังข้าไปทั้งชีวิต และไม่ทำให้ข้าต้องโมโห!
มีความสุขทั้งสองฝ่าย…ข้าจะไปชอบสามีเยี่ยมยุทธ์อย่างนั้นได้อย่างไร!
ข้ายังไม่ชอบเขา แล้วการที่เขาจะชอบข้าหรือไม่ ยังจะสำคัญหรือ?
ที่สำคัญก็คือ เขาต้องเชื่อฟังข้า!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท